หนึ่งในเจ้าหญิงผู้งามสง่าของโลกนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะมีชื่อของ "
แคทเธอรีน มิดเดิลตัน" ที่เวลานี้ต้องเรียกพระองค์ว่า ‘
ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์’
พระชายาในเจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ ว่าที่พระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพ
แน่นอน เหตุผลหนึ่งด้วยสถานะที่พระองค์เป็นว่าที่สมเด็จพระราชินีอังกฤษในอนาคต ผู้มาจากสามัญชนแล้ว ยังเพราะพระสิริโฉมที่งดงาม บุคลิกท่วงท่าและรสนิยมอันเลิศล้ำ ทำให้พระองค์นับว่าเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของโลก
และ
วันนี้เมื่อ 36 ปีก่อน คือวันประสูติของ "ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์" โดยมีพระประวัติคร่าวๆ มีดังนี้
‘ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์’ ประสูติเมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2525 ณ
โรงพยาบาลรอยัลบาร์กเชอร์ เมืองเรดดิง บาร์กเชอร์
โรงพยาบาลรอยัลบาร์กเชอร์ ที่ประสูติ
ทรงเข้าศึกษา
ณ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูส์ ประเทศสกอตแลนด์ และที่นี่เองที่ได้พบกับเจ้าชายวิลเลียม
จนกระทั่งได้คบหากันเมื่อตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 ทั้งนี้ แม้ว่าความสัมพันธ์จะห่างกันในปีต่อมา แต่ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2551 พระองค์ก็ได้
ร่วมงานประดับยศทางทหารอากาศของเจ้าชายวิลเลียม ซึ่งเป็นเหมือนทรงประกาศแล้วว่า สตรีสามัญชนผู้นี้คือบุคคลที่ทรงเลือกแล้ว
แน่นอนเรื่องนี้หลายคนแทบนึกภาพงานเต้นรำของเจ้าชายและซินเดอเรลล่าในนิทานชวนฝันตามไปด้วยไม่ได้
เพราะข้อมูลข่าวระบุว่า ว่าที่ราชินีอังกฤษนั้น มีเชื้อสายที่สืบทอดมาจากคนงานเหมืองถ่านหิน และอาชีพใช้แรงงานทางตอนกลางของอังกฤษ
โดยคุณ
ตาทวดของ “เคต มิดเดลตัน” (ชื่อเดิม)
หลังจากยุติการทำงานที่เหมืองถ่านหิน ก็ได้ย้ายถิ่นฐานสู่กรุงลอนดอน จนสามารถสร้างตัวขึ้นมาถึงระดับชนชั้นทางสังคมในอังกฤษได้ในที่สุด
ทั้งนี้ บิดาและมารดาของ ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ คือ
ไมเคิล และ แคโรล มิดเดลตัน ได้พบรักกันระหว่างทำงานอยู่ที่สายการบินบริติช แอร์เวย์ส เมื่อ 30 ปีก่อน
โดยฝ่ายบิดานั้น ทำหน้าที่พนักงานอำนวยการบิน ส่วนมารดานั้นเป็นพนักงานบริการบนเครื่องบิน
ต่อมา หลังแต่งงาน
ทั้งสองตัดสินใจทำธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับจัดงานเลี้ยงรื่นเริง และปรากฏว่าปังสุดๆ เพราะธุรกิจนี้ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นมหาเศรษฐี
มีเรื่องเล่ากันว่า ด้วยความที่สังคมอังกฤษ ยังติดรูปแบบอนุรักษ์นิยมตามคำเรีกว่าแดนผู้ดี ครั้งที่ ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ยังเป็นเพียงนักศึกษาสามัญชนที่ริรักกับเจ้าชายรูปงาม
ยามที่พระองค์เข้าห้องเรียน ก็มีการล้อเกี่ยวกับอาชีพเก่าของ แครอล มาดาของ ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ จากพระสหายที่เป็นชนชั้นสูงว่า “
doors to manual” ซึ่งเป็นคำสั่งที่นักบินบอกลูกเรือหลังเครื่องบินลงจอด
และแน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะแม้แต่สื่อมวลชนอังกฤษ ก็ปรากฏรายงานข่าวในลักษณะไม่ต่างกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะในแง่มุมที่ว่า ครอบครัวของดัชเชสฯ เป็น "เศรษฐีใหม่"
