Day 1 >> Shimabara / Kumamoto : Guzoni (หม้อไฟรวมมิตร) Motsunabe (หม้อไฟเครื่องในวัว) และ Basashi (ซาชิมิเนื้อม้า) https://ppantip.com/topic/38367396
Day 2 >> Hakata / Tenjin : Hakata Ramen และ ร้านยาไต (ร้านรถเข็นริมถนน)
Day 3 >> Saga / Karatsu : ตลาดเช้า ณ เมืองท่าแสนสงบ อาหารทะเลสดล้ำ ปลาหมึกใสตัวโต๊โต https://ppantip.com/topic/38712505
Day 4 >> Yufuin - Beppu : ชมวิวเมืองสุดมินิมอลและเมืองแห่งน้ำพุร้อน เป้าหมายคือร้านอร่อยในพื้นที่ https://ppantip.com/topic/38714533


ถ้าพร้อมกันแล้วก็ลุยกันเลย




เช้านี้เราเดินทางออกจาก Kumamoto เพื่อกลับเข้า Hakata กันครับ บ้ายบายพี่หมี คุมะมงก่อน





ก่อนออกจากสถานีสามารถแวะซื้อขนมขึ้นชื่ออีกอย่างของคุมาโมโต้ได้ เป็นขนมโมจิไส้มันเทศและมันม่วง จะบอกว่าเห็นดูธรรมดาๆ แบบนี้อร่อยมากนะครับ แป้งด้านนอกเหนียวนุ่มมีรสเค็มอ่อนๆ ไส้ด้านในแน่น ชั้นบนเป็นเนื้อมันม่วง (Murasaki imo) ชั้นล่างเป็นเนื้อมันเทศแน่นๆ หวานๆ มาเลยครับ เป็นขนมที่เรียบง่ายแต่รสชาติและเนื้อสัมผัสซับซ้อนดี แถมสนนราคาชิ้นละ 150 yen เท่านั้น เป็นของว่างที่ดีสุดๆ ครับ


Shinkansen ของเรารอบนี้เป็นขบวน Mizuho วิ่งตรงไปถึงสถานี Shin-Osaka เลย แต่เราลงแค่โซน Hakata นาจา



เดินเข้าโรงแรมมาฝากกระเป๋าพักเหนื่อยสักนิด แล้วไปหาอาหารเที่ยงกินกันเถอะ !!

หมายเหตุ : โรงแรมที่ผมพักครั้งนี้คือ Toyoko Inn Tenjin อยู่ค่อนข้างไกลจาก Subway Tenjin พอสมควร (ราวๆ 500m) แต่ใกล้ป้ายรถบัสมาก ใครมีแพลนเดินทางด้วยรถบัส ขอแนะนำโรงแรมนี้เลยจ้า หรือถ้าใครจะใช้ subway แต่พักที่นี่ เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ลำบากอะไรนะ ระยะทางที่เดินไป subway จากโรงแรมเดินนิดเดียวก็ลงมาโซนห้างใต้ดินแล้ว มีของให้เดินดู เดินช็อปเพียบ ผมลองเดินดูคร่าวๆ มีครบทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านยา เสื้อผ้า กิฟท์ชอป
แถมทางใต้ดินยังเชื่อมเข้าห้างอื่นๆ รอบๆ Tenjin Area ได้ด้วย



บรรยากาศทางเดินไป Subway Tenjin คึกคักพอสมควรเลย


และแล้วเราก็มาถึงสถานี Hakata กันแล้ว หาอาหารกันเถอะ มาถึงฮากาตะแล้ว จะไม่ลองฮากาตะราเม็งก็จะรู้สึกตะหงิดๆ อยู่ ขอลองเป็นร้านแรกเบิกฤกษ์เบิกชัยละกัน ร้านที่ผมจะมาเปิบวันนี้คือร้าน Hakata Issou ครับ


Name : Hakata Issou
Opening Time : 11.00-24.00 (เปิดทุกวัน)
Distance : ห่างจากสถานี Hakata ประมาณ 500 เมตร
Recommend Menu : Hakata Ramen, Gyoza
Price : 800-1000 yen
Tabelog Score : 3.61

