สวัสดีครับ เพื่อนๆชาวพันทิป
กระทู้เก่านะครับ ที่ผมเคยเขียนไว้
https://ppantip.com/topic/36920955
หลังจากที่ผ่านไป 1 ปีกว่าๆ ผมได้รับประสบการณ์ต่างๆมากมาย จากการเริ่มก้าวออกมาทำธุรกิจของตัวเองนะครับ และการทำงานในกงสีที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้นบ้าง
หลายๆท่านอาจจะคิดว่า การที่ผมมาแชร์ น่าจะเป็นเรื่องที่ผมประสบความสำเร็จแล้วระดับนึง จากการออกไปทำธุรกิจของตัวเอง ใช่ไหมครับ แต่ความจริงแล้ว เรื่องไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ
ผมจำเป็นที่จะต้องปิดธุรกิจที่ผมสร้างขึ้น หลังจากที่ผมทำไปได้เพียง 6 เดือน เพราะครอบครัวขอร้องให้ผมกลับไปช่วยธุรกิจที่บ้านอย่างเต็มตัวเหมือนเดิม เนื่องจากธุรกิจที่บ้านเกิดวิกฤตอย่างหนักหน่วง (หนักถึงขั้น บริษัทลูก C กับ D ต้องปิดตัวลง)
ผมได้พูดคุยกับเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งทั้งสองคนเข้าใจ และเต็มใจที่จะปิดมัน (อีก 2 คนเอง เป็นพนักงานเงินเดือน จึงไม่มีเวลาว่างมากพอ ที่จะมาทำเหมือนตัวผม เพราะบางเวลา ต้องใช้เวลาทำงานมาทำวิ่งลูกค้า จึงจำเป็นต้องปิด)
ก่อนที่จะตัดสินใจปิดมัน เป็นช่วงเวลาที่ผมเครียดมาก เพราะการปิดบริษัทที่ผมตั้งใจเปิดมันกับมือ คิดถึง model ธุรกิจ และความทุ่มเทที่ใส่ลงไปช่วงต้น มันเยอะมาก แต่วิกฤตธุรกิจของที่กงสีก็แย่มาก ที่กงสีก็ต้องการตัวผมให้กลับไปช่วย มันเป็นการเลือกที่ยากมาก จะทิ้งครอบครัวไป แล้วไปโตคนเดียว หรือ กลับไปเจอกับเรื่องแย่ๆ แต่อย่างน้อยครอบครัวนี้ก็เป็น ครอบครัวเดียวของผม ที่ดูแลผมมาตั้งแต่เด็ก
ท้ายที่สุด ผมให้น้ำหนัก ครอบครัว มากกว่า ครับ แต่คราวนี้ ผมกลับไปด้วยสิ่งใหม่ เพราะผมจะไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง
ผมเปิดฝ่ายธุรกิจใหม่ และเกณฑ์พนักงานรุ่นใหม่ทุกคนมาอยู่ที่หน่วยผม และใช้ช่องทางใหม่ทั้งหมด โดยไม่ยุ่งกับลูกค้า หรือช่องทางเก่า ที่ตอนนี้ญาติผมในกงสีดูแลอยู่ (หน่วยนี้อยู่ภายใต้บริษัท A) รายได้ทั้งหมดที่หน่วยนี้ทำได้ จะผ่านทางระบบของผมก่อน แล้วค่อยเข้าบัญชีของกงสี ทำให้ผมรู้หมดว่า รายได้ที่ผมทำได้ จะเป็นจำนวนเท่าไรบ้าง เพื่อผมจะได้มีอำนาจต่อรองกับทางญาติผมทุกคน
ผลลัพธ์จากการเปิด หน่วยใหม่ ทุกๆอย่างเริ่มดีขึ้น!!! พนักงานรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ แยกจากกันอย่างชัดเจน การบริหารทำได้ง่ายขึ้น ความอิสระของการทำงานเริ่มสะดวกขึ้น ไม่ต้องผ่านการประชุมที่ยืดเยื้อ (ความยากมีแค่ช่วงเดียวคือการของบประมาณ ที่ใช้เวลานานมาก กว่าจะอนุมัติ) สิ่งที่ผมต้องทำต่อไปเรื่อยๆ คือ ผลงาน ที่เป็นตัวสำคัญในการขยายหน่วยของผม เพื่อดูแลทุกๆส่วนในกงสี
ความยากในช่วงก่อตั้งหน่วยนี้ ยากยิ่งกว่าเปิดบริษัทใหม่เสียอีก เพราะการดึงพนักงานที่ทำงานอยู่แล้ว มาเปลี่ยนแปลงความคิด และทำงานแบบคนรุ่นใหม่ นั้นยากกว่า จ้างใหม่เสียอีก แต่หลังจากที่เริ่มลงตัว และเริ่มจ้างพนักงานเด็กรุ่นใหม่มาทำงานด้วย การเปิดใจก็เริ่มเกิดขึ้น
