ตอนนี้เราจะเดินลงไปที่ชั้นใต้ดินชั้นที่สองกัน พื้นที่ชั้นที่สองนี้เป็นสถานที่จัดนิทรรศการถาวรอีกเหมือนกัน ส่วนพื้นที่พิเศษที่เพิ่มเข้ามามี ส่วน Multi-Media Center ที่มีวีดีโอ หนังสือ และสื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับงานไม้ให้กับผู้ที่สนใจ และยังมีเวิร์คช็อปขนาดเล็กที่เป็นพื้นที่ๆจะสอนเด็กๆ และผู้เริ่มต้น ให้ได้เรียนรู้และได้ทำงานเบื้องต้นเกี่ยวกับไม้อีกด้วยครับ




พื้นที่จัดแสดงที่มีการนำข้อต่อไม้จริงมาวางไว้ให้ผู้ที่เข้าชมได้ทดลองประกอบโครงสร้างด้วยตัวเอง จะได้เข้าใจว่าชิ้นส่วนแต่ละชิ้นเสียบต่อเข้ากันในลักษณะไหน และยังมีส่วนที่ให้ทดลองผ่าไม้ซุงด้วยตัวเองด้วยนะครับ สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ดีมากเลย

---

พื้นที่ส่วนด้านล่างของพิพิทธภัณฑ์ยังแบ่งเอาไว้สำหรับสร้างเป็นพื้นที่เวิร์คช็อปขนาดเล็กได้ด้วย ภายในมีโต๊ะทำงานไม้เรียงราย และมีเครื่องมือง่ายๆ อย่าง สว่านแท่น และเครื่องฉลุลายไม้ ที่ใช้ง่ายและปลอดภัย เพราะส่วนหนึ่งถ้าต้องการจะสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กได้ลองเริ่มทำงานไม้ การใช้เครื่องมือหนักที่อันตรายและเสียงดังอาจจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรนัก






ผลงานของผู้เข้าร่วมในเวิร์คช็อปเป็นพื้นฐานงานไม้ง่ายๆที่ใช้เครื่องมือไม่ซับซ้อนมาก อย่างน้อยก็ได้ทดลองทำ และน่าจะได้แรงบันดาลใจกลับไปบ้างครับ ซึ่งคอร์สแบบนี้เหมาะกับเด็กและผู้เริ่มต้นมาก เพราะไม่ซับซ้อนเริ่มทำเองได้จริง ส่วนถ้าใครชอบจริงจังก็คงต้องไปแสวงหาเครื่องมือและความรู้เพิ่มเติมเอาเองทีหลังครับ

---

ส่วนพื้นที่จัดแสดงหลักอีกส่วนที่น่าสนใจมากคือ โซนที่นำซุงไม้สนที่นิยมใช้ในญี่ปุ่นมาวางโชว์ลายไม้ให้เห็นกันเป็นๆ แถมยังมีกล่องพลาสติกใสที่ใส่ขึ้กบที่ถูกไสไว้อย่างเรียบร้อยอยู่ข้างใต้อีกด้วย ข้อดีคือทำให้เราได้รู้จักสนประเภทต่างๆ และยังได้ "ดม" กลิ่นอันหอมจรุงใจของสนแต่ละแบบด้วยครับ และมีสนพันธ์นึงมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Red Pine ที่พอเปิดหีบมาแล้วกลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วห้องไปหมด เป็นสนที่หอมมาก น่าจะหอมที่สุดในบรรดาทุกๆต้นที่เอามาโชว์ในพื้นที่แล้วครับ






พลาสติกใสด้านล่างต้นสนแต่ละท่อนสามารถเปิดออกมาและหยิบขี้กบสวยๆบางๆขึ้นมาจับๆดมๆได้ เป็นประสบการ์ณเรียนรู้ที่สมบูรณ์มากทั้ง รูป กลิ่น และความรู้สึกครับ บางหีบก็กลิ่นปรกติแต่บางหีบเปิดมาแล้วผงะก็มี เพราะสนบางพันธ์กลิ่นหอมรุนแรงมาก

---

ถัดมาจากโซนท่อนซุงจะเป็นการจำลองพื้นที่ของเวิร์คช็อปของช่างตีเหล็กในตำนาน Korehide Chiyozuru ซึ่งพื้นที่ๆจัดดูไม่ซับซ้อนเลย ช่างตีเหล็กที่ผลิต ใบกบ และสิ่วคุณภาพระดับตำนาน ใช้อุปกรณ์ที่เรียบง่ายมากๆครับ โดยนอกเหนือจากพื้นที่จำลอง ก็จะมีใบกบ และสิ่วในตำนานที่ถูกจัดแสดงเอาไว้ ซึ่งน่าจะเป็นของสะสมมากกว่าของที่นำมาใช้งานจริง ซึ่งเครื่องมือที่สวยงามของญี่ปุ่นจะมีการเล่นลวดลายการซ้อนกันของเหล็กทั้งสองชนิด (แข็งด้านล่าง อ่อนด้านบน) คือเป็นการสร้างเครื่องมือที่มีงานศิลปะเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่นอกเหนือและพ้นเลยจากการใช้งานระดับปรกติ




สิ่งที่น่าเสียดายมากคือช่วงที่ผมไปเยี่ยมชม Audio Guide ภาษาอังกฤษโดนเช่าไปหมด เลยไม่ได้กดฟังข้อมูลเกร็ดเล็กๆน้อยๆที่น่าสนใจเอามาเล่าให้ฟังได้ครับ แต่จากการเดินดูเครื่องมือเทพไปรอบงานจัดแสดง อย่างหนึ่งที่แตะตาคือความปราณีในการสร้างรูปทรง และลวดลายพื้นผิวที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นน่าจะเป็นสิ่งที่พอมองได้ด้วยตาออกครับ







บหน้ากว้างๆด้านบนเป็นกบที่ใช้แข่งขันในงานไสกบของญี่ปุ่นครับ งานแข่งขันจะแข่งกันว่าใครไสได้บางสุดและขี้กบที่ออกมาเรียบเท่ากันเป็นแผ่นต่อเนื่องโดยไม่มีรอยฉีก หรือขาดกลางเลย คือถ้าจะไสให้ไม่มีรอยฉีก ใบกบต้องลับเนี๊ยบมากๆ คือไม่มีรอยบิ่นเล็กๆเลย จะสังเกตุว่าขี้กบที่เอามาพาดนั้นบางมาก และต่อเนื่องกันทั้งผืนโดยไม่ฉีกขาด ถ้าให้ผมกะเกณฑ์เอาด้วยตาน่าจะประมาณ 0.005 มม. หรือ 0.5 ไมครอนเท่านั้นเองครับ

---

มาถึงบทความตอนสุดท้ายแล้ว หวังว่าทุกคนคงจะมีความสุขเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยกันนะครับ พอเดินออกมาจากพิพิทธภัณฑ์แล้วก็นึกเสียดายว่าอยากให้ประเทศไทยเรามีแบบนี้บ้าง ศาสตร์และศิลป์ด้านงานไม้จะได้ถูกพัฒนาขึ้นไปและเข้าถึงกลุ่มคนได้มากขึ้น ได้แต่แอบหวัง อนาคตคงต้องรอดูกันต่อไปนะครับ

Link Part 01 : https://ppantip.com/topic/38404476
Link Part 02 : https://ppantip.com/topic/38404725