ทุกครั้ง ที่ผมหมด Passion การเดินทางคนเดียวเป็นอะไรที่ทำให้เติม Passion เพิ่มขึ้นมากเลยครับ ยิ่งถ้าเราไปในดินแดนที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน มันจะทำให้เรายิ่งอยู่กับตัวเอง แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตัวเอง ซึ่งจังหวัด Fukushima ประเทศญี่ปุ่น คือ คำตอบ ของผม
วันนี้ผมจะพามาเที่ยวจังหวัด Fukushima ประเทศญี่ปุ่น ทริปที่ผมไปเป็นช่วงที่ไม่ค่อยพีค แต่ขนาดไม่พีค มันสวยจนอยากจะตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นี่เลยแล้วครับ 555
จังหวัด Fukushima อยู่ที่ไหน ?
เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของภูมิภาคโทโฮคุ อยู่ห่างจากโตเกียว ประมาณ 200 กิโลเมตร ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติที่สวยมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น หิมะ ใบไม้เปลี่ยนสี ภูเขา ทะเลสาป อาหารการกินสุดแปลก และขึ้นชื่อการกินผลไม้สด ๆ จากต้นครับ
โปรแกรมการเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดฟุคุชิมะใน 6 ตอน
Ep. 1 :
ลุยเดี่ยวเที่ยว Fukushima กับที่เที่ยวที่ไม่ค่อยมีคนไป
Ep. 2 :
ลุยเดี่ยวเที่ยว Fukushima หนึ่งในร้อยเขาที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
Ep 3 :
ลุยเดี่ยวเที่ยว Fukushima ชิมเนื้อม้าซาซิมิ สด สด
Ep 4 :
ตะลุยเมือง Aizu-Wakamatsu ดินแดนโบราณของโลกใบนี้
Ep 5 :
นอนกระท่องกลางป่า Oze National Park
Ep 6 :
แช่ออนเซ็นริมน้ำตกสุดพรีเมียม วิวหลักล้าน
Day 1 :
ผมเริ่มต้นเดินทางจาก จาก สนามบินดอนเมือง โดยสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ สู่ สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น
ขาไป
DMK – NRT = (XJ600) 23:55 น. – 08.00 น.
ขากลับ
NRT – DMK = (XJ607) 20.40 น. – 01.20 น.
เมื่อมาถึง สนามบินนาริตะ หลังจากรับกระเป๋า ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง และ ศุลกากรปุ๊ป เราต้องเดินทางต่อไปที่
สถานีโตเกียว
สิ่งแรกที่ต้องทำ : ลงไปชั้นใต้ดิน เพื่อ แลกตั๋ว JR
สำหรับ JR EAST PASS (Tohoku area) แบบ 5 วัน (ใช้ได้แบบอิสระ 5 วัน ภายในระยะเวลา 14 วันนับจากวันที่เริ่มใช้ หมายความว่า ใน 14 วันนี้ ไม่ต้องใช้ติดกันทุกวันก็ได้) เป็นบัตรโดยสารรถไฟราคาพิเศษ สำหรับผู้ที่ถือพาสปอร์ตนอกเหนือจากญี่ปุ่น ใช้เดินทางในภูมิภาค โทโฮคุ เช่น Aomori, Sendai รวมทั้ง Nikko
ซื้อจากต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 19,000 เยน /เด็ก 9,500 เยน
ซื้อในประเทศญี่ปุ่น ผู้ใหญ่ 20,000 เยน /เด็ก 10,000 เยน
ดูข้อมูล Pass เพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้นะคะ
https://japanallpass.com/jr-east-pass-tohoku-area/
หลังจากนั้นเดินกลับหลังก็จะเจอประตูสู่รถไฟ N’EX หรือ Narita Express สู้เมือง โตเกียว โดยเราสามารถจองที่นั่งผ่านเค้าเตอร์ตอนรับ JR PASS ได้เลยครับ
