ครอบครัวกงสี ลูกหลานมาทำต่ออึดอัดให้ตายยังไงบอกใครไปก็ไม่มีใครเข้าใจถ้าที่บ้านไม่ทำกงสี.....แม้กระทั่งเพื่อนก็ไม่เกตกับเรา เฮ้อออออ
เกริ่นก่อนเลย ที่บ้านเป็นคนจีนค่ะ ธุรกิจที่บ้านทำโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง มีพนักงาน 700 กว่าคน (ก็ขนาดน่าจะอยู่กลางๆน่ะ เพราะถ้าโรงงานใหญ่จะมีพนักงานเป็นพัน) ฐานะทางบ้านถือว่าก็โอเคอยู่ ไม่ได้เป็นเศรษฐีแต่ก็ไม่ลำบาก เดิมทีเรียนศิลปกรรมผิดจากที่บ้านมากมาแนว Art เลยละ จบใบแรก ต่อใบสอง Fashion คนละเรื่องเลย จับพัดจับถูเกิดเหตุการณ์บางอย่าง ต้องมาทำงานที่บ้าน "เอกสาร เอกสาร ต่อรอง คุยกับลูกค้า คุย Supplier" อืมไม่ใช่แนวตัวเองเลยนะเนี่ยแต่เอาเถอะเรื่องทดแทนบุญคุณมาก่อนก็ได้ เพื่อนฝูง ครอบครัวจะบอกเสมอว่า "เรามีกินมีใช้เพราะโรงงาน" (ถ้าไม่ทำไม่ช่วยจะเป็นคนอกตัญญูทันที)
สมัยเรียน...นอนหอ วันๆทำการบ้านไปเที่ยว อยากทำอะไรทำเลย แต่! ต้องเรียนให้จบภายในสี่ปี กลายเป็นตัวเราวางแผนเวลาเองกำหนดทุกอย่าง แล้วก็เรียนจบ ต่อใบสอง วันๆกิน เที่ยว เหมือนเดิมวางแผนเวลาเอง ที่บ้านรู้ว่า ไม่ต้องพูดมาก เพราะเป็นคนวางแผนเอง สรุป ชีวิตเรียน อิสระโกตรๆ
ทำงานครั้งแรกที่อื่นงานออกแนว Artๆ มีความสุขมาก นัดถ่ายงานตีห้า หกโมง ไม่มีปัญหา ไม่สายไม่บ่น เพราะรักงาน
ออกจากที่แรก กลับมาทำงานที่บ้าน งง แปร๊บบบบ
(ธุรกิจที่บ้านไม่ได้มีแค่ครอบครัวเรา จะมี พี่น้องลุงป้าน้าอา คนจีน!! เหมือนมงกุฏดอกส้มเลยละ เว้นแต่ไม่มีการฆ่ากัน ไม่กรีสใส่ สงครามประสาทล้วน)
เหตุการณ์ที่บ้านมีอะไรบ้าง
- พนักงานเก่าแก่เยอะ....อยู่มานานรักบริษัทมากโตมาด้วยกันว่างั้น ผู้ใหญ่ไม่มีนโยบายไล่ออกจ้าแรกๆก็เห็นด้วยหรอก หลังๆเริ่มไม่ไหว บอกเลย คนเก่าคนแก่ถ้าดีคือดี ถ้าแย่อย่าหันหลัง ทั้งนินทา ทั้งตั้งแง่ พอว่าให้ลองอะไรใหม่ๆ นางจะชักสีแล้วบอกว่า "เค้าทำกันมาตั้งนานแล้วไม่เห็นมีปัญหาเลย"...คิดในใจ เอาเลย
ไม่พูดละเบื่อ
- ปัญหางานเยอะมาก บางคนก็แยกงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก ปรึกษาเพื่อนบางแฟนบาง "ทุกที่ก็มีปัญหาหมดนั้นละทำงาน" คนจีนคะทำงานเถียงผู้ใหญ่ต่อให้ใช้เหตุผลให้ตาย คุณ ก็ ไม่ ชนะ ค่ะ แถมจะโดนด่ากลับมาด้วย จีจี
