เราเคยได้ยินคนพม่าจากรายการหนึ่งในทีวี บอกว่า ถ้า “พุกาม” เป็นดวงจันทร์ มันก็ได้ถูกสำรวจไปแล้ว และมนุษย์ก็ยังพบว่าดวงจันทร์เป็นแค่ดาวที่ไม่มีแสงในตัวเอง แต่ “มรัคอู” เป็นดวงอาทิตย์ เพราะนอกจากมันจะสว่างกว่าดาวทุกดวง การจะดั้นด้นไปให้ถึงนั้น ก็ต้องใช้มากกว่าแรงกายและแรงใจ


เราไปพม่าครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว และพม่าก็เปลี่ยนมุมมองที่เรามีกับพม่าไปทั้งหมด เราตกหลุมรักพม่าหัวปักหัวปำ และเมื่อได้ยินประโยคนั้น เราก็ตัดสินใจแบบไม่ต้องคิดซ้ำเลยว่า เราจะไปมรัคอู


มรัคอู หรือที่คนพม่า เรียกว่า เมียวอู อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของพม่า ในเขตการปกครองของรัฐยะไข่ (Rakhine State) โดยมรัคอูเป็นอาณาจักรโบราณที่มีหลักฐานของความเจริญทางพุทธศาสนามานับตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 โดยมีกษัตริย์ขึ้นปกครองถึง 49 พระองค์ ก่อนจะตกอยู่ภายใต้การปกครองของพม่า ในสมัยของพระเจ้าปดุง ราวคริสต์ศตวรรษที่ 18


มรัคอู เป็นเมืองพุทธอันเป็นที่อยู่อาศัยของคนยะไข่ ที่นอกจากจะพูดภาษาที่แตกต่างจากคนพม่าแล้ว การเดินทางไปจากย่างกุ้ง ยังจำเป็นต้องข้ามเทือกเขาสูง อาระกันโยมา (Arakan) ที่ทอดตัวจากทางเหนือลงสุดด้านตะวันตกของพม่า มรัคอู จึงกลายเป็นเมืองกลางหุบเขาที่ยากต่อการเข้าถึง  นอกจากนี้ทางเหนือยังติดกับเขตแดนของบังคลาเทศและอินเดีย ทำให้ใต้ช่วงการปกครองของอังกฤษนั้น มีคนแขกมุสลิมย้ายถิ่นฐานเข้ามาทำงานเป็นจำนวนมาก จนเกิดเป็นการแบ่งแยกทางศาสนาที่สำคัญและละเอียดอ่อน โดยเฉพาะการเข้ามาของชาวโรฮิงญา ที่คนยะไข่เรียกว่า คนเบงกาลี นั้น กลายเป็นเหตุผลสำคัญของความขัดแย้งทางเชื้อชาติและศาสนาอย่างต่อเนื่องและรุนแรง โดยเฉพาะเหตุการณ์กราดเยิงที่ทำห้มีผู้เสียชีวิตกว่า 20 คน เมื่อช่วงธันวาคม 2517


และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้การเดินทางไปสู่มรัคอู จึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะหากว่าเลือกที่ตะไม่บินไปชิตตุ่ย (Sittwe) แล้วล่องเรือเข้ามรัคอู ก็จำเป็นที่จะต้องนั่งรถบัสยาวกว่า 25 ชม จากย่างกุ้ง
.
เราฝันถึงมรัคอูในแบบที่ไม้สามารถสลัดออกจากหัวได้ จนต้องตัดสินใจที่จะไปตามหาตะวันตกฝั่งมรัคอู ในที่สุด
.