---อิทธิพลของพ่อที่มีต่อลูกสาว และอิทธิพลของลูกสาวที่มีต่อพ่อ---

เคยเขียนถึงแม่แล้ว แต่ยังไม่เคยเขียนถึงพ่อเลย ว่าจะเขียนถึงช่วงวันพ่อ ก็มีอะไรให้ทำก่อนสิ้นปีแบบชนิดที่เรียกว่ายุ่งขิงมาก ๆ

    ปีใหม่ที่ผ่านมา ได้ไปพักที่บ้านพักตากอากาศของเพื่อนใกล้ ๆ เขาตะเกียบ เห็นสามีกับลูกสาวทั้งสามคน คุยกัน เดินเล่น จูงมือกันริมชายหาด บางที พ่อนอน ยัยลูกสาวคนเล็กก็ไปนัวเนีย ปีนป่าย เกาะก่าย ไปบนตัวพ่อราวกับจะสิงร่าง เลยนึกอยากทำให้เขียนถึงเรื่องพ่อกับลูกสาวขึ้นมา

เพี้ยนแห้ว
    บทความที่อ่าน ประสบการณ์ที่เห็น ทำให้รู้สึกได้มากว่า พ่อมีอิทธิพลกับลูกสาวมากกว่าที่ใครอาจจะคาดคิดไปถึง ผู้หญิงทุกคนมีพ่อเป็นผู้ชายคนแรกที่รู้จัก   จึงไม่แปลกที่หลายคนที่มีความสัมพันธ์ ความผูกพัน ความทรงจำที่ดีกับพ่อ จะเลือกผู้ชายที่มีลักษณะบางอย่างหรือหลายอย่างคล้ายพ่อตัวเอง  กระทั่งคนที่ไม่ลงรอยกับพ่อ หรือไม่ถูกกับพ่อ และมักบอกว่า จะ “ไม่เลือกคนที่เหมือนพ่อ” ก็ยังมี “พ่อ” เป็นศูนย์กลาง เอาพ่อเป็นหลักว่านิสัยอย่างนี้ ๆ ๆ ของพ่อ เราชอบ  นิสัยอย่างนี้ ๆ ๆ ของพ่อ เราไม่ชอบ เพราะงั้น เราจะไม่เลือก

เพี้ยนหืม
นานาสงสัย


    ทำไมพ่อจึงมีอิทธิพลต่อลูกสาวนัก ?

       - พ่อเป็นผู้ชายคนแรกที่ลูกสาวรู้จัก เป็นตัวอย่างแรกของความเข้มแข็ง เป็นตัวอย่างแรกของความเป็นลูกผู้ชาย อาจจะไม่อ่อนหวาน หรือ อ่อนโยนเหมือนแม่ แต่การมีพ่ออยู่ใกล้ ๆ มันให้ความรู้สึกอุ่นใจกึ่งภูมิใจ ภูมิใจอะไรยังไงก็ตอบไม่ถูก แต่รู้สึกอุ่นใจที่มีผู้ชายสูง ๆ (อย่างน้อยก็สูงกว่าลูกสาว) คอยอุ้มหรือเข็นรถให้

      “It is admirable for a man to take his son fishing, but there is a special place in heaven for the father who takes his daughter shopping.” – John Sinor
     เป็นเรื่องน่าชื่นชมสำหรับการที่พ่อกับลูกชายออกไปตกปลากัน  แต่มีที่พิเศษสุดบนสรวงสวรรค์สำหรับพ่อที่พาลูกสาวออกไปช้อปปิ้งซื้อของ --- จอห์น ไซเนอร์


      - อยู่กับพ่อแล้วสนุก ได้แหกกฎบ้าง ได้ทำอะไรที่แม่มักจะห้ามบ้าง เช่น ถ้าแม่ไม่อยู่ เดี๋ยวพ่อจะรินเป๊ปซี่ให้ เดี๋ยวจะตื่นสายได้โดยไม่มีคนบ่น ออกไปเล่นน้ำฝนได้บ้าง เล่นเกมส์ทั้งวันได้  ทำเสื้อเลอะเล่นจนเนื้อตัวมอมแมมได้