ในตั๋วโดยสาร ของ N’EX จะระบุเลขตู้โดยสาร และ ที่นั่ง และมาตรงเวลาแบบเป๊ะ ๆ เลยครับ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง กับที่นั่งที่แสนสบาย มีที่ชาร์จแบตทุกที่นั่งเลยครับ
เมื่อมาถึง สถานี โตเกียวปุ๊ป ผมรีบไปซื้ออาหารตุนไว้ระหว่างทาง เพื่อนั่งรถไฟต่อไปยังสถานี Fukushima ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาทีเท่านั้นเองครับ
เสียงเครื่องยนตร์รถไฟเงียบมาก แถมคนที่นี่เค้าจะพูดเสียงเบามากเลยครับ แค่ผมแกะถุงกล่องอาหาร ได้ยินไปเกือบทั้งขบวนเลยครับ ฮ่าๆ (ล้อเล่น)
หลังจากถึง สถานี Fukushima ปุ๊ป แผนต่อไปคือ ไปกินผลไม้สด ๆ จากต้นที่ Marusei Orchard สถานี IOJIMAE Station
วิธีการดูเวลารถไฟของผมก็คือ ใช้เว็บไซต์
http://www.hyperdia.com ไม่ว่าเราจะไปจุดหมายปลายทางอย่างไร ต้องขึ้นรถไฟขบวนไหน ต้องมีการเปลี่ยนขบวนไหม เส้นทางที่จะไปใช้เวลาในการเดินทางนานเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่คำตอบของคำถามเหล่านี้มีรวมไว้แล้วครับในแหล่งข้อมูลได้จากเว็บไซต์นี้เลยครับ
ใช้เวลาแค่ 18 นาทีก็มาถึง สถานี IOJIMAE Station
ซึ่งไม่มีใครสักคนเลยครับฮ่า ๆ
หลังจากนั้นใช้ Application : Google Maps ปักหมุดไปยัง Marusei Orchard ใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที
เดินไปเรื่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ
เดินไปเรื่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ
อากาศที่นี่เย็น เดินไป ยิ้มไปเลยครับ อยากให้ประเทศไทยอากาศแบบนี้มากครับ ฮ่าๆ
ผังเมืองที่นี่สวยมากครับ
ในระหว่างทางจะมีสวนผลไม้เต็มเลยครับ ซึ่งเมื่อผมเดินไปเรื่อย ๆ รู้สึก ไกลเหลือเกิน
ผมเลยแวะเจอสวนไหนที่ใกล้ที่สุด ซึ่งถ้าทุกคนเดินมาตาม Google Maps จะเจอทุก ๆ 5 นาทีเลยครับ
ในแต่ฤดูกาลก็จะมีผลไม้ให้เก็บแตกต่างกันไป ดังนี้
มกราคม ถึง พฤษภาคม – สตรอเบอร์รี่
มิถุนายน ถึง กรกฎาคม – เชอร์รี่
กรกฎาคม ถึง กันยายน – ลูกพีช
สิงหาคม ถึง ตุลาคม – ลูกแพร์, องุ่น
ตุลาคม ถึง ธันวาคม – แอปเปิ้ล
แต่สวนที่ผมไปเค้าไม่ให้ถ่ายรูปหน้าร้าน ไม่รู้ทำไมเหมือนกันครับ เลยเก็บภาพบรรยายกาศได้นิดหน่อยมาฝากเพื่อน ๆ ครับ
ผมก็เดินกลับมาตามเส้นทางเดิม เพื่อมารอรถไฟที่ สถานี Ioji-Mae เพื่อไปยังที่พัก ที่สถานี Iizaka Onsen
เป็นสถานีที่ติดกับแม่น้ำ สวยมากเลยครับ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองบ่อน้ำพุร้อนเลยครับ
ใกล้กับสถานีรถไฟ จะมีสะพานข้าม แม่น้ำ Surikami ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่าน เมือง Iizaka Onsen
ผมเลือกพัก ที่ Iizaka Onsen Fukuzumi Ryokan ซึ่งสามารถเดินเท้าจากสถานีรถไฟไปไม่ไกล เพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้นที่พักมี 5 ชั้น ชั้นใต้ดินจะเป็น ออนเซ็น
