สวัสดีปีใหม่ 2019 เพื่อนๆ ชาวบลูแพลนแนตค่ะ
ตอนที่แล้ว
Episode 2: THE ROAD TO MERZOUGA AND SAHARA ที่รัก เราได้ไปเปิดประสบการณ์ค้างคืนกันที่ซาฮาร่ากันหนึ่งคืน ตอนนี้เราพาเพื่อนๆ เข้าไปในดงเมดิน่ากันค่ะ
Medina (เมดิน่า) หรือ Al-madīnah เป็นภาษาอาหรับ ใช้เรียกชุมชนเก่าในทวีปแอฟริกาเหนือ เมื่อย่างก้าวเข้าไปในเมดิน่า คุณจะรู้สึกเหมือนข้ามไปยังอีกโลกนึง โลกที่ถูกโอบล้อมไปด้วยกำแพงสูงชัน มีทางเดินสายแคบๆ เชื่อมต่อกันเป็นเหมือนใยแมงมุม ด้านในมีทั้งตลาด มัสยิด บ้านเรือนผู้อยู่อาศัยและสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อยู่เต็มไปหมด จุดประสงค์ของการสร้างเมดิน่าคือเพื่อป้องกันข้าศึก และนั่นก็เป็นเหตุผลหลักที่เมืองใหญ่ๆ ในทวีปอัฟริกาเหนือ ไม่เว้นแม้ที่โมร็อคโคจะนิยมสร้างเมดิน่ามาตั้งแต่เมื่อสมัยก่อน โดยเมดิน่าของแต่ละเมืองก็มีลักษณะ จุดเด่น และเรื่องราวแตกต่างกันไป วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยว Medina of Fes และ Medina of Chefchaouen กันค่ะ
เราขับรถออกจาก Merzouga มุ่งหน้าขึ้นเหนือ จุดมุ่งหมายของวันนี้ อยู่ที่เมือง Fes ระยะทางก็ร่วมๆ 500 กิโล… just another day of “นั่งรถตูดบาน”
เราแวะทานอาหารกลางวันกันที่เมือง Midelt ซึ่งเป็นเมืองระหว่างทางที่จะไป Fes เป็นร้านอาหารโมร็อคโค อร่อยมากเหมือนกันชื่อร้าน Le Pin สงสัยเราจะชอบอาหารโมร็อคโคนะเนี่ยะ ยังไม่เจอร้านไหนไม่อร่อย 5555 ภูมิประเทศระหว่างทางจะแตกต่างกับขาที่เรามุ่งหน้าเข้าสู่ทะเลทราย ขาขึ้นเหนือนี่ ภูมิประเทศจะเป็นที่ราบสลับหุบเขาเล็กๆ ซะส่วนใหญ่ ขับๆ ไปอาจมีเผลอง่วงได้ แต่ถนนก็ยังเป็นสองเลน สวนกันเหมือนเดิม เรานั่งรถกันยาวๆ ไปจนกระทั่งถึงเมือง Ifran เข้าใจเลยว่าทำไมเค้าถึงเรียกว่า “The Switzerland of Morocco”
[หน้าตาตึกรามบ้านช่องในเมือง Ifran ไม่เหมือนเมืองอื่นๆ ในโมร็อคโคจริงๆ
“Lion Ifrane” สัญลักษณ์ของเมือง (ไม่ใช่มิกกี้เม้าส์นะ มาได้ไงเนี่ยะ!?!)