ฟินออกทะเลyes

        ผู้ชาย ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็ยังมีส่วนที่เป็นเด็กเสมอค่ะ  บางทีพ่อก็อาจจะแหย่อะไรบ้า ๆ บอ ๆ แบบเด็ก ๆ
        เราจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ ป่าป๊าเราจับตั๊กแตนแอบไว้กระเป๋ากางเกง แล้วล้วงออกมาแหย่ให้ลูกกรี๊ดกร๊าดลั่นบ้าน


    เรื่องนี้เป็นจริงทุกเชื้อชาติค่ะ ฝรั่งยังบอกเลยว่า

        “Dad. He can play like a kid, give advice like a friend, and protect like a bodyguard.” – Unknown
พ่อ --- เป็นผู้ชายที่เล่นได้เหมือนเด็ก ๆ ให้คำแนะนำได้เหมือนเพื่อน และปกป้องคุณได้เหมือนบอดี้การ์ด


        “A little girl giggles when she is denied an ice-cream by her mother. She knows daddy will get her some later.” – Unknown
        เด็กหญิงตัวน้อยหัวเราะกิ๊กกั๊กเวลาแม่ไม่ให้กินไอศกรีม เธอรู้ว่า เดี๋ยวพ่อก็ให้กินเองแหละ


         - ในเหตุการณ์ครอบครัวปกติ  ลูกสาวมักรักและชื่นชมพ่ออย่างเป็นธรรมชาติ อย่างอัตโนมัติ อย่างไม่ต้องใช้เหตุผล  แม้พ่อจะมีข้อเสียอะไรอื่น ๆ อีกหมื่นแปดพันอย่าง ถ้ามันไม่หนักหนาสาหัสหรือทำร้ายจิตใจกันมากจนเกินไปแล้ว ลูกสาวมักมองข้ามหรือแทบไม่พูดถึง จะโฟกัสแต่ข้อดีของพ่อแทน

    สำหรับลูกสาวแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเธอยังเป็นเด็ก พ่อเป็นฮีโร่เสมอ เพราะงั้น ถ้าคุณเป็นเจ้านายหรือหัวหน้าใคร อย่าดุด่าลูกน้องคุณต่อหน้าลูกเขาเด็ดขาด เพื่อถนอมหัวใจของเด็กหญิงน้อย ๆ ที่มองพ่อเธอเป็นยอดมนุษย์
เพี้ยนแว๊น


    ตอนเราสนิทกับผู้ชายคนหนึ่งสมัยวัยละอ่อน เราจำได้ว่า ไม่ว่าเขาจะขับรถ หรือทำอะไรก็ตาม เรามักเปรียบเทียบกับพ่อเราเสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มคนนั้น เอารถเข้าจอดในช่องว่างไม่ได้ ก็เลยขับออกไป  เราหลุดปากออกไปว่า
     “โห... นี่ถ้าเป็นป่าป๊าเรานะ  แค่นี้เอง ถอยรถเข้าได้แน่นอน”
          ชายหนุ่มหัวเสียมาก หันมาบอกเราว่า
         “ถ้าเอารถเข้าช่องนั้นได้  พ่อเธอคงเป็นเทวดาแล้วละ เพราะช่องนั้น มันสั้นกว่ารถอีก” แป่วววววววว

เม่าเป็นลม

    

         พอเราโตขึ้น เห็นอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น เราก็จะรู้โดยธรรมชาติได้เองว่า ถ้ามองอย่างเป็นกลางแล้ว พ่อเราอาจจะไม่ได้เก่งสุด หล่อสุด ดีสุดหรอก  แต่จะมีเสียงเล็ก ๆ ในหัวใจแย้งออกมาเสมอว่า ถึงจะไม่เก่งสุด หล่อสุด ดีสุดในสายตาใคร แต่อย่างน้อย ก็เก่ง หล่อ และดีในสายตาเรานั่นแหละ

        ลูกเราคนเล็กยังมีความนึกคิดและอารมณ์แบบเด็ก ๆ อยู่มาก เธอจะติดอยู่กับความคิดว่า ป๋าเธอเก่ง หล่อ และเจ๋งที่สุด ทำอะไรให้เธอได้ทุกอย่าง รักและถนอมเธอที่สุด เวลาทะเลาะกับเรา จึงมักบอกว่า “ไม่รักหม่ามี้แล้ว ลูกรักป๋าที่สุด  รักป๋าคนเดียว”