ห้องพักกว้างมาก มีทีวี มีโต๊ะอาหารอยู่ตรงกลาง
เราสามารถมองเห็นแม่น้ำ Surikami ได้จากริมหน้าต่างเลยครับ
ออนเซ็นที่นี่เป็นแบบรวม แยก ชาย - หญิง สามารถเข้าใช้ได้ตั้งแต่ ตี 05:00 น. - 23:00 น. ครับ
มีผ้าเช็ดตัว มีหวี น้ำยาสระผม สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ไดร์เป่าผม คัตตอนบัต ให้ฟรีเลยครับ
หลังจากผมแช่ออนเซ็นเสร็จ ไม่รอช้า รีบออกไปเที่ยว แถว ๆ ที่พัก ซึ่งมีเยอะมาก ที่แรกได้แก่ Hako-Yu ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำเลยครับ ซึ่งสามารถมาแช่ออนเซ็นเท้าได้ฟรี ไม่มีค่าบริการครับ
เดินไปอีกนิด จะมี โรงอาบน้ำสาธารณะ Iizaka Onsen Hakoyu เป็นโรงอาบน้ำสาธารณะอีกแห่งที่มีชื่อของเมืองนี้ ข้างนอกจะเป็นที่แช่เท้าฟรี แต่ข้างในจะเสียค่าบริการ ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 150 เยน เปิดบริการทุกวัน(ยกเว้นวันอังคาร) ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ครับ
Horieya Ryokan ที่นี่เป็นที่ที่ผมจะมาพักในตอนแรก แต่ห้องพักเต็มเร็วมาก ซึ่งเป็นเรียงกัง เป็นอาคารไม้ 3 ชั้น ดูมีอายุ ค่อนข้างเก่าแก่ มีออนเซ็นในตัว
ข้างหน้า Horieya Ryokan ก็เป็น ศาลเจ้า Sabako ที่อยู่คู่กับเมืองนี้มาช้านาน
โรงอาบน้ำสาธารณะเก่าแก่ Sabakoyu จะแยกผู้หญิง ผู้ชาย ซึ่งผมเข้าผิดเป็นผู้หญิง เกือบโดนจับครับ ฮ่า ๆ ที่นี่เปิดบริการทุกวัน(ยกเว้นวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ค่าบริการ ผู้ใหญ่ 200 เยน และ เด็ก 100 เยน ราคาถูกมากครับ
ต่อไปเป็น Kyu Horikiri-tei บ้านคหบดีเก่า ที่จะพาย้อนอดีตไปในสมัยเอโดะ สภาพอาคารเก่าแต่ยังคงถูกรักษาไว้อย่างดีเยี่ยม บูรณะตกแต่งไว้อย่างเรียบร้อยสวยงาม จะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น.สามารถเข้าชมได้ฟรีเลยครับ
ภายในบริเวณบ้าน จะแบ่งออกเป็นหลายอาคารสามารถเดินชมได้ทั่วรอบบริเวณเลยครับ มีโกดังเก่าใช้สำหรับเก็บข้าวและในบางช่วงก็จะใช้เป็นโรงบ่มสาเก
ทีเด็ดของที่นี่คือ จะมีที่สำหรับแช่ออนเซ็นเท้าฟรีอีกด้วยครับ แถมมีผ้าเช็ดเท้าให้ด้วยครับ
คนน้อยมาก เมืองนี้สงบมากเลย ประทับใจจริง ๆ ครับ
[CR] แจกแผนลุยเดี่ยวเที่ยว Fukushima กับที่เที่ยวที่ไม่ค่อยมีคนไป Ep.1
ทุกครั้ง ที่ผมหมด Passion การเดินทางคนเดียวเป็นอะไรที่ทำให้เติม Passion เพิ่มขึ้นมากเลยครับ ยิ่งถ้าเราไปในดินแดนที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน มันจะทำให้เรายิ่งอยู่กับตัวเอง แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตัวเอง ซึ่งจังหวัด Fukushima ประเทศญี่ปุ่น คือ คำตอบ ของผม
วันนี้ผมจะพามาเที่ยวจังหวัด Fukushima ประเทศญี่ปุ่น ทริปที่ผมไปเป็นช่วงที่ไม่ค่อยพีค แต่ขนาดไม่พีค มันสวยจนอยากจะตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นี่เลยแล้วครับ 555
จังหวัด Fukushima อยู่ที่ไหน ?
เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของภูมิภาคโทโฮคุ อยู่ห่างจากโตเกียว ประมาณ 200 กิโลเมตร ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติที่สวยมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น หิมะ ใบไม้เปลี่ยนสี ภูเขา ทะเลสาป อาหารการกินสุดแปลก และขึ้นชื่อการกินผลไม้สด ๆ จากต้นครับ
โปรแกรมการเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดฟุคุชิมะใน 6 ตอน
Ep. 1 : ลุยเดี่ยวเที่ยว Fukushima กับที่เที่ยวที่ไม่ค่อยมีคนไป
Ep. 2 : ลุยเดี่ยวเที่ยว Fukushima หนึ่งในร้อยเขาที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
Ep 3 : ลุยเดี่ยวเที่ยว Fukushima ชิมเนื้อม้าซาซิมิ สด สด
Ep 4 : ตะลุยเมือง Aizu-Wakamatsu ดินแดนโบราณของโลกใบนี้
Ep 5 : นอนกระท่องกลางป่า Oze National Park
Ep 6 : แช่ออนเซ็นริมน้ำตกสุดพรีเมียม วิวหลักล้าน
Day 1 :
ผมเริ่มต้นเดินทางจาก จาก สนามบินดอนเมือง โดยสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ สู่ สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น
ขาไป
DMK – NRT = (XJ600) 23:55 น. – 08.00 น.
ขากลับ
NRT – DMK = (XJ607) 20.40 น. – 01.20 น.
เมื่อมาถึง สนามบินนาริตะ หลังจากรับกระเป๋า ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง และ ศุลกากรปุ๊ป เราต้องเดินทางต่อไปที่ สถานีโตเกียว
สิ่งแรกที่ต้องทำ : ลงไปชั้นใต้ดิน เพื่อ แลกตั๋ว JR
สำหรับ JR EAST PASS (Tohoku area) แบบ 5 วัน (ใช้ได้แบบอิสระ 5 วัน ภายในระยะเวลา 14 วันนับจากวันที่เริ่มใช้ หมายความว่า ใน 14 วันนี้ ไม่ต้องใช้ติดกันทุกวันก็ได้) เป็นบัตรโดยสารรถไฟราคาพิเศษ สำหรับผู้ที่ถือพาสปอร์ตนอกเหนือจากญี่ปุ่น ใช้เดินทางในภูมิภาค โทโฮคุ เช่น Aomori, Sendai รวมทั้ง Nikko
ซื้อจากต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 19,000 เยน /เด็ก 9,500 เยน
ซื้อในประเทศญี่ปุ่น ผู้ใหญ่ 20,000 เยน /เด็ก 10,000 เยน
ดูข้อมูล Pass เพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้นะคะ https://japanallpass.com/jr-east-pass-tohoku-area/
หลังจากนั้นเดินกลับหลังก็จะเจอประตูสู่รถไฟ N’EX หรือ Narita Express สู้เมือง โตเกียว โดยเราสามารถจองที่นั่งผ่านเค้าเตอร์ตอนรับ JR PASS ได้เลยครับ
ในตั๋วโดยสาร ของ N’EX จะระบุเลขตู้โดยสาร และ ที่นั่ง และมาตรงเวลาแบบเป๊ะ ๆ เลยครับ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง กับที่นั่งที่แสนสบาย มีที่ชาร์จแบตทุกที่นั่งเลยครับ
