[CR] ขับรถเที่ยว MOROCCO 2000+ กิโลจากผืนทรายจรดผืนน้ำ Episode 1: MARRAKECH – ไข่มุขสีแดงแห่งโมร็อคโค

นานาเดินทาง
สวัสดีเพื่อนๆ ชาวบลูแพลนแนตค่ะ


ประเทศโมร็อคโคเป็นประเทศหนึ่งที่อยู่ใน bucket list ของเรามาซักพักแล้ว สำหรับเรา เรารู้สึกว่ามันเป็นประเทศครบเครื่อง และมีสถานเก๋ๆ ที่หาดูที่อื่นไม่ได้หลายที่ แอบส่องๆ เพื่อนในพันทิพย์หลายคนไปมา วันนี้เราก็ได้ไปด้วยตัวเองซะที จึงอยากมาเล่าประสบการณ์การขับรถเที่ยวเองของเราในประเทศโมร็อคโค เราไปกันทั้งหมด 12 วัน 9 คืนด้วยกัน โดยจุดเริ่มต้นของการเดินทางของเราเริ่มต้นกันที่เมือง Marrakech แห่งนี้นี่เอง

ปล. ขออนุญาตข้ามรายละเอียดการเตรียมตัวและข้อมูลทั่วไปๆ เกี่ยวกับประเทศโมร็อคโคนะคะ เพราะมีเพื่อนๆ เขียนไว้เยอะอยู่แล้ว (แต่ถ้าใครอยากได้ plan เที่ยวแบบ detail ก็ inbox มาหาเราได้นะคะ ยินดีแชร์อย่างยิ่งค่ะ) สิ่งที่เราอยากจะแชร์กับทุกคนจะเน้นที่ประสบการณ์ที่เราเจอ ความรู้สึกที่มีต่อสถานที่ต่างๆ และ Tips เล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้สำหรับเพื่อนๆ คนอื่นที่สนใจจะไปตามรอยนะคะ



Marrakech เมื่อพูดถึงชื่อนี้ สิ่งที่แว๊บเข้ามาในหัว คงจะหนีไม่พ้น ต้นปาล์ม ตึกสีทรายแดง ต้นมะกอก และสภาพเมืองตากอากาศ อะไรเทือกนี้ ซึ่งการมาเยือนโมร็อคโคครั้งนี้ เป็นการมาตาม  bucket list ของแม่บ้าน เราเริ่มการเดินทางอันแสนยาวไกลร่วม 2 พันกว่ากิโลที่เมือง Marrakech… เมืองที่ได้ชื่อว่า Red City of Morocco หรือบางคนกล่าวไว้ว่าเป็น The Red Pearl of the South หมายถึงไข่มุกสีแดงในแดนใต้นั่นเอง…

เครื่องบินลงที่ Casablanca Mohammed V International Airport เราทำการ Pick Up รถเช่าที่จองมาล่วงหน้าที่สนามบินนี้ รถที่เราจองเป็น Jeep Cherokee ซึ่งคาดว่าน่าจะใส่กระเป๋าของเราทั้ง 4 คนจนหมด สุดท้าย แอบมีลุ้นเพราะใส่หมดก้อจริง แต่อีผ้าใบที่ไว้คลุมท้ายแอบใส่ไม่ได้ อีเจ้าหน้าที่ยัดอยู่นาน สุดท้ายก้อใส่เข้าไปจนได้ เห้อออ  นึกว่าจะไม่รอด  และแม้ว่าเราจะลงเครื่องที่ Casablanca แต่จุดมุ่งหมายแรกของเราเป็นเมือง Marrakech โดย Road trip ของเราครั้งนี้จะขับวนทวนเข็มนาฬิกา เริ่มจากใต้สุดคือเมือง Marrakech ไปตะวันออก ขึ้นเหนือ และจบทริปด้วยการล่องใต้มาจรดที่ Casablanca นั่นเอง



การเช่ารถที่โมร็อคโค เราโทรมาถามก่อนไป บางเจ้าบอกว่าถ้าเป็นใบขับขี่ไทย ต้องใช้ international driver license ด้วย บางเจ้าบอกว่าไม่ต้อง เราเลยทำไว้กันเหนียว สุดท้าย เจ้าที่เราเลือกใช้คือ Europe Car ไม่ได้ขอ international driver license ตอนที่เราเอารถออกมา