สิ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงอีกอย่างที่สำคัญ คือ ผมเริ่มมีอำนาจในที่ประชุมมากขึ้น การแสดงความเห็น การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเริ่มมากขึ้น อาจจะเนื่องจากหน่วยของผม เริ่มทำผลงาน ยอดขายดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งผมได้มีส่วนเข้าไปดูรายจ่าย และเริ่มจะควบคุมค่าใช้จ่ายของที่บ้านในบางส่วนได้
สิ่งที่ผมได้สร้างการเคลื่อนไหวอีกอย่าง คือ ผมเริ่มคุยกับเด็กรุ่น Gen ผม เรื่องกฎระเบียบ การใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และพบว่า คุยกับ Gen ผมนั้น มีความร่วมมือที่ง่ายกว่า คุยกับ Gen อื่นๆ และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
ทุกๆอย่างเริ่มจะดีขึ้นภายในกงสี แต่ก็ยังมีบางคนในกงสี ที่ยังคงไม่ยอมคุยกับตัวผมอยู่ และเริ่มตีตัวออกห่าง ซึ่งผมเองก็ไม่สนใจอะไร เพราะผมคิดว่า การทำของผมนั้น ผมก็ทำเพื่อครอบครัวของผม สิ่งที่ผมต้องทำต่อไปคือ การสร้างผลงานต่อเนื่อง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและการเกรงใจจากคนอื่นในครอบครัว และในภายภาคหน้า จะได้สร้างกฎระเบียบอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ต่อ Gen หน้าอีก
*กระทู้นี้เป็นเรื่องราวที่ผมเขียนไว้ เพื่อเป็นหลักฐานในตัวเอง ในการกล้ากลับไปเผชิญหน้าและแก้ปัญหาครอบครัว ไม่หนีไปหาความสุขสบายด้วยตัวคนเดียว ภายในปีหน้า ถ้ามีอะไรเป็นประโยชน์ ผมจะมาแบ่งปันให้อีกนะครับ ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่าน หาทางแก้ไขปัญหาต่างๆได้นะครับ*
ระบายประสบการณ์การทำงานในกงสี และชีวิตที่จะเปลี่ยนไป (2)
กระทู้เก่านะครับ ที่ผมเคยเขียนไว้ https://ppantip.com/topic/36920955
หลังจากที่ผ่านไป 1 ปีกว่าๆ ผมได้รับประสบการณ์ต่างๆมากมาย จากการเริ่มก้าวออกมาทำธุรกิจของตัวเองนะครับ และการทำงานในกงสีที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้นบ้าง
หลายๆท่านอาจจะคิดว่า การที่ผมมาแชร์ น่าจะเป็นเรื่องที่ผมประสบความสำเร็จแล้วระดับนึง จากการออกไปทำธุรกิจของตัวเอง ใช่ไหมครับ แต่ความจริงแล้ว เรื่องไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ
ผมจำเป็นที่จะต้องปิดธุรกิจที่ผมสร้างขึ้น หลังจากที่ผมทำไปได้เพียง 6 เดือน เพราะครอบครัวขอร้องให้ผมกลับไปช่วยธุรกิจที่บ้านอย่างเต็มตัวเหมือนเดิม เนื่องจากธุรกิจที่บ้านเกิดวิกฤตอย่างหนักหน่วง (หนักถึงขั้น บริษัทลูก C กับ D ต้องปิดตัวลง)
ผมได้พูดคุยกับเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งทั้งสองคนเข้าใจ และเต็มใจที่จะปิดมัน (อีก 2 คนเอง เป็นพนักงานเงินเดือน จึงไม่มีเวลาว่างมากพอ ที่จะมาทำเหมือนตัวผม เพราะบางเวลา ต้องใช้เวลาทำงานมาทำวิ่งลูกค้า จึงจำเป็นต้องปิด)
ก่อนที่จะตัดสินใจปิดมัน เป็นช่วงเวลาที่ผมเครียดมาก เพราะการปิดบริษัทที่ผมตั้งใจเปิดมันกับมือ คิดถึง model ธุรกิจ และความทุ่มเทที่ใส่ลงไปช่วงต้น มันเยอะมาก แต่วิกฤตธุรกิจของที่กงสีก็แย่มาก ที่กงสีก็ต้องการตัวผมให้กลับไปช่วย มันเป็นการเลือกที่ยากมาก จะทิ้งครอบครัวไป แล้วไปโตคนเดียว หรือ กลับไปเจอกับเรื่องแย่ๆ แต่อย่างน้อยครอบครัวนี้ก็เป็น ครอบครัวเดียวของผม ที่ดูแลผมมาตั้งแต่เด็ก