- เพื่อนแฟนมักจะปลอบใจว่า "เออ ทำๆไปเถอะ" "นี้ถ้าเป็นชั้น ชั้นจะทำแบบนี้" "ทำไมไม่ลองทำแบบนี้ดู"...กรูทำมาหมดแล้วค่ะ ต้องบอกว่าทำงานกับครอบครัวจะมีบางอย่างที่ ลูกและหลานมองตากันเองจะเข้าใจ คนที่ไม่ทำธุรกิจกงสีจะไม่เข้าใจจุดนี้ จริงๆ
- สิ่งที่คนนอกมอง ดีจะตายทำกับที่บ้านอยากไปไหนก็ไป เงินก็มีใช้ รถก็มีขับ สบาย อิสระด้วย...ไม่น่ะ พูดเลย อยากไปไหนก็ได้ไปจิง แต่ ต้องบอกผู้ใหญ่ก่อนจะไปที่ไหนกลับวันไหนยังไง (ของแถมถ้าตอนไปงานมีปัญหาคุณงานเข้าค่ะ) บางครั้งก็เออ...ไม่ไปง่ายกว่า
- ผู้ใหญ่จะสอนว่า เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด...คำถาม? ถ้าผู้ใหญ่ไม่อยู่ให้เด็กเดินตาม หมากัด เด็กจะรอดมั้ย? โชคดีที่ครอบครัวหรือญาติผู้ใหญ่จะรักลูกหลาน เป็นห่วง ดูแลกันดี แต่ก็อึดอัดบางจุด คือ มักจะบังคับลูกหลานให้ไปในทางที่ผู้ใหญ่ต้องการซึ่งมันดีกับคนที่รับได้ แต่คนที่ไม่ชอบให้บังคับลูกหลานจะอยู่แบบไม่มีความสุขเลย คนยุคคุณย่าคุณยาย ผู้ใหญ่จะมองว่า "เด็กสมัยนี้ แต่งตัวอะไร" แรกๆที่มาทำบ้านเต็มๆค่ะ ไม่ได้แต่งตัวโป๊แต่อย่างใดใส่กระโปรงยาว แขนปกติ "โดนเรียกไปคุยบ่อยมาก ว่าอย่าแต่งตัวเยอะมาก แต่งให้ดูกระฉับกระเฉงหน่อย" หลังๆใส่เสื้อยืดกางเกงยีนเนี่ยขี้เกียดโดนเรียกไปคุยกลายเป็น เพื่อนบอกว่า "
แต่งตัวเถอะ โทรมมาก"
- ทำให้รู้ว่าจะทำงานร่วมกันต้องเปิดใจรับ แล้วงานจะไปได้ค่อนข้างดี ที่บ้านจะมีคนหลาย Gen กลุ่มแม่ลุงป้าgen babyboom รุ่นพี่จะเป็น gen x มีเราคนเดียวที่เป็น gen y คุยกันไม่รู้เรื่อง เชื่อเถอะพวก gen ทั้งหลายทั้งแลที่เขาแบ่งๆกันมันเป็นแบบนั้นจิงๆ (ลองไปหาอ่านกันดูนะ) บวกกับรุ่นพี่ๆ 4 5 คนจบนอกมาก จะมีความมั่นสูง ทะเลาะเรื่องงานที เราเดินออกดีกว่า
- ญาติเยอะทำงานถ้าไม่สร้างวัฒนธรรมองค์กรดีๆ พอผ่านไป พนักงานกิตติมศักดิ์ ลูกท่านหลานเธอจะเยอะจะฟังแต่นายตัวเอง ไม่พอใจใครใส่ไฟเลยค่ะ ทั้งฟ้อง ทั้งเอาไปนินทา ถ้ามีนายเจ้ามีใจเป็นกลางจะโชคดี ถ้านายฟังแต่ลูกน้องตัวเองก็จบเห่ ไม่มีใครอยากทำงานด้วย
