ช่วงเย็นที่ผ่านมาผมโดยสารรถไฟฟ้า BTS กลับจากสมุทรปราการ ไปลงสถานีหมอชิต ช่วงแรกผมก็ได้นั่งมาตลอด จนถึงสถานีสยาม มีคุณยายอายุน่าจะ 70 กว่าแล้ว มายืนอยู่ใกล้ผม ผมเลยลุกให้ยายนั่ง
พอลุกให้ยายนั่งแล้วผมยืน ก็ยืนอยู่ตรงที่นั่งเดิมนั่นแหละครับซึ่งอยู่ริมสุดใกล้ประตู แล้วคนแน่นมาก ผมก็ยืนจับเสาตรงริมแผงกั้นที่นั่งไว้ ข้างๆ มีผู้หญิงสาว อายุน่าจะ 20 ต้นๆ หรือน้อยกว่า แต่งตัวแบบคนมาเที่ยว ยืนเล่นโทรศัพท์ตลอดทาง
ดราม่า มาเกิดตอนถึงสถานีอนุสาวรีย์ชัย ซึ่งมีคนลงเยอะพอสมควร ข้างในคนก็เยอะ ดันกันออกมา ตรงประตูคนก็แน่น เอาเป็นว่าถ้าหลบให้คนลงโดยไม่ให้ตัวเราสัมผัสโดนคนอื่นเลยทำได้ยากมาก
ทีนี