เมือง
Ifran ไม่เหมือนเมืองอื่นตรงที่ เป็นเมืองสร้างอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 5,460 feet ตั้งอยู่ในหุบเขาที่เต็มไปด้วยต้นสน อากาศเย็นสบาย ไม่มีฝุ่นทรายแม้แต่นิดเดียว ลักษณะบ้านเรือนก็เป็นแนวยุโรปหลังคาแดง ล้อมรอบไปด้วยสวนและทะเลสาบ แถมมันยังมีลานสกีอีกด้วย เราแวะพักรถ เข้าห้องน้ำ เดินเล่น และนั่งจิบชากาแฟ พร้อมกับชมเมืองสวยๆ อยู่ซักพัก ก็ออกเดินทางต่อ กว่าจะไปถึง Fes ก็ค่ำพอดี เราอยู่ที่เมือง Fes กัน 2 คืน เที่ยว Fes เต็มๆ 1 วันถ้วน …
Fes – เมืองที่เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของโมร็อคโคมาก่อน เป็นหนึ่งในเมดิน่าที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 และเป็นหนึ่งในเมดิน่าที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เรามาดูกันว่าที่นี่ มีอะไรเที่ยวบ้าง
====================================
THE ROYAL PALACE IN FES
====================================
Rating: 4/5 ดาว
พระราชวังเมืองเฟสที่ไม่เปิดให้คนเข้าไปเยี่ยมชม….ใช่แล้ว ง่ายๆ แบบนั้นเลย เราก็เลยได้แต่ถ่ายรูปประตูทางเข้าที่ดูเหมือนว่า มันจะกลายเป็นสัญลักษณ์เมืองเฟสไปแล้ว ประตูทางเข้าที่ทำจากทองเหลืองสีทองอร่ามมาก ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสครูปทรงเรขาคณิตสีสันสดใส และไม้ซีดาร์แกะสลัก
ประตูอลังการมาก
คุณสามารถเข้าไปจอดรถตรงลานจอดรถใกล้ๆ ได้เลย ([urlชhttps://goo.gl/maps/mBbMAaMXy9A2]พิกัด) ซึ่งตรงนั้นเองจะมีตลาดขนาดย่อม ที่เราสนใจคือเค้าจะมีแผงขายผลไม้ชนิดหนึ่ง ดูแล้วทำไมคุ้นตาอย่างแรง ถามไปถามมาได้ความว่า อ๋อ~~~ มันเป็นผลจากต้นกระบองเพชรนี่เอง เหยยย กินได้ด้วยแฮะ ลองซื้อมากินอันนึง ข้างในเป็นเนื้อนิ่มๆ หวานมาก แต่เม็ดเยอะมาก กินไป
ไปตลอดทาง แปลกดี แนะนำว่าให้ลองซักคำ จะได้ไม่เสียดายทีหลัง
Cactus Fruit – อร่อยรึเปล่า ไม่ขอบอก ต้องลองเอง
จากนั้นเรามุ่งหน้าไป Medina วันนี้โปรแกรมเราจะเที่ยวในเมดิน่าทั้งวัน Concierge ที่โรงแรมแนะนำให้เราไปจอดรถแถว Batha พอไปถึงก็มีคนมาโบกๆ ให้จอด ถามเราจอดนานมั้ย เราบอก 2-3 ชั่วโมง (จริงๆ แล้วเราเข้าไปในนั้นเกือบ 5-6 ชั่วโมงได้) เก็บเงินไป 20 DH
====================================
MEDINA OF FES
====================================
Rating: 4/5 ดาว
ถ้าถามเราว่ามา Fes ต้องทำอะไร อย่างแรกที่จะบอกคือ “Get Lost in Medina“ ผ่าง!!! แน่นอนว่า… การเดินเข้าไปในเมดิน่าที่ทั้งซับซ้อนและใหญ่ขนาดนี้ เรามั่นใจว่าเราต้องหลงอยู่ในนั้นแน่นอน ตามชื่อตอน “เดินงงในดงเมดิน่า” ด้วยเหตุนี้ เราจึงหาไกด์ท้องถิ่นเพื่อพาเราเข้าไป และแน่นอนว่า หาง่ายมากกกก นั่งเสนอตัวอยู่ตามหัวมุมถนนรอบเมดิน่าเลย เราได้มาคนนึง (คือลงรถแล้วนางนั่งอยู่ตรงนั้นเลย) นางบอกนางชื่อ Abdul เป็นนักศีกษามหาวิทยาลัย บ้านอยู่ในเมดิน่า เกิดและโตที่นี่ จากนั้นก็ตกลงเสร็จสรรพ์ 150 DH สำหรับการเป็น Local guide 2 ชั่วโมง
ว่าแล้วนางก็นำเข้าตรอกนั้นออกตรอกนี้ มีที่เก๋ๆ ให้ถ่ายรูปเต็มไปหมด ทางที่เราเดินเข้ามาไม่ได้ผ่านประตูใหญ่อย่าง Blue Gate แต่เป็นทางที่คน Local ใช้เดินสัญจรภายในเมดิน่า ดังนั้น เราจะไม่เจอกรุ๊ปทัวร์ใดๆ เลยระหว่าง จะมีก็แต่คนท้องถิ่น ลูกเด็กเล็กแดง คุณลุง คุณป้า และนักท่องเที่ยวเป็นกรุ๊ปเล็กๆ 2-3 กรุ๊ป เดินสวนมาประปราย Abdul เตือนตลอดทางว่าให้ระวังกระเป๋า ทางเดินบางช่วงกว้างขนาดรถมอเตอไซด์ผ่านได้ บางช่วงแคบจนขนาดคนเดินสวนกันยังไม่ได้ นางเชี่ยวมาก เดินทักคนตลอดทาง
คุณลุงคนนี้เห็นยืนเปลี่ยวอยู่คนเดียว หน้านางได้อารมณ์เปลี่ยวมาก
ส่วนลุงคนนี้ท่าทางจะชักหน้าไม่ถึงหลัง
ในเมดิน่า นอกจากคนจะเยอะแล้ว แมวยังเยอะด้วย!