เป็นร้านราเม็งราคามาตรฐานที่คะแนนสูงที่สุดในย่านสถานีฮากาตะ ตอนไปถึง 11.20 มีคนต่อคิวอยู่บ้างแล้วครับ ขนาดเป็นวันธรรมดาแถมยังไม่เที่ยง ร้านไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่คนแน่นตลอดครับ แต่พนักงานก็รันคิวค่อนข้างดีครับ ไปถึงปุปพนักงานจะให้เราเข้าไปกดเมนูที่ตู้ก่อนก่อน แต่เมนูที่นี่หนักไปทางภาษาญี่ปุ่น มีภาษาอังกฤษนิดหน่อย แต่เราชี้รูปให้พนักวานช่วยกดได้ครับ



ผมสั่งราเมงเซ็ตพิเศษ เพิ่มข้าวเพิ่มเครื่องมาเลยครับ สนนราคา 1,000 เยนถ้วน





บรรยากาศในร้าน มีที่นั่งทั้งแบบเคาท์เตอร์บาร์และโต๊ะ ส่วนเครื่องปรุงบนโต๊ะก็มีมากมายทั้ง งาบด กระเทียม พริกไทย และอื่นๆ ครับ


ชามนี้เป็นของผู้ใหญ่ที่ไปด้วยกัน ชาชูเม็ง น้ำซุปดูเข้มข้นมากๆ เครื่องแต่ละอย่างก็น่าทานทั้งไข่ ทั้งหมู สาหร่าย หน่อไม้


ส่วนของผมพิเศษกว่าหน่อย เสิร์ฟมาเป็นฮากาตะราเม็ง พร้อมข้าวโปะเครื่องแน่นๆ มาอีกถ้วยคุ้มมากครับ ไม่ต้องกลัวไม่อิ่มกันเลย น้ำซุปคำแรกที่ทานเข้าไปคือเข้มข้น หอมมันมาก ตัวเส้นมีความแน่นแต่ไม่แข็งจนเกินไป ถ้าเทียบกับ Ichiran Ramen น่าจะเป็นเส้นแบบ Firm ครับเครื่องที่ให้มาด้วยก็ทานเข้ากันทั้งกับข้าวและราเม็ง กินสลับกันได้ไม่มีเบื่อ


เส้นแบบนี้เป็นแบบที่ผมชอบเลยครับ แน่นหนึบ เคี้ยวมัน


พอใกล้เที่ยงคิวก็จะเริ่มเยอะครับ ถ้าเลยเที่ยงไปคิวอาจจะเยอะ มาไวๆ หน่อยเซฟกว่าครับ



ระหว่างทางเราก็แวะชมชิมขนมไปเรื่อยครับ ครัวซองก์ใต้สถานีฮากาตะอร่อยมากกกกก หอมเนยขั้นสุด แป้งนุ่ม บอกเลยว่ามีสิบชิ้นก็กินหมดครับ มั่นใจมาก


ไก่ทอดในซุปเปอร์ข้างทางยังน่าอร่อยเลยครับ ทอดมาร้อนๆ เสียดายคนต่อคิวยาวไปหน่อย ถ้ารอน่าจะนานเลยต้องตัดใจ T^T





เดินเล่นไปมาสักพัก เราก็เข้าไปเช็คอินโรงแรม อาบน้ำอาบท่าแล้วก็ออกมาร่อนต่อตอนฟ้าเริ่มมืดครับ ช่วงที่ผมมาเป็นช่วงต้นธันวา ห้างหรือตึกบางแห่งเริ่มทยอยประดับไฟฉลองคริสต์มาสกันบ้างแล้ว ชอปปิ้งไป เดินดูไฟไป เพลินดีเหมือนกันครับ


Apple Store ที่นี่ มีลูกค้าไม่ขาดสายเลยครับ แถมราคาไอโฟนก็ถูกกว่าที่ไทยพอสมควร แต่ถูกยังไง ตอนนี้ผมก็ซื้อไม่ไหวเหมือนกัน แฮ่ๆ




และแล้วเราก็เดินกลับมาย่าน Tenjin เพื่อมาลองอีกหนึ่ง Highlight ที่มีเพื่อนๆ แนะนำมา นั่นคือร้านรถเข็นริมถนน หรือที่ญี่ปุ่นเรียกกันว่า Yatai นั่นเองครับ