- บรรยากาศกินข้าวแปรปวนพอกับพายุ เชื่อหรือไม่ ลูกหลานกงสี จะสามารถกินข้าวแบบไม่รู้ร้อน รู้หนาวได้ในระหว่างที่ผู้ใหญ่ทะเลาะกัน หรือ กำลังโดนส่งกระแสจิตอำมหิตใส่ เพราะชินแล้ว
- สบายใจแค่วันอาทิต ที่เหลือก็หดหู่ตามเดิม เพราะต้องทำงานวันเสาร์ บางครั้งวันธรรมดามันไม่มีอะไรให้ทำจริงๆ จะออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ สรุปคือ ให้ทำอะไร บางครั้งว่างๆหน่อย มีพนักงานรักองค์กรจะไปฟ้องผู้ใหญ่ "เนี่ยเล่นมือถือทั้งวันเลย"
- ความน่าเบื่อของพนักงานเลียขา พนักงานที่สามารถเลียผู้ใหญ่ได้จะเป็นความน่าเบื่อแก่ลูกหลาน ด้วยเหตุผลหลายประการ
- ลูกหลานกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่อยากทะเลาะกับผู้ใหญ่แต่ถ้าไม่พูดงานจะเสีย วันไหนผู้ใหญ่อารมณ์ดีดูลาดเลาแล้วคุยได้ให้รีบคุยซะ
- ไม่มีเพื่อนร่วมจะมีแต่ญาติพี่ๆที่เป็นเพื่อน พนักงานเค้าจะค่อนข้างเกรงใจคนที่เป็นลูกหลานกิจการ เค้าจะคุยเล่นหัวเราะ แต่ เราจะรู้สึกว่าเค้าจะไม่เข้าหาเราเต็มที่เท่าไหร (หรือตัวเองนิสัยไม่ดีรึเปล่าเนี่ย) พอเลิกงานเจอเพื่อนที จะคิดถึง เว่อ เว่อ
- สภาพลูกหลานที่มาทำงานแรกๆที่รับไม่ได้จะมีพฤติกรรมหลายแบบ คือ เลิกงานกลับบ้านกินเหล้า เบียร์, กลับบ้านร้องไห้, กลับบ้านแล้วกรีส หรือ กลับบ้านแล้วเป็นบ้า
- โดนกดดันทั้งข้างบนและข้างล่างเวลาทำงาน ถ้ามีงานซักชิ้นหรือปัญหาซักอย่าง ผู้ใหญ่จะมองดูห่างๆ กระตุ้นอยู่เนื่องๆ ส่วนพนักงานก็แล้วต้องยังไงค่ะ คนดีจะช่วย คนแย่จะฟ้องผู้ใหญ่ว่าเราพลาดอะไรบ้าง ผลงานมาไม่ว่างานจะดีเลิสหรือแย่เว่อ "ทำดีเสมอตัว ทำพลาดโดนแน่"
- ลูกหลานมีท่าทีไม่ดี จะลาออกอยู่รำไร ผู้ใหญ่จะบอกอย่างใจเย็นว่า "ธุรกิจบ้านเราก็อยากให้ลูกหลานดูแล" ลึกๆของลูกหลานส่วนใหญ่ ก็รักบ้าน รักธุรกิจครอบครัวนั้นละ พอจะออกโดนพูดแบบนี้ ดิชั้นลังเลเลย (อันนี้สับสนตัวเอง กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกแล้ว)
- ธุรกิจครอบครัวคุยกับคนนอกมากไม่ได้ เล่าหมดก็เหมือนเผาคนในบ้าน คงไม่มีใครอยากมานั่งนินทาบ้านตัวเอง (กระทู้ก็เกือบแล้วมั้ง)
- ทำงานนานๆเข้าพอพ้นความอึดอัดมาได้ จะชินเอง คิดเสมอว่า เล่าให้ใครฟังไม่มีใครเกตต้องโทหาเพื่อนที่เป็นกงสีด้วยกันจะเข้าใจ ไม่ก็ปลอบใจตัวเองซะว่า เราต้องผ่านไปให้ได้ ปัญหาคือสีสันและประสบการณ์ชีวิต