Abdul เล่าให้ฟังว่า ด้านในใหญ่และซับซ้อนมาก มีคนอาศัยอยู่ด้านในถึง 2 แสนกว่าคน มี Mosque ข้างใน 200 กว่าแห่ง มีหลายร้อย square อยู่ด้านใน เดินไปซักพัก เราก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ตรงไหนของแผนที่ อย่าคิดว่า google จะช่วยได้นะคะ เพราะของจริงกะบน map ไม่เหมือนกันเป๊ะๆ ที่แรกที่นางพาเราไปคือ Riad Hotel แห่งนึง เพื่อเข้าห้องน้ำ เห็นประตูทางเข้าเล็กๆ เข้าไปเจอโถงกว้าง หลังคาเปิดโล่ง ตั้งแต่พื้นยันผนังตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสคสวยงามมาก แค่จุดแวะแรก (จุดแวะฉี่) ก็ทำนางเสียเวลาอยู่นาน 5555 เพราะเรามัวแต่ตะลึงในความสวยของ Riad แห่งนี้
ต่อจากนั้น นางพาเราไป Riad อีกแห่งนึงซึ่งเป็นโรงเรียนศิลปะ มีทั้งวาดรูป แต่งกลอน และดนตรี ตอนที่เราเข้าไปเยี่ยม โรงเรียนเป็นวันปิดพอดี แต่นางก็ให้เราเข้าดูห้องต่างๆ พร้อมทั้งพาขึ้นไปยังชั้น 3 ของ Riad ซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้า สามารถเห็นวิวได้ทั่วเมดิน่าเลย
จากดาดฟ้าของโรงเรียนศิลปะแห่งนึงมในเมดิน่า สามารถมองเห็นทั้ง medina จากมุมสูงได้หมด
เห็นนกนั่นมั้ย?
โรงเรียนที่นี่ แม้ว่าจะเป็นโรงเรียนสห แต่เวลานั่งเรียน เด็กหญิงกะเด็กชายต้องนั่งแยกโต๊ะกันคนละฝั่งนะจ๊ะ
ยังมีผลงานของเด็กๆ วางตากอยู่เบย
โถงกลางโรงเรียน สวยมาก
ระหว่างทาง Adbul ให้เราสังเกตประตูที่เราเดินผ่านเกือบทุกบานในเมดิน่า ว่าจะมีสัญลักษณ์คล้ายมือผู้หญิงอยู่ (ดูอยู่นาน คล้ายตรงไหน?) จริงๆ แล้วสัญลักษณ์นี้เรียกว่า “Hand of Fatima” หรือ “Hamsa” เป็นสัญลักษณ์ของการป้องกันความชั่วร้าย เป็นที่นิยมใช้ใน Middle East และ North Africa อ่าว แอบได้ความรู้อีกแหน่ะ
“Hand of Fatima”
Abdul เล่าให้ฟังว่า คนที่อาศัยอยู่ในเมดิน่าส่วนใหญ่จะทำงานอาชีพประเภทงานฝีมือกัน ทั้งทำหนัง (ซึ่งแน่นอนว่า ทุกคนก็รู้ว่า Fes เป็นเหมือนที่ส่งออกเครื่องหนังมากที่สุดในประเทศ) ทำพวกเครื่อง ceramic และพรมอีกด้วย Abdul พาเราเข้าซอกซอยและแวะไปเยี่ยมโรงงานขนาดเล็กต่างๆ ก็ได้ความรู้ไปอีกแบบ ไม่น่าเชื่อว่าเราจะตั้งใจฟังนางไปจนจบ 5555
ลุงคนนี้กำลังย้อมสีหนังด้วยมืออยู่
สีต่างๆ ที่ใช้ในการย้อมสีหนัง
การทอพรมก็เป็น otop อีกอย่างนึงของที่ Fes
การทอพรมก็เป็น otop อีกอย่างนึงของที่ Fes