Marrakech เมืองนี้สมกับเป็นเมืองตากอากาศของขาวยุโรปจริงๆ ถนนเชื่อมระหว่าง Casablanca กับ Marrakech ก้อเรียบดีเกิ้นนนน จนเรานึกว่า ทั้งประเทศเป็นถนนแบบนี้ (ซึ่งจริงๆ แล้ว…”ไม่ใช่” ฮาาา) วิวสองข้างทางก้อแบบ นี่มัน Tuscany ชัดๆ คือเป็นเนินเขาสีเขียวสุดลูกหูลูกตา ดูแล้วไม่เหมือนอยู่ทวีปอัฟริกาซักนิ๊ดดด เอาเป็นว่า ลงเครื่องมาขับรถมุ่งหน้าไป Marrakech นี่ ประทับใจจอร์ชมาก เราใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึง โดยเราอยู่ Marrakech กัน 2 คืน จุดเที่ยวหลักๆ มีดังนี้

===========================================
MEDINA DE MARRAKECH
===========================================




Rating: 3/5 ดาว

เมื่อมาเที่ยวประเทศโมร็อคโค แน่นอนว่าการเดินเที่ยวใน Medina หรือเขตเมืองเก่า เห็นจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับคนที่ไม่เข้าใจว่า “เมดิน่า” คืออะไร จริงๆ แล้ว เมดิน่าคือเขตเมืองเก่าซึ่งโดยปกติแล้วจะล้อมรอบไปด้วยกำแพงสูง ข้างในจะเป็นเมืองซึ่งมีทั้งบ้านคน โรงเรียน มัสยิต ตลาด และอื่นๆ โดยจะเชื่อมกันด้วยตรอกซอกซอยเล็กๆ ซึ่งโดยปกติจะเป็น Car-free area เพราะมันแคบมาก พบได้ในเมืองใหญ่ๆ ในทวีปอัพฟริกา ที่ไม่ใช่แค่โมร็อคโค

เขตเมืองเก่าของเมือง Marrakech แห่งนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงอันสูงลิ่วสีทรายแดง สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ซึ่งปัจจุบัน มันยังเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองอยู่ ด้วยความยาวทั้งหมด 18 กิโล มี gate ทั้งหมด 20 ประตู คือมันเป็น A-Must จริงๆ เพราะจะทำให้คุณเห็นความแตกต่างอย่างสุดขั้วระหว่างเมืองเก่าและเมืองใหม่ ทั้งสถาปัตยกรรม และความเจริญอื่นๆ หรือถ้าใครไม่อยากเดิน เค้าจะมีรถม้าให้เช่านั่ง ชมเมืองโดยรอบเช่นกัน สำหรับเรา กิจกรรมหลักๆ ก็คือเดินถ่ายรูปตามมุมโน้นมุมนี้ ซอกหลืบไหนดูแล้วสวย เราก็ไม่พลาด กิกิ

===========================================
BAHIA PALACE
===========================================




Rating: 4/5 ดาว

พระราชวังบาเฮีย (กรุณาอย่าออกเสียงผิด) – พระราชวังที่ยังคงความสมบูรณ์ตั้งแต่สมัยก่อน สร้างโดย Si Moussa ในช่วงปี 1866-1867 มีห้องทั้งหมด 150 ห้อง รวมถึงฮาเร็มที่เรียกว่า Court of Honour ข้างในตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสคสีสันฉูดฉาด กินอาณาบริเวณกว้างขวาง ซึ่งตั้งอยู่ในส่วนของเมดิน่า (เมืองเก่า) นั่นเอง ตอนแรกเราให้ google นำทางไป ปรากฏว่า มันให้เราขับรถผ่าเข้ากลางเมดิน่าเลย โอ้วววว หลงเข้าไปติดอยู่ข้างในซอยแคบมว๊ากกกก กว่าจะออกมาได้ แทบจะกวาดกระถางต้นไม้ข้างทางไปทั้งแถบ แต่คนโมร็อคโคก็ใจดีมาก ร่วมใจกันโบกรถให้เราตลอดทาง แม้ว่าภาษาที่เค้าใช้โบกจะเป็นภาษาอาราบิก ซึ่งเราก้อต้องใช้ skillในการเดาว่า “$%#@%” อันนี้ น่าจะแปลว่า “ถอยๆๆ” หรือ “*&@%$^” อันนี้ น่าจะแปลว่า “หยุด” สุดท้าย แนะนำว่าให้จอดรถข้างนอกเมดิน่าแล้วเดินเข้าไปหรือนั่งแท็กซี่ไปลงหน้าทางเข้าดีกว่า



===========================================
MAJORELLE GARDEN (Jardin Majorelle)
===========================================