- "ทำในสิ่งที่รัก รักในสิ่งที่ทำ" เมื่อก่อนไม่เคยเข้าใจ ตอนนี้กระจ่างแล้ว
- บุคคลิกของเราเปลี่ยนไป ทำงานจะเหมือนคนเป็นโรคซึมเศร้า เจอเพื่อนเจอแฟนจะเป็นคนโลกสวยทันที เพื่อนก็จะถาม เก็บกดมาหรือยังไง คำตอบคือ มากๆเลยค่ะดีออก
- ลูกหลานถ้าได้ออกจากกงสี จะเหมือนนกบินออกจากรัง ไม่ก็เหมือนคนพลุแตก ถ้าได้ลาออกเค้าจะออกเลย กลับมาอย่างมากก็มาเยี่ยมพูดคุยกันแค่เรื่องส่วนตัวเรื่องงานงดพูด
ถ้าถามว่าตอนนี้อยากลาออกมั้ย...อยากลาออกมากค่ะ อยากออกมาทำอะไรที่ตัวเองรักมากกว่า ไม่ใช่ว่าไม่รักธุรกิจบ้านหรือไม่เกรงใจผู้ใหญ่ แต่ทุกวัน มานั่งทำงาน มองนาฬิกาว่า เมื่อไหรจะเลิกงาน มันไม่เวิค แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง (ไม่ช่ายเงินอย่างเดียวน่ะ) มันทำให้ออกไม่ได้ เชื่อว่าคนหลายคนที่ทำกงสีก็มีปัญหาคล้ายๆกัน สุดท้ายถ้าใครถามก้จะจบประโยคว่า เออช่างมันเถอะ
ไม่เข้าใจหรอก คำพูดแบบนี้เค้าไม่ได้จะตอบปัดๆหรอกแต่มันเปนแบบนั้นจิงๆ มันอธิบายไม่ได้
ธุรกิจกงสี บอกไปไม่มีใครเข้าใจยกเว้นลูกหลานกันเอง
เกริ่นก่อนเลย ที่บ้านเป็นคนจีนค่ะ ธุรกิจที่บ้านทำโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง มีพนักงาน 700 กว่าคน (ก็ขนาดน่าจะอยู่กลางๆน่ะ เพราะถ้าโรงงานใหญ่จะมีพนักงานเป็นพัน) ฐานะทางบ้านถือว่าก็โอเคอยู่ ไม่ได้เป็นเศรษฐีแต่ก็ไม่ลำบาก เดิมทีเรียนศิลปกรรมผิดจากที่บ้านมากมาแนว Art เลยละ จบใบแรก ต่อใบสอง Fashion คนละเรื่องเลย จับพัดจับถูเกิดเหตุการณ์บางอย่าง ต้องมาทำงานที่บ้าน "เอกสาร เอกสาร ต่อรอง คุยกับลูกค้า คุย Supplier" อืมไม่ใช่แนวตัวเองเลยนะเนี่ยแต่เอาเถอะเรื่องทดแทนบุญคุณมาก่อนก็ได้ เพื่อนฝูง ครอบครัวจะบอกเสมอว่า "เรามีกินมีใช้เพราะโรงงาน" (ถ้าไม่ทำไม่ช่วยจะเป็นคนอกตัญญูทันที)
สมัยเรียน...นอนหอ วันๆทำการบ้านไปเที่ยว อยากทำอะไรทำเลย แต่! ต้องเรียนให้จบภายในสี่ปี กลายเป็นตัวเราวางแผนเวลาเองกำหนดทุกอย่าง แล้วก็เรียนจบ ต่อใบสอง วันๆกิน เที่ยว เหมือนเดิมวางแผนเวลาเอง ที่บ้านรู้ว่า ไม่ต้องพูดมาก เพราะเป็นคนวางแผนเอง สรุป ชีวิตเรียน อิสระโกตรๆ