[CR] ขับรถเที่ยว MOROCCO 2000+ กิโลจากผืนทรายจรดผืนน้ำ Episode 3: ยืนงงในดงเมดิน่า (FES & CHEFCHAOUEN)
สวัสดีปีใหม่ 2019 เพื่อนๆ ชาวบลูแพลนแนตค่ะ
ตอนที่แล้ว Episode 2: THE ROAD TO MERZOUGA AND SAHARA ที่รัก เราได้ไปเปิดประสบการณ์ค้างคืนกันที่ซาฮาร่ากันหนึ่งคืน ตอนนี้เราพาเพื่อนๆ เข้าไปในดงเมดิน่ากันค่ะ
Medina (เมดิน่า) หรือ Al-madīnah เป็นภาษาอาหรับ ใช้เรียกชุมชนเก่าในทวีปแอฟริกาเหนือ เมื่อย่างก้าวเข้าไปในเมดิน่า คุณจะรู้สึกเหมือนข้ามไปยังอีกโลกนึง โลกที่ถูกโอบล้อมไปด้วยกำแพงสูงชัน มีทางเดินสายแคบๆ เชื่อมต่อกันเป็นเหมือนใยแมงมุม ด้านในมีทั้งตลาด มัสยิด บ้านเรือนผู้อยู่อาศัยและสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อยู่เต็มไปหมด จุดประสงค์ของการสร้างเมดิน่าคือเพื่อป้องกันข้าศึก และนั่นก็เป็นเหตุผลหลักที่เมืองใหญ่ๆ ในทวีปอัฟริกาเหนือ ไม่เว้นแม้ที่โมร็อคโคจะนิยมสร้างเมดิน่ามาตั้งแต่เมื่อสมัยก่อน โดยเมดิน่าของแต่ละเมืองก็มีลักษณะ จุดเด่น และเรื่องราวแตกต่างกันไป วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยว Medina of Fes และ Medina of Chefchaouen กันค่ะ
เราขับรถออกจาก Merzouga มุ่งหน้าขึ้นเหนือ จุดมุ่งหมายของวันนี้ อยู่ที่เมือง Fes ระยะทางก็ร่วมๆ 500 กิโล… just another day of “นั่งรถตูดบาน”
เราแวะทานอาหารกลางวันกันที่เมือง Midelt ซึ่งเป็นเมืองระหว่างทางที่จะไป Fes เป็นร้านอาหารโมร็อคโค อร่อยมากเหมือนกันชื่อร้าน Le Pin สงสัยเราจะชอบอาหารโมร็อคโคนะเนี่ยะ ยังไม่เจอร้านไหนไม่อร่อย 5555 ภูมิประเทศระหว่างทางจะแตกต่างกับขาที่เรามุ่งหน้าเข้าสู่ทะเลทราย ขาขึ้นเหนือนี่ ภูมิประเทศจะเป็นที่ราบสลับหุบเขาเล็กๆ ซะส่วนใหญ่ ขับๆ ไปอาจมีเผลอง่วงได้ แต่ถนนก็ยังเป็นสองเลน สวนกันเหมือนเดิม เรานั่งรถกันยาวๆ ไปจนกระทั่งถึงเมือง Ifran เข้าใจเลยว่าทำไมเค้าถึงเรียกว่า “The Switzerland of Morocco”
เมือง Ifran ไม่เหมือนเมืองอื่นตรงที่ เป็นเมืองสร้างอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 5,460 feet ตั้งอยู่ในหุบเขาที่เต็มไปด้วยต้นสน อากาศเย็นสบาย ไม่มีฝุ่นทรายแม้แต่นิดเดียว ลักษณะบ้านเรือนก็เป็นแนวยุโรปหลังคาแดง ล้อมรอบไปด้วยสวนและทะเลสาบ แถมมันยังมีลานสกีอีกด้วย เราแวะพักรถ เข้าห้องน้ำ เดินเล่น และนั่งจิบชากาแฟ พร้อมกับชมเมืองสวยๆ อยู่ซักพัก ก็ออกเดินทางต่อ กว่าจะไปถึง Fes ก็ค่ำพอดี เราอยู่ที่เมือง Fes กัน 2 คืน เที่ยว Fes เต็มๆ 1 วันถ้วน …