เมื่อมาถึง สถานี โตเกียวปุ๊ป ผมรีบไปซื้ออาหารตุนไว้ระหว่างทาง เพื่อนั่งรถไฟต่อไปยังสถานี Fukushima ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาทีเท่านั้นเองครับ
เสียงเครื่องยนตร์รถไฟเงียบมาก แถมคนที่นี่เค้าจะพูดเสียงเบามากเลยครับ แค่ผมแกะถุงกล่องอาหาร ได้ยินไปเกือบทั้งขบวนเลยครับ ฮ่าๆ (ล้อเล่น)
หลังจากถึง สถานี Fukushima ปุ๊ป แผนต่อไปคือ ไปกินผลไม้สด ๆ จากต้นที่ Marusei Orchard สถานี IOJIMAE Station
วิธีการดูเวลารถไฟของผมก็คือ ใช้เว็บไซต์ http://www.hyperdia.com ไม่ว่าเราจะไปจุดหมายปลายทางอย่างไร ต้องขึ้นรถไฟขบวนไหน ต้องมีการเปลี่ยนขบวนไหม เส้นทางที่จะไปใช้เวลาในการเดินทางนานเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่คำตอบของคำถามเหล่านี้มีรวมไว้แล้วครับในแหล่งข้อมูลได้จากเว็บไซต์นี้เลยครับ
ใช้เวลาแค่ 18 นาทีก็มาถึง สถานี IOJIMAE Station
ซึ่งไม่มีใครสักคนเลยครับฮ่า ๆ
หลังจากนั้นใช้ Application : Google Maps ปักหมุดไปยัง Marusei Orchard ใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที
เดินไปเรื่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ
เดินไปเรื่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ
อากาศที่นี่เย็น เดินไป ยิ้มไปเลยครับ อยากให้ประเทศไทยอากาศแบบนี้มากครับ ฮ่าๆ
ผังเมืองที่นี่สวยมากครับ
ในระหว่างทางจะมีสวนผลไม้เต็มเลยครับ ซึ่งเมื่อผมเดินไปเรื่อย ๆ รู้สึก ไกลเหลือเกิน
ผมเลยแวะเจอสวนไหนที่ใกล้ที่สุด ซึ่งถ้าทุกคนเดินมาตาม Google Maps จะเจอทุก ๆ 5 นาทีเลยครับ
ในแต่ฤดูกาลก็จะมีผลไม้ให้เก็บแตกต่างกันไป ดังนี้
มกราคม ถึง พฤษภาคม – สตรอเบอร์รี่
มิถุนายน ถึง กรกฎาคม – เชอร์รี่
กรกฎาคม ถึง กันยายน – ลูกพีช
สิงหาคม ถึง ตุลาคม – ลูกแพร์, องุ่น
ตุลาคม ถึง ธันวาคม – แอปเปิ้ล
แต่สวนที่ผมไปเค้าไม่ให้ถ่ายรูปหน้าร้าน ไม่รู้ทำไมเหมือนกันครับ เลยเก็บภาพบรรยายกาศได้นิดหน่อยมาฝากเพื่อน ๆ ครับ
ผมก็เดินกลับมาตามเส้นทางเดิม เพื่อมารอรถไฟที่ สถานี Ioji-Mae เพื่อไปยังที่พัก ที่สถานี Iizaka Onsen
เป็นสถานีที่ติดกับแม่น้ำ สวยมากเลยครับ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองบ่อน้ำพุร้อนเลยครับ
ใกล้กับสถานีรถไฟ จะมีสะพานข้าม แม่น้ำ Surikami ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่าน เมือง Iizaka Onsen