ท้ายที่สุด ผมให้น้ำหนัก ครอบครัว มากกว่า ครับ แต่คราวนี้ ผมกลับไปด้วยสิ่งใหม่ เพราะผมจะไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง
ผมเปิดฝ่ายธุรกิจใหม่ และเกณฑ์พนักงานรุ่นใหม่ทุกคนมาอยู่ที่หน่วยผม และใช้ช่องทางใหม่ทั้งหมด โดยไม่ยุ่งกับลูกค้า หรือช่องทางเก่า ที่ตอนนี้ญาติผมในกงสีดูแลอยู่ (หน่วยนี้อยู่ภายใต้บริษัท A) รายได้ทั้งหมดที่หน่วยนี้ทำได้ จะผ่านทางระบบของผมก่อน แล้วค่อยเข้าบัญชีของกงสี ทำให้ผมรู้หมดว่า รายได้ที่ผมทำได้ จะเป็นจำนวนเท่าไรบ้าง เพื่อผมจะได้มีอำนาจต่อรองกับทางญาติผมทุกคน
ผลลัพธ์จากการเปิด หน่วยใหม่ ทุกๆอย่างเริ่มดีขึ้น!!! พนักงานรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ แยกจากกันอย่างชัดเจน การบริหารทำได้ง่ายขึ้น ความอิสระของการทำงานเริ่มสะดวกขึ้น ไม่ต้องผ่านการประชุมที่ยืดเยื้อ (ความยากมีแค่ช่วงเดียวคือการของบประมาณ ที่ใช้เวลานานมาก กว่าจะอนุมัติ) สิ่งที่ผมต้องทำต่อไปเรื่อยๆ คือ ผลงาน ที่เป็นตัวสำคัญในการขยายหน่วยของผม เพื่อดูแลทุกๆส่วนในกงสี
ความยากในช่วงก่อตั้งหน่วยนี้ ยากยิ่งกว่าเปิดบริษัทใหม่เสียอีก เพราะการดึงพนักงานที่ทำงานอยู่แล้ว มาเปลี่ยนแปลงความคิด และทำงานแบบคนรุ่นใหม่ นั้นยากกว่า จ้างใหม่เสียอีก แต่หลังจากที่เริ่มลงตัว และเริ่มจ้างพนักงานเด็กรุ่นใหม่มาทำงานด้วย การเปิดใจก็เริ่มเกิดขึ้น
สิ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงอีกอย่างที่สำคัญ คือ ผมเริ่มมีอำนาจในที่ประชุมมากขึ้น การแสดงความเห็น การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเริ่มมากขึ้น อาจจะเนื่องจากหน่วยของผม เริ่มทำผลงาน ยอดขายดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งผมได้มีส่วนเข้าไปดูรายจ่าย และเริ่มจะควบคุมค่าใช้จ่ายของที่บ้านในบางส่วนได้
สิ่งที่ผมได้สร้างการเคลื่อนไหวอีกอย่าง คือ ผมเริ่มคุยกับเด็กรุ่น Gen ผม เรื่องกฎระเบียบ การใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และพบว่า คุยกับ Gen ผมนั้น มีความร่วมมือที่ง่ายกว่า คุยกับ Gen อื่นๆ และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
ทุกๆอย่างเริ่มจะดีขึ้นภายในกงสี แต่ก็ยังมีบางคนในกงสี ที่ยังคงไม่ยอมคุยกับตัวผมอยู่ และเริ่มตีตัวออกห่าง ซึ่งผมเองก็ไม่สนใจอะไร เพราะผมคิดว่า การทำของผมนั้น ผมก็ทำเพื่อครอบครัวของผม สิ่งที่ผมต้องทำต่อไปคือ การสร้างผลงานต่อเนื่อง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและการเกรงใจจากคนอื่นในครอบครัว และในภายภาคหน้า จะได้สร้างกฎระเบียบอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ต่อ Gen หน้าอีก
*กระทู้นี้เป็นเรื่องราวที่ผมเขียนไว้ เพื่อเป็นหลักฐานในตัวเอง ในการกล้ากลับไปเผชิญหน้าและแก้ปัญหาครอบครัว ไม่หนีไปหาความสุขสบายด้วยตัวคนเดียว ภายในปีหน้า ถ้ามีอะไรเป็นประโยชน์ ผมจะมาแบ่งปันให้อีกนะครับ ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่าน หาทางแก้ไขปัญหาต่างๆได้นะครับ*