Fes – เมืองที่เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของโมร็อคโคมาก่อน เป็นหนึ่งในเมดิน่าที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 และเป็นหนึ่งในเมดิน่าที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เรามาดูกันว่าที่นี่ มีอะไรเที่ยวบ้าง
THE ROYAL PALACE IN FES
====================================
Rating: 4/5 ดาว
พระราชวังเมืองเฟสที่ไม่เปิดให้คนเข้าไปเยี่ยมชม….ใช่แล้ว ง่ายๆ แบบนั้นเลย เราก็เลยได้แต่ถ่ายรูปประตูทางเข้าที่ดูเหมือนว่า มันจะกลายเป็นสัญลักษณ์เมืองเฟสไปแล้ว ประตูทางเข้าที่ทำจากทองเหลืองสีทองอร่ามมาก ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสครูปทรงเรขาคณิตสีสันสดใส และไม้ซีดาร์แกะสลัก
คุณสามารถเข้าไปจอดรถตรงลานจอดรถใกล้ๆ ได้เลย ([urlชhttps://goo.gl/maps/mBbMAaMXy9A2]พิกัด) ซึ่งตรงนั้นเองจะมีตลาดขนาดย่อม ที่เราสนใจคือเค้าจะมีแผงขายผลไม้ชนิดหนึ่ง ดูแล้วทำไมคุ้นตาอย่างแรง ถามไปถามมาได้ความว่า อ๋อ~~~ มันเป็นผลจากต้นกระบองเพชรนี่เอง เหยยย กินได้ด้วยแฮะ ลองซื้อมากินอันนึง ข้างในเป็นเนื้อนิ่มๆ หวานมาก แต่เม็ดเยอะมาก กินไปไปตลอดทาง แปลกดี แนะนำว่าให้ลองซักคำ จะได้ไม่เสียดายทีหลัง
จากนั้นเรามุ่งหน้าไป Medina วันนี้โปรแกรมเราจะเที่ยวในเมดิน่าทั้งวัน Concierge ที่โรงแรมแนะนำให้เราไปจอดรถแถว Batha พอไปถึงก็มีคนมาโบกๆ ให้จอด ถามเราจอดนานมั้ย เราบอก 2-3 ชั่วโมง (จริงๆ แล้วเราเข้าไปในนั้นเกือบ 5-6 ชั่วโมงได้) เก็บเงินไป 20 DH
MEDINA OF FES
====================================
Rating: 4/5 ดาว
ถ้าถามเราว่ามา Fes ต้องทำอะไร อย่างแรกที่จะบอกคือ “Get Lost in Medina“ ผ่าง!!! แน่นอนว่า… การเดินเข้าไปในเมดิน่าที่ทั้งซับซ้อนและใหญ่ขนาดนี้ เรามั่นใจว่าเราต้องหลงอยู่ในนั้นแน่นอน ตามชื่อตอน “เดินงงในดงเมดิน่า” ด้วยเหตุนี้ เราจึงหาไกด์ท้องถิ่นเพื่อพาเราเข้าไป และแน่นอนว่า หาง่ายมากกกก นั่งเสนอตัวอยู่ตามหัวมุมถนนรอบเมดิน่าเลย เราได้มาคนนึง (คือลงรถแล้วนางนั่งอยู่ตรงนั้นเลย) นางบอกนางชื่อ Abdul เป็นนักศีกษามหาวิทยาลัย บ้านอยู่ในเมดิน่า เกิดและโตที่นี่ จากนั้นก็ตกลงเสร็จสรรพ์ 150 DH สำหรับการเป็น Local guide 2 ชั่วโมง