       ส่วนลูกสองคนโต โตพอที่จะรู้แล้วว่า มีอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนกันที่ป๋าก็ทำได้ไม่ถนัดนัก แต่ถึงอย่างนั้น ความรัก ความชื่นชม และความผูกพันก็ไม่ได้ลดน้อยลง


       มีคำกล่าวไว้ว่า
       “ตอนที่คุณยังเด็ก คุณคิดว่าพ่อคุณเป็นซูเปอร์แมน ต่อเมื่อคุณโตขึ้น คุณถึงได้ประจักษ์ว่า จริง ๆ แล้วพ่อก็คนธรรมดานั่นแหละ ที่แค่เอาผ้ามาคลุมตัวเป็นซูเปอร์แมน”
       “When you’re young, you think your dad is Superman. Then you grow up, and you realize he’s just a regular guy who wears a cape.” – Unknown


    อิทธิพลที่พ่อมีต่อลูกสาวลึกซึ้งอย่างบางทีเราไม่อาจสามารถหยั่งคะเนได้

       พ่ออาจไม่พูดมากเหมือนแม่ที่ขยันบ่นปากเปียกปากแฉะ แต่พูดอะไรออกมาแต่ละคำ ทำอะไรออกมาแต่ละอย่าง มันฝังและซึมซาบลงไปในหัวใจลูกอย่างแนบแน่นทั้งด้านดีและด้านไม่ดี


       “A daughter needs a dad to be the standard against which she will judge all men.” – Unknown
       เค้าบอกว่า “ลูกสาวต้องการพ่อ เพื่อเป็นมาตรฐานที่จะใช้วัดผู้ชายคนอื่น ๆ “


      เพื่อนเราบางคน เลือกคบผู้ชายที่มีลักษณะคล้ายพ่อ ชอบผู้ชายตัวหอม ใช้น้ำหอมโปโลเหมือนพ่อ


      บางคน เอามาตรฐานเวลาอยู่กับพ่อมาเป็นตัวตัดสินว่าผู้ชายคนนั้นน่าคบหรือไม่ เช่น เบียร์ (เพื่อนเราในกระทู้นู้น) เคยบอกว่า เวลาออกไปกินข้าวด้วยกันแล้วต้องหารสองตลอด ๆ หรือบางครั้ง เบียร์ต้องควักเงินเลี้ยงบ่อย ๆ  เธอจะรับไม่ค่อยได้  เพราะอยู่กับพ่อและที่เคยเห็นพ่อเทคแคร์ผู้หญิงกี่คนกี่คนของพ่อมา    เรื่องกินอยู่ “พ่อชั้นดูแลหมด”

พร้อมเปย์

     จะว่าเบียร์วัตถุนิยมหรือเอาเปรียบก็ไม่ได้  เพราะเบียร์เป็นคนที่สปอร์ตกับแฟนมากที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เราเคยเห็น ถ้าวัดจากของที่ซื้อให้หรือสิ่งที่ทุ่มเทให้  ครั้งหนึ่ง แฟนเบียร์รถเสียต้องเข้าอู่นาน  เธอเอารถให้แฟนเธอใช้ค่ะ แล้วตัวเธอก็นั่งรถเมล์ไปหาคุณแฟนที่ทำงานให้คุณแฟนพาเธอกลับบ้าน



      ป่าป๊าเราสูง 180 ยังใส่กางเกงยีนส์อยู่จนถึงอายุ 60-70 ขายาว สำอาง ทำงานเรียบร้อยเป็นระเบียบ  ชอบใช้น้ำหอม aramis ขวดเหลี่ยม ๆ แบน ๆ ใส ๆ และใส่รองเท้า BALLY เรายังมีภาพจำของ BALLY บู๊ทข้อสั้นสีมิดไนท์บลูหนังกลับอยู่ติดตาเลย เวลาเห็นใครแต่งตัวหรือใช้น้ำหอมแบบที่ป่าป๊าเราใช้ เราก็มักจะอมยิ้ม ชื่นชมและคิดว่า “รสนิยมดีจัง เหมือนพ่อชั้นเล้ย”
      อิอิอิ จริง ๆ สมัยนี้ มันอาจจะเอ๊าท์หรือลุงมากแล้วก็ได้
ปลื้มปริ่ม