ทำงานครั้งแรกที่อื่นงานออกแนว Artๆ มีความสุขมาก นัดถ่ายงานตีห้า หกโมง ไม่มีปัญหา ไม่สายไม่บ่น เพราะรักงาน
ออกจากที่แรก กลับมาทำงานที่บ้าน งง แปร๊บบบบ
(ธุรกิจที่บ้านไม่ได้มีแค่ครอบครัวเรา จะมี พี่น้องลุงป้าน้าอา คนจีน!! เหมือนมงกุฏดอกส้มเลยละ เว้นแต่ไม่มีการฆ่ากัน ไม่กรีสใส่ สงครามประสาทล้วน)
เหตุการณ์ที่บ้านมีอะไรบ้าง
- พนักงานเก่าแก่เยอะ....อยู่มานานรักบริษัทมากโตมาด้วยกันว่างั้น ผู้ใหญ่ไม่มีนโยบายไล่ออกจ้าแรกๆก็เห็นด้วยหรอก หลังๆเริ่มไม่ไหว บอกเลย คนเก่าคนแก่ถ้าดีคือดี ถ้าแย่อย่าหันหลัง ทั้งนินทา ทั้งตั้งแง่ พอว่าให้ลองอะไรใหม่ๆ นางจะชักสีแล้วบอกว่า "เค้าทำกันมาตั้งนานแล้วไม่เห็นมีปัญหาเลย"...คิดในใจ เอาเลย ไม่พูดละเบื่อ
- ปัญหางานเยอะมาก บางคนก็แยกงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก ปรึกษาเพื่อนบางแฟนบาง "ทุกที่ก็มีปัญหาหมดนั้นละทำงาน" คนจีนคะทำงานเถียงผู้ใหญ่ต่อให้ใช้เหตุผลให้ตาย คุณ ก็ ไม่ ชนะ ค่ะ แถมจะโดนด่ากลับมาด้วย จีจี
- เพื่อนแฟนมักจะปลอบใจว่า "เออ ทำๆไปเถอะ" "นี้ถ้าเป็นชั้น ชั้นจะทำแบบนี้" "ทำไมไม่ลองทำแบบนี้ดู"...กรูทำมาหมดแล้วค่ะ ต้องบอกว่าทำงานกับครอบครัวจะมีบางอย่างที่ ลูกและหลานมองตากันเองจะเข้าใจ คนที่ไม่ทำธุรกิจกงสีจะไม่เข้าใจจุดนี้ จริงๆ
- สิ่งที่คนนอกมอง ดีจะตายทำกับที่บ้านอยากไปไหนก็ไป เงินก็มีใช้ รถก็มีขับ สบาย อิสระด้วย...ไม่น่ะ พูดเลย อยากไปไหนก็ได้ไปจิง แต่ ต้องบอกผู้ใหญ่ก่อนจะไปที่ไหนกลับวันไหนยังไง (ของแถมถ้าตอนไปงานมีปัญหาคุณงานเข้าค่ะ) บางครั้งก็เออ...ไม่ไปง่ายกว่า
- ผู้ใหญ่จะสอนว่า เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด...คำถาม? ถ้าผู้ใหญ่ไม่อยู่ให้เด็กเดินตาม หมากัด เด็กจะรอดมั้ย? โชคดีที่ครอบครัวหรือญาติผู้ใหญ่จะรักลูกหลาน เป็นห่วง ดูแลกันดี แต่ก็อึดอัดบางจุด คือ มักจะบังคับลูกหลานให้ไปในทางที่ผู้ใหญ่ต้องการซึ่งมันดีกับคนที่รับได้ แต่คนที่ไม่ชอบให้บังคับลูกหลานจะอยู่แบบไม่มีความสุขเลย คนยุคคุณย่าคุณยาย ผู้ใหญ่จะมองว่า "เด็กสมัยนี้ แต่งตัวอะไร" แรกๆที่มาทำบ้านเต็มๆค่ะ ไม่ได้แต่งตัวโป๊แต่อย่างใดใส่กระโปรงยาว แขนปกติ "โดนเรียกไปคุยบ่อยมาก ว่าอย่าแต่งตัวเยอะมาก แต่งให้ดูกระฉับกระเฉงหน่อย" หลังๆใส่เสื้อยืดกางเกงยีนเนี่ยขี้เกียดโดนเรียกไปคุยกลายเป็น เพื่อนบอกว่า "แต่งตัวเถอะ โทรมมาก"