Rating: 5/5 ดาว

Majorelle Garden หรือ Jardin Majorelle เป็นอีกที่เที่ยวที่เป็น A-Must ของเมืองมาราเกช สวนแห่งนี้เป็นที่รวบรวมพันธุ์ไม้นานาจากทั่วโลก โดยเฉพาะต้นกระบองเพชรนับพันต้น หลากหลายสายพันธุ์ มีสวนบัว และป่าไม่ดูร่มรื่น กับบรรดากระถางดินที่ศิลปินเจ้าของเดิม Jacques Majorelle ที่สรรหาสีมาป้ายทาทับ ตกแต่งทำให้สวนแห่งนี้ดูโดดเด่นสะดุดตาขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ สวนแห่งนี้เดิมเป็นบ้านของศิลปินชาวฝรั่งเศส ที่เขาสร้างบ้าน และสวนเอาไว้อยู่เอง พร้อมสร้างงานศิลปะของเขาต่อมาสถานที่แห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ รวบรวมเอาศิลปะของโมร็อคโคไว้ และมีมุมแสดงงานศิลปะของเจ้าของเดิมเอาไว้ด้วย เป็นที่ที่เดินถ่ายรูปได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อเลย มีมุมโน้น มุมนี้ให้ถ่ายเรื่อยๆ ถ้าจะจัดชุดมาถ่ายรูปก็ดูสีให้เข้าด้วย ด้านในจะมีคาเฟ่เก๋ๆ แนวคาเฟ่ในสวนให้คุณไปนั่นจิบกาแฟยามเช้าอีกด้วย



เวลาซื้อตั๋ว คุณสามารถซื้อแบบ combo ประกอบไปด้วย Majorelle Garden + Berber Mesuem + YSL museum พร้อมกันเลยในราคา 180 DH สำหรับที่จอดรถ คุณสามารถจอดรถในซอยใกล้ๆ ได้เลย สะดวกมาก แนะนำให้ไปตอนเช้าๆ เพราะคนยังไม่เยอะ ไม่ต้องแย่งมุมกันถ่ายรูป ถ้าคุณเป็นสายถ่ายรูป รับรองว่าที่นี่อยู่ได้เรื่อยๆ แน่นอน

===========================================
YVES SAINT LAURENT MUSEUM
===========================================




Rating: 3/5 ดาว

ติดๆ กับ Majorelle Garden จะเป็น Yves Saint Laurent Musuem ถ้าใครอินๆ กับ Fashion ก้อคงจะเพลินไปกับ collection ต่างๆ เค้าแน่นอน เพราะด้านในมีจัดแสดง collection ดังๆ ของ YSL ธีมการจัดจะเป็นสีดำ เพราะเป็นสีโปรดของนาง มีฉายหนังสั้นพูดถึงประวัติย่อๆ ของนางว่าเคยทำงานกะ Dior มาก่อน สุดท้ายโดนไล่ออก จนมามี Brand YVES เป็นของตัวเอง นอกจากนั้นก็มีร้าน gift shop ขายพวกกระเป๋า collection แปลกๆ  หนังสือ ผ้าพันคอ เครื่องหนังนิดหน่อย

===========================================
SAADIENS TOMBS
===========================================




Rating: 2/5 ดาว

ที่นี่บอกเลยว่า ไม่มีไรเลย คือมันเป็นสุสานแห่งราชวงศ์ซาเดียน (Saadian Tombs) เป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์และเหล่าเชื้อพระวงศ์ในสมัยราชวงศ์ซาเดียน สถานที่แห่งนี้ถูกทิ้งร้างมากกว่า 2 ศตวรรษ ภายหลังได้รับการบูรณะ และเปิดให้เข้าชมความงดงามของงานศิลปะแบบมัวริช(Moorish) แท้ๆ ด้านในมี 3 hall ซึ่ง Hall ที่เก็บศพของซาเดียน และลูกชายสองคนนั้น เค้าไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไป จะมีเจาะรูช่องเล็กๆ ขนาดคนนึงเข้าไป 1 ช่อง ดังนั้นจะต้องต่อคิวเข้าไปดูทีละคน เสียเวลาสุดๆ ไม่คุ้มกะค่าเข้า 70 DH เลย แต่ถ้าใครมีเวลาว่างจัด จะแวะไปดู ก้อต้องจอดรถนอกเมดิน่า แล้วเดินเข้าไป ทางเข้าอยู่ ติดกับ Moulay El yazid Mosque อย่าเข้าผิดนะ

===========================================
KOUTOUBIA MOSQUE
===========================================




Rating: 1/5 ดาว

มัสยิดใหญ่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไม่ว่าจะเดินไปแห่งใดในตัวเมืองก็จะเห็นมัสยิดนี้ได้ จากหอวังที่มีความสูง 226 ฟิต (70 เมตร) อันนี้ไม่มีอะไรมาก ด้านใน Mosque ให้แค่คนมุสลิมเข้าเท่านั้น เราจึงไม่ได้เข้าไป ด้านนอกเป็นลานกว้างๆ ธรรมดา คนเมือง Marrakech ก้อดูเหมือนจะเอาเป็นพี่พักผ่อนหย่อนใจกันที่นี่ สามารถไปพร้อมๆ กับ Jemaa el-Fnaa ได้เลยเพราะอยู่ติดกัน
ชื่อสินค้า:   โมร็อคโค
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่