     แต่ใช่ว่าเราจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อเรามาตลอดชีวิตนะคะ  มันมีช่วงขึ้น ๆ ลง ๆ ตอนเด็ก ๆ เรามักรู้สึกว่า เราไม่ใช่ลูกรัก เพราะเราหัวช้า และไม่สูง ขายาวเหมือนลูกคนอื่น ๆ ของพ่อ เรารู้สึกตลอดว่า ความรักของผู้ชายมีเงื่อนไข หรือที่ฝรั่งมักเรียกว่า strings attached รุงรังเยอะแยะกว่าความรักของแม่ จนเราต้องพยายามทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จเพื่อให้พ่อหันมามองเราและภูมิใจกับเราบ้าง พอมาอ่าน quote นี้ ในใจเราน้ำตารื้นนะคะ

     “When I’m at my best, I am my father’s daughter.” – Unknown
     “เมื่อฉันอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ที่เก่งที่สุด --- ฉันเป็นลูกพ่อ”


      ป่าป๊าเราไม่ค่อยพูดอะไรมาก แต่หม่าม้ามาเล่าให้ฟังหลังจากป่าป๊าไปสวรรค์แล้วว่า ป่าป๊าไปบอกใครต่อใครว่า
      “ในบรรดาลูกทั้งหมด (จากทั้งสองแม่) ป่าป๊ารักและภูมิใจในตัวเราที่สุด”

      มันเหมือนเสียงสวรรค์ที่ทำน้ำตาเราไหลเงียบ ๆ ในใจ หลังจากทำงานหนักและพยายามมาหลายปี ในที่สุด เราก็ไต่อันดับขึ้นไปได้ในใจพ่อ

      และด้วยความที่เหมือนมีปมเล็ก ๆ แบบนี้ในใจ ทุกวันนี้ เวลาลูกสาวทำอะไรสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือบางครั้งอาจจะไม่สำเร็จแต่เธอได้เข้าร่วมในการแข่งขันหรือทำกิจกรรม เราจะต้องกำชับให้สามีไปกอดลูก และพูดออกมาทุกครั้งว่า “ภูมิใจในตัวลูกมาก ทำได้ดีมาก” และถ้าแพ้ก็ต้องไปกอดเช่นกันและต้องพูดว่า “ทำได้ดีแล้วลูก”


      พ่อมักไม่ค่อยพูดความรู้สึกอะไรพวกนี้ออกมา แต่เขาอาจจะไม่รู้ว่า คำพูดของเขาส่งอิทธิพลต่อลูกสาวมากแค่ไหน กับลูกเราเคี่ยวเข็ญ กล่อม ชักจูงแทบตาย พวกเธอเฉย ๆ แต่ป๋าพูดออกมาแค่คำเดียวหรือแค่เปรยสั้น ๆ เธอทำตามหมดราวกับถูกร่ายมนตร์ใส่



      แต่พูดก็พูดเถอะ ใช่ว่า พ่อจะมีอิทธิพลต่อลูกสาวฝ่ายเดียวเสียเมื่อไร  ลูกสาวก็มีอิทธิพลต่อพ่อไม่น้อยไปกว่ากัน

     เรารู้จักผู้ชายสองสามคน สูงทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ และหน้าที่การงาน แต่เกรงใจลูกสาวม้ากมาก  บางคนนี่ถึงขนาดสารภาพเลยว่า ที่ไม่กล้านอกลู่นอกทาง แม้ว่าใจจะเตลิดไปไกลแล้วก็ตาม  เหตุผลเดียวเลยคือ --- เกรงใจลูกสาว

     เพื่อนรุ่นพี่หลายปีวัยใกล้เกษียณคนหนึ่ง  ชอบรุ่นน้องที่ทำงานมาก น้องคนนี้อายุน้อยกว่าเกือบ 20 ปีนะคะ  แต่เป็นเด็กฉลาด ทำงานเก่ง นิสัยดี เรียกว่าตรงสเป๊คไปหมด

     อีตารุ่นพี่คนนี้ก็ชื่นชมแล้วก็อ่อยแรง ๆ ไปหลายที ไม่ใช่เพื่อต้องการดึงน้องมาเป็นแฟน  แต่เพราะต้องการระบายความชื่นชมที่คัดล้นหัวอกออกไปบ้าง
อ่อยแรง ๆ ไปอย่างไรบ้างน่ะหรือคะ ?