- ทำให้รู้ว่าจะทำงานร่วมกันต้องเปิดใจรับ แล้วงานจะไปได้ค่อนข้างดี ที่บ้านจะมีคนหลาย Gen กลุ่มแม่ลุงป้าgen babyboom รุ่นพี่จะเป็น gen x มีเราคนเดียวที่เป็น gen y คุยกันไม่รู้เรื่อง เชื่อเถอะพวก gen ทั้งหลายทั้งแลที่เขาแบ่งๆกันมันเป็นแบบนั้นจิงๆ (ลองไปหาอ่านกันดูนะ) บวกกับรุ่นพี่ๆ 4 5 คนจบนอกมาก จะมีความมั่นสูง ทะเลาะเรื่องงานที เราเดินออกดีกว่า
- ญาติเยอะทำงานถ้าไม่สร้างวัฒนธรรมองค์กรดีๆ พอผ่านไป พนักงานกิตติมศักดิ์ ลูกท่านหลานเธอจะเยอะจะฟังแต่นายตัวเอง ไม่พอใจใครใส่ไฟเลยค่ะ ทั้งฟ้อง ทั้งเอาไปนินทา ถ้ามีนายเจ้ามีใจเป็นกลางจะโชคดี ถ้านายฟังแต่ลูกน้องตัวเองก็จบเห่ ไม่มีใครอยากทำงานด้วย
- บรรยากาศกินข้าวแปรปวนพอกับพายุ เชื่อหรือไม่ ลูกหลานกงสี จะสามารถกินข้าวแบบไม่รู้ร้อน รู้หนาวได้ในระหว่างที่ผู้ใหญ่ทะเลาะกัน หรือ กำลังโดนส่งกระแสจิตอำมหิตใส่ เพราะชินแล้ว
- สบายใจแค่วันอาทิต ที่เหลือก็หดหู่ตามเดิม เพราะต้องทำงานวันเสาร์ บางครั้งวันธรรมดามันไม่มีอะไรให้ทำจริงๆ จะออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ สรุปคือ ให้ทำอะไร บางครั้งว่างๆหน่อย มีพนักงานรักองค์กรจะไปฟ้องผู้ใหญ่ "เนี่ยเล่นมือถือทั้งวันเลย"
- ความน่าเบื่อของพนักงานเลียขา พนักงานที่สามารถเลียผู้ใหญ่ได้จะเป็นความน่าเบื่อแก่ลูกหลาน ด้วยเหตุผลหลายประการ
- ลูกหลานกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่อยากทะเลาะกับผู้ใหญ่แต่ถ้าไม่พูดงานจะเสีย วันไหนผู้ใหญ่อารมณ์ดีดูลาดเลาแล้วคุยได้ให้รีบคุยซะ
- ไม่มีเพื่อนร่วมจะมีแต่ญาติพี่ๆที่เป็นเพื่อน พนักงานเค้าจะค่อนข้างเกรงใจคนที่เป็นลูกหลานกิจการ เค้าจะคุยเล่นหัวเราะ แต่ เราจะรู้สึกว่าเค้าจะไม่เข้าหาเราเต็มที่เท่าไหร (หรือตัวเองนิสัยไม่ดีรึเปล่าเนี่ย) พอเลิกงานเจอเพื่อนที จะคิดถึง เว่อ เว่อ