ชี้แจงก่อนว่าผมไม่รู้เหมือนกันว่าร้านไหนเวิร์คนะครับ ร้านยาไตจะเริ่มเปิดประมาณ 17.00-18.00 ครับ แถวๆ Tenjin ก็มี Hakata ก็มี หรืออาจจะมีในอีกหลายๆ โซนโดยรอบครับ เดินสุ่มๆ ดู ร้านไหนพอมีคน ไม่แน่นมากไป ก็เข้าไปจอยร้านนั้นเลย บอกก่อนเลยว่าร้านยาไตนี่คนญี่ปุ่นเองก็นิยมกันมากครับ โดยเฉพาะคนญี่ปุ่นที่เพิ่งเลิกจากงานจะมาสังสรรค์กันที่นี่ เมนูส่วนใหญ่เป็นอาหารย่าง อาหารต้มร้อนๆ เพราะเราจะได้กินท่ามกลางอากาศหนาวๆ ครับ ได้บรรยากาศดีเหมือนกัน




เมนูยังคงเป็น Japanese Only เช่นเคย แต่เราสามารถชี้บอกเค้าได้ครับ อาหารที่มีส่วนใหญ่จะเป็น ราเม็ง เกี๊ยวซ่า ของปิ้งย่างเสียบไม้ ไม่ว่าจะไก่ ตับ กึ๋น ปลาไข่ หมูสามชั้น หรือพวกโอเด้งร้อนๆ ปีกไก่ย่าง (Tebasaki) ก็มีครับ เครื่องดื่มก็มีหลายแบบแล้วแต่ร้านครับ



เกี๊ยวซ่านี่พ่อครัวปั้นทีละตัวแล้วย่างตามออเดอร์เลย อาจจะใช้เวลานิดนึงครับ ของย่างก็ย่างตรงนั้นเดี๋ยวนั้นเลยเช่นกันครับ มีโอเด้งนี่แหละเร็วสุดแล้ว โอเด้งที่เราสั่งมา ไม่ได้ระบุอะไรชัดเจนให้ทางร้านเลือกมาให้เลย ได้มาเป็นของทานง่ายๆ แก้หนาวกันก่อน มีไข่ต้ม เส้นบุก ชิกุวะ (คล้ายๆ เต้าหู้ปลากับปลาหมึกหลอดมิกซ์กัน) เต้าหู้ก้อน และฟักครับ ซุปรสชาติออกเค็มๆ หวานนิดๆ เป็นอาหรทำง่ายๆ ทานง่ายๆ ครับ


สักพักอาหารเริ่มมาเสิร์ฟครับ เกี๊ยวซ่าสองที่ รวมกันมา ที่นึงมีแปดตัวทานกันจุใจมาก รสชาติดีเลยครับ แป้งบางกรอบ ไส้พอดีๆ ทานร้อนๆ แจ่มมากๆ


หมูสามชั้นย่างเกลือเสิร์ฟบนผัก น่าจะให้ทานแก้เลี่ยนครับ ไม้นี้ก็อร่อยดีครับ หมูนุ่มดี เสียดายน้อยไปหน่อย



ปีกไก่นี่ก็โอเคอยู่ครับ ย่างเกลือมา เนื้อไก่นุ่มตามมาตรฐานแต่ที่ชอบมากๆ คือหนังไก่ครับ แฮ่ๆ หนังไก่ที่นี่จะค่อนข้างหนา ทานแบบย่างแล้วรูดกระดูกสะใจดีครับ


ตระกูลเครื่องในและเนื้อไก่ ผมเฉยๆ ครับ ผมว่าตับไก่หมักแบบบ้านเราอร่อยกว่า พอเอาเครื่องในมาย่างเกลือมันดูจืดๆ ไปครับ จริงๆ ปีกไก่อันบนถ้าเอามาหมักย่างแบบเราอาจจะอร่อยไปอีกเลเวลก็ได้


ปิดท้ายด้วยปลาไข่ย่างก็อร่อยดีครับ ย่างร้อนๆ หนังกรอบ ไข่แน่นฝุดๆ

จริงๆ คนที่มาอาจจะเน้นดื่มมากกว่ากินครับ อาหารค่อนไปทางกับแกล้มมากกว่าอาหารหนักๆ แต่ก็เฮฮาดี ตอนผมนั่เจอกรุ๊ปคนไทยมานั่งด้วย คุยกันเพลินเลยครับ มีอีกโซนนึงเป็นเกาหลี เจ้าของเป็นญี่ปุ่น กลายเป็นกรุ๊ปนานาชาติไปเลย

จบไปแล้วสำหรับวันที่สองครับ วันต่อไปเราจะไปบุกซากะหาอาหารทะเลกินกัน เย้

ขอบคุณที่ติดตามมาถึงตรงนี้นะครับ มีอะไรสงสัย ถามไว้ได้เลยครับ เดี๋ยวจะมาตอบให้ครับพ้ม : D