ว่าแล้วนางก็นำเข้าตรอกนั้นออกตรอกนี้ มีที่เก๋ๆ ให้ถ่ายรูปเต็มไปหมด ทางที่เราเดินเข้ามาไม่ได้ผ่านประตูใหญ่อย่าง Blue Gate แต่เป็นทางที่คน Local ใช้เดินสัญจรภายในเมดิน่า ดังนั้น เราจะไม่เจอกรุ๊ปทัวร์ใดๆ เลยระหว่าง จะมีก็แต่คนท้องถิ่น ลูกเด็กเล็กแดง คุณลุง คุณป้า และนักท่องเที่ยวเป็นกรุ๊ปเล็กๆ 2-3 กรุ๊ป เดินสวนมาประปราย Abdul เตือนตลอดทางว่าให้ระวังกระเป๋า ทางเดินบางช่วงกว้างขนาดรถมอเตอไซด์ผ่านได้ บางช่วงแคบจนขนาดคนเดินสวนกันยังไม่ได้ นางเชี่ยวมาก เดินทักคนตลอดทาง
Abdul เล่าให้ฟังว่า ด้านในใหญ่และซับซ้อนมาก มีคนอาศัยอยู่ด้านในถึง 2 แสนกว่าคน มี Mosque ข้างใน 200 กว่าแห่ง มีหลายร้อย square อยู่ด้านใน เดินไปซักพัก เราก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ตรงไหนของแผนที่ อย่าคิดว่า google จะช่วยได้นะคะ เพราะของจริงกะบน map ไม่เหมือนกันเป๊ะๆ ที่แรกที่นางพาเราไปคือ Riad Hotel แห่งนึง เพื่อเข้าห้องน้ำ เห็นประตูทางเข้าเล็กๆ เข้าไปเจอโถงกว้าง หลังคาเปิดโล่ง ตั้งแต่พื้นยันผนังตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสคสวยงามมาก แค่จุดแวะแรก (จุดแวะฉี่) ก็ทำนางเสียเวลาอยู่นาน 5555 เพราะเรามัวแต่ตะลึงในความสวยของ Riad แห่งนี้
ต่อจากนั้น นางพาเราไป Riad อีกแห่งนึงซึ่งเป็นโรงเรียนศิลปะ มีทั้งวาดรูป แต่งกลอน และดนตรี ตอนที่เราเข้าไปเยี่ยม โรงเรียนเป็นวันปิดพอดี แต่นางก็ให้เราเข้าดูห้องต่างๆ พร้อมทั้งพาขึ้นไปยังชั้น 3 ของ Riad ซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้า สามารถเห็นวิวได้ทั่วเมดิน่าเลย
ระหว่างทาง Adbul ให้เราสังเกตประตูที่เราเดินผ่านเกือบทุกบานในเมดิน่า ว่าจะมีสัญลักษณ์คล้ายมือผู้หญิงอยู่ (ดูอยู่นาน คล้ายตรงไหน?) จริงๆ แล้วสัญลักษณ์นี้เรียกว่า “Hand of Fatima” หรือ “Hamsa” เป็นสัญลักษณ์ของการป้องกันความชั่วร้าย เป็นที่นิยมใช้ใน Middle East และ North Africa อ่าว แอบได้ความรู้อีกแหน่ะ
Abdul เล่าให้ฟังว่า คนที่อาศัยอยู่ในเมดิน่าส่วนใหญ่จะทำงานอาชีพประเภทงานฝีมือกัน ทั้งทำหนัง (ซึ่งแน่นอนว่า ทุกคนก็รู้ว่า Fes เป็นเหมือนที่ส่งออกเครื่องหนังมากที่สุดในประเทศ) ทำพวกเครื่อง ceramic และพรมอีกด้วย Abdul พาเราเข้าซอกซอยและแวะไปเยี่ยมโรงงานขนาดเล็กต่างๆ ก็ได้ความรู้ไปอีกแบบ ไม่น่าเชื่อว่าเราจะตั้งใจฟังนางไปจนจบ 5555
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น