- สภาพลูกหลานที่มาทำงานแรกๆที่รับไม่ได้จะมีพฤติกรรมหลายแบบ คือ เลิกงานกลับบ้านกินเหล้า เบียร์, กลับบ้านร้องไห้, กลับบ้านแล้วกรีส หรือ กลับบ้านแล้วเป็นบ้า
- โดนกดดันทั้งข้างบนและข้างล่างเวลาทำงาน ถ้ามีงานซักชิ้นหรือปัญหาซักอย่าง ผู้ใหญ่จะมองดูห่างๆ กระตุ้นอยู่เนื่องๆ ส่วนพนักงานก็แล้วต้องยังไงค่ะ คนดีจะช่วย คนแย่จะฟ้องผู้ใหญ่ว่าเราพลาดอะไรบ้าง ผลงานมาไม่ว่างานจะดีเลิสหรือแย่เว่อ "ทำดีเสมอตัว ทำพลาดโดนแน่"
- ลูกหลานมีท่าทีไม่ดี จะลาออกอยู่รำไร ผู้ใหญ่จะบอกอย่างใจเย็นว่า "ธุรกิจบ้านเราก็อยากให้ลูกหลานดูแล" ลึกๆของลูกหลานส่วนใหญ่ ก็รักบ้าน รักธุรกิจครอบครัวนั้นละ พอจะออกโดนพูดแบบนี้ ดิชั้นลังเลเลย (อันนี้สับสนตัวเอง กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกแล้ว)
- ธุรกิจครอบครัวคุยกับคนนอกมากไม่ได้ เล่าหมดก็เหมือนเผาคนในบ้าน คงไม่มีใครอยากมานั่งนินทาบ้านตัวเอง (กระทู้ก็เกือบแล้วมั้ง)
- ทำงานนานๆเข้าพอพ้นความอึดอัดมาได้ จะชินเอง คิดเสมอว่า เล่าให้ใครฟังไม่มีใครเกตต้องโทหาเพื่อนที่เป็นกงสีด้วยกันจะเข้าใจ ไม่ก็ปลอบใจตัวเองซะว่า เราต้องผ่านไปให้ได้ ปัญหาคือสีสันและประสบการณ์ชีวิต
- "ทำในสิ่งที่รัก รักในสิ่งที่ทำ" เมื่อก่อนไม่เคยเข้าใจ ตอนนี้กระจ่างแล้ว
- บุคคลิกของเราเปลี่ยนไป ทำงานจะเหมือนคนเป็นโรคซึมเศร้า เจอเพื่อนเจอแฟนจะเป็นคนโลกสวยทันที เพื่อนก็จะถาม เก็บกดมาหรือยังไง คำตอบคือ มากๆเลยค่ะดีออก
- ลูกหลานถ้าได้ออกจากกงสี จะเหมือนนกบินออกจากรัง ไม่ก็เหมือนคนพลุแตก ถ้าได้ลาออกเค้าจะออกเลย กลับมาอย่างมากก็มาเยี่ยมพูดคุยกันแค่เรื่องส่วนตัวเรื่องงานงดพูด
ถ้าถามว่าตอนนี้อยากลาออกมั้ย...อยากลาออกมากค่ะ อยากออกมาทำอะไรที่ตัวเองรักมากกว่า ไม่ใช่ว่าไม่รักธุรกิจบ้านหรือไม่เกรงใจผู้ใหญ่ แต่ทุกวัน มานั่งทำงาน มองนาฬิกาว่า เมื่อไหรจะเลิกงาน มันไม่เวิค แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง (ไม่ช่ายเงินอย่างเดียวน่ะ) มันทำให้ออกไม่ได้ เชื่อว่าคนหลายคนที่ทำกงสีก็มีปัญหาคล้ายๆกัน สุดท้ายถ้าใครถามก้จะจบประโยคว่า เออช่างมันเถอะไม่เข้าใจหรอก คำพูดแบบนี้เค้าไม่ได้จะตอบปัดๆหรอกแต่มันเปนแบบนั้นจิงๆ มันอธิบายไม่ได้