    - จัดการจองโต๊ะให้น้องในปาร์ตี้วันเกิดน้องกินกับผองเพื่อน   น้องคิดว่าตัวเองเป็นคนจ่าย แต่จริง ๆ แล้วงบน้องน่ะ มันไม่พอหรอกสำหรับร้านขนาดนั้นและอาหารแบบนั้น แต่พี่จะให้จ้ะ ประสงค์จะออกตังค์ ไม่ประสงค์จะได้หน้า  ก็ไม่รู้ว่าน้องจะปลื้มปริ่มหรืออึดอัดนะคะถ้าเกิดน้องได้รู้ว่า อิตาพี่ระดับ VP บริษัทยักษ์ใหญ่นี่ดอดลงไปกำชับเจ้าของร้านด้วยตัวเองเลยว่า “จานปลานี่ขอเป็นเนื้อล้วน ไม่เอามาเป็นตัวติดก้างนะครับ”

    - รู้ว่าน้องจะกลับจากต่างประเทศ เอ่ยลอย ๆ ว่า เดี๋ยวให้ยืมรถพร้อมคนขับไปรับ เตี๊ยมกับคนขับว่า ให้จอดที่ห้างแห่งหนึ่งและขอตัวไปเข้าห้องน้ำ พอถึงห้างขุ่นพี่ผู้บริหารเซอร์ไพรส์มารับหน้าที่โชเฟอร์ขับไปส่งน้องเองเลยค่า ...

     แม่เจ้า ... ฟังแล้วถึงขนาดกลอกตาขึ้นบน ... ข้าพเจ้านึกว่าฉากหนังฮอลลีวูด

เพี้ยนลอยเพี้ยนหลงรัก


    ทั้งนี้และทั้งนั้น รุ่นพี่คนนั้นเล่าให้ดิฉันฟังว่า ทำไปเพราะชอบและชื่นชมน้อง ไม่ได้คิดจะล่วงล้ำก้ำเกินอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น และน้องเองก็รู้ขอบเขตถึงพยายามหลบมาตลอดจนเริ่มมาใจอ่อนนิด ๆ ตอนหลัง

     แต่หนุ่มใหญ่กลับบอกดิฉันว่า “ให้ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวน้อง *** (ชื่อลูกสาว) เสียใจ  คุณ *** (ชื่อดิฉัน)ก็รู้  ผมนี่แนวคิดเดียวกับ ดอน คอร์ลิโอนี่ ยังไงครอบครัวกับลูกก็เป็นเรื่องสำคัญที่สุด”

     และนี่ไม่ใช่เคสแรกที่ดิฉันเห็นหนุ่มใหญ่ มีวัยวุฒิกระเป๋าหนักจะชอบอ่อยแรง ๆ แบบคลีน ๆ แบบนี้ คือ แนวพระเอกโบราณ พี่ไม่ได้หวังอะไรมาก ไม่หวังจับมือ ไม่หวังครอบครอง  แต่ชอบมาก ถ้าไม่ได้ให้ดอกไม้ ไม่ได้ทำอะไรให้แล้วมันจะอกแตกตาย  แค่ได้คุยด้วย(บ้าง) ส่งไลน์ให้บ้าง หรือรับไลน์ตอบบ้าง แค่นี้พอแล้ว  ออกแนวโอตะยังไงพิกล

เม่าเซย์โนเม่าเซย์โนเม่าเซย์โน

      ร้อยทั้งร้อยจะเลือกคนใหม่ไหมน่ะหรือคะ ?
      No, No, No,. It’s a solid NO.
      เกรงใจลูกสาว นั่นคือเหตุผล
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่