หรือการซุบซิบที่ว่า มารดาของ เคท มิดเดิลตัน ถึงขนาดสืบจนรู้ ว่าเจ้าชายวิลเลียมทรงเข้าศึกษาที่
มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูส์ จึงส่งบุตรสาวตามเข้าไปเรียนที่นั่น
แต่เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไร้ซึ่งข้อเท็จจริง และหากใครติดตามข่าวคราวการคบหาของทั้งสองพระองค์ จะพบว่าที่จริงเงียบและไม่หวือหวาเลย หากทั้งสองทรงบ่มเพาะความรักอย่างจริงใจจนกระทั่งสุกงอมพอในปีที่ 9
จากนั้นได้ประกาศการหมั้นหมายเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 โดยสำนักพระราชวังอังกฤษได้แถลงว่า เจ้าชายวิลเลียมได้ทรงหมั้นกับพระองค์ในประเทศเคนยา และ
เข้าพระราชพิธีเสกสมรสในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554 ณ เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์
และในที่สุด หลังพระราชพิธีเสร็จสิ้นพระองค์ทรงได้รับพระราชทานพระอิสริยยศเป็นดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ วันที่ 22 กรกฎาคม 2556
กระทั่งทั้งสองมีพระโอรส-ธิดาด้วยกันสามพระองค์ คือ
เจ้าชายจอร์จ (22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556)
เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ (2 พฤษภาคม พ.ศ. 2558) และเจ้าชายหลุยส์แห่งเคมบริดจ์ (23 เมษายน พ.ศ. 2561)
ผู้สืบราชสันตติวงศ์สหราชอาณาจักรลำดับที่สาม สี่ และห้า ตามลำดับ
และนี่คือ
ตำนานรักเป็นจริงของซินเดอเรลล่ายุคใหม่ ที่ความรัก ความเข้าใจ สามารถเอาชนะทุกสิ่ง
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
วิกิพีเดีย และ
https://mgronline.com/around/detail/9540000050907
ที่มา :
http://www.komchadluek.net/news/today-in-history/358215?qu=
9 ม.ค. 2525 จากสะไภ้สามัญชน สู่ "ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์"
หนึ่งในเจ้าหญิงผู้งามสง่าของโลกนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะมีชื่อของ "แคทเธอรีน มิดเดิลตัน" ที่เวลานี้ต้องเรียกพระองค์ว่า ‘ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์’ พระชายาในเจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ ว่าที่พระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพ
แน่นอน เหตุผลหนึ่งด้วยสถานะที่พระองค์เป็นว่าที่สมเด็จพระราชินีอังกฤษในอนาคต ผู้มาจากสามัญชนแล้ว ยังเพราะพระสิริโฉมที่งดงาม บุคลิกท่วงท่าและรสนิยมอันเลิศล้ำ ทำให้พระองค์นับว่าเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของโลก
และวันนี้เมื่อ 36 ปีก่อน คือวันประสูติของ "ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์" โดยมีพระประวัติคร่าวๆ มีดังนี้
‘ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์’ ประสูติเมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2525 ณ โรงพยาบาลรอยัลบาร์กเชอร์ เมืองเรดดิง บาร์กเชอร์
ทรงเข้าศึกษา ณ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูส์ ประเทศสกอตแลนด์ และที่นี่เองที่ได้พบกับเจ้าชายวิลเลียม
จนกระทั่งได้คบหากันเมื่อตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 ทั้งนี้ แม้ว่าความสัมพันธ์จะห่างกันในปีต่อมา แต่ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2551 พระองค์ก็ได้ร่วมงานประดับยศทางทหารอากาศของเจ้าชายวิลเลียม ซึ่งเป็นเหมือนทรงประกาศแล้วว่า สตรีสามัญชนผู้นี้คือบุคคลที่ทรงเลือกแล้ว
แน่นอนเรื่องนี้หลายคนแทบนึกภาพงานเต้นรำของเจ้าชายและซินเดอเรลล่าในนิทานชวนฝันตามไปด้วยไม่ได้