ผมเลือกพัก ที่ Iizaka Onsen Fukuzumi Ryokan ซึ่งสามารถเดินเท้าจากสถานีรถไฟไปไม่ไกล เพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้นที่พักมี 5 ชั้น ชั้นใต้ดินจะเป็น ออนเซ็น
ห้องพักกว้างมาก มีทีวี มีโต๊ะอาหารอยู่ตรงกลาง
เราสามารถมองเห็นแม่น้ำ Surikami ได้จากริมหน้าต่างเลยครับ
ออนเซ็นที่นี่เป็นแบบรวม แยก ชาย - หญิง สามารถเข้าใช้ได้ตั้งแต่ ตี 05:00 น. - 23:00 น. ครับ
มีผ้าเช็ดตัว มีหวี น้ำยาสระผม สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ไดร์เป่าผม คัตตอนบัต ให้ฟรีเลยครับ
หลังจากผมแช่ออนเซ็นเสร็จ ไม่รอช้า รีบออกไปเที่ยว แถว ๆ ที่พัก ซึ่งมีเยอะมาก ที่แรกได้แก่ Hako-Yu ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำเลยครับ ซึ่งสามารถมาแช่ออนเซ็นเท้าได้ฟรี ไม่มีค่าบริการครับ
เดินไปอีกนิด จะมี โรงอาบน้ำสาธารณะ Iizaka Onsen Hakoyu เป็นโรงอาบน้ำสาธารณะอีกแห่งที่มีชื่อของเมืองนี้ ข้างนอกจะเป็นที่แช่เท้าฟรี แต่ข้างในจะเสียค่าบริการ ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 150 เยน เปิดบริการทุกวัน(ยกเว้นวันอังคาร) ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ครับ
Horieya Ryokan ที่นี่เป็นที่ที่ผมจะมาพักในตอนแรก แต่ห้องพักเต็มเร็วมาก ซึ่งเป็นเรียงกัง เป็นอาคารไม้ 3 ชั้น ดูมีอายุ ค่อนข้างเก่าแก่ มีออนเซ็นในตัว
ข้างหน้า Horieya Ryokan ก็เป็น ศาลเจ้า Sabako ที่อยู่คู่กับเมืองนี้มาช้านาน
โรงอาบน้ำสาธารณะเก่าแก่ Sabakoyu จะแยกผู้หญิง ผู้ชาย ซึ่งผมเข้าผิดเป็นผู้หญิง เกือบโดนจับครับ ฮ่า ๆ ที่นี่เปิดบริการทุกวัน(ยกเว้นวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ค่าบริการ ผู้ใหญ่ 200 เยน และ เด็ก 100 เยน ราคาถูกมากครับ
ต่อไปเป็น Kyu Horikiri-tei บ้านคหบดีเก่า ที่จะพาย้อนอดีตไปในสมัยเอโดะ สภาพอาคารเก่าแต่ยังคงถูกรักษาไว้อย่างดีเยี่ยม บูรณะตกแต่งไว้อย่างเรียบร้อยสวยงาม จะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น.สามารถเข้าชมได้ฟรีเลยครับ
ภายในบริเวณบ้าน จะแบ่งออกเป็นหลายอาคารสามารถเดินชมได้ทั่วรอบบริเวณเลยครับ มีโกดังเก่าใช้สำหรับเก็บข้าวและในบางช่วงก็จะใช้เป็นโรงบ่มสาเก
ทีเด็ดของที่นี่คือ จะมีที่สำหรับแช่ออนเซ็นเท้าฟรีอีกด้วยครับ แถมมีผ้าเช็ดเท้าให้ด้วยครับ
คนน้อยมาก เมืองนี้สงบมากเลย ประทับใจจริง ๆ ครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้