เพราะข้อมูลข่าวระบุว่า ว่าที่ราชินีอังกฤษนั้น มีเชื้อสายที่สืบทอดมาจากคนงานเหมืองถ่านหิน และอาชีพใช้แรงงานทางตอนกลางของอังกฤษ
โดยคุณตาทวดของ “เคต มิดเดลตัน” (ชื่อเดิม) หลังจากยุติการทำงานที่เหมืองถ่านหิน ก็ได้ย้ายถิ่นฐานสู่กรุงลอนดอน จนสามารถสร้างตัวขึ้นมาถึงระดับชนชั้นทางสังคมในอังกฤษได้ในที่สุด
ทั้งนี้ บิดาและมารดาของ ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ คือ ไมเคิล และ แคโรล มิดเดลตัน ได้พบรักกันระหว่างทำงานอยู่ที่สายการบินบริติช แอร์เวย์ส เมื่อ 30 ปีก่อน
โดยฝ่ายบิดานั้น ทำหน้าที่พนักงานอำนวยการบิน ส่วนมารดานั้นเป็นพนักงานบริการบนเครื่องบิน
ต่อมา หลังแต่งงาน ทั้งสองตัดสินใจทำธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับจัดงานเลี้ยงรื่นเริง และปรากฏว่าปังสุดๆ เพราะธุรกิจนี้ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นมหาเศรษฐี
มีเรื่องเล่ากันว่า ด้วยความที่สังคมอังกฤษ ยังติดรูปแบบอนุรักษ์นิยมตามคำเรีกว่าแดนผู้ดี ครั้งที่ ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ยังเป็นเพียงนักศึกษาสามัญชนที่ริรักกับเจ้าชายรูปงาม
ยามที่พระองค์เข้าห้องเรียน ก็มีการล้อเกี่ยวกับอาชีพเก่าของ แครอล มาดาของ ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ จากพระสหายที่เป็นชนชั้นสูงว่า “doors to manual” ซึ่งเป็นคำสั่งที่นักบินบอกลูกเรือหลังเครื่องบินลงจอด
และแน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะแม้แต่สื่อมวลชนอังกฤษ ก็ปรากฏรายงานข่าวในลักษณะไม่ต่างกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะในแง่มุมที่ว่า ครอบครัวของดัชเชสฯ เป็น "เศรษฐีใหม่"
หรือการซุบซิบที่ว่า มารดาของ เคท มิดเดิลตัน ถึงขนาดสืบจนรู้ ว่าเจ้าชายวิลเลียมทรงเข้าศึกษาที่ มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูส์ จึงส่งบุตรสาวตามเข้าไปเรียนที่นั่น
แต่เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไร้ซึ่งข้อเท็จจริง และหากใครติดตามข่าวคราวการคบหาของทั้งสองพระองค์ จะพบว่าที่จริงเงียบและไม่หวือหวาเลย หากทั้งสองทรงบ่มเพาะความรักอย่างจริงใจจนกระทั่งสุกงอมพอในปีที่ 9
จากนั้นได้ประกาศการหมั้นหมายเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 โดยสำนักพระราชวังอังกฤษได้แถลงว่า เจ้าชายวิลเลียมได้ทรงหมั้นกับพระองค์ในประเทศเคนยา และเข้าพระราชพิธีเสกสมรสในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554 ณ เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์
และในที่สุด หลังพระราชพิธีเสร็จสิ้นพระองค์ทรงได้รับพระราชทานพระอิสริยยศเป็นดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ วันที่ 22 กรกฎาคม 2556
กระทั่งทั้งสองมีพระโอรส-ธิดาด้วยกันสามพระองค์ คือ เจ้าชายจอร์จ (22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556) เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ (2 พฤษภาคม พ.ศ. 2558) และเจ้าชายหลุยส์แห่งเคมบริดจ์ (23 เมษายน พ.ศ. 2561) ผู้สืบราชสันตติวงศ์สหราชอาณาจักรลำดับที่สาม สี่ และห้า ตามลำดับ
และนี่คือ ตำนานรักเป็นจริงของซินเดอเรลล่ายุคใหม่ ที่ความรัก ความเข้าใจ สามารถเอาชนะทุกสิ่ง
ขอบคุณภาพและข้อมูลจากวิกิพีเดีย และ https://mgronline.com/around/detail/9540000050907
ที่มา : http://www.komchadluek.net/news/today-in-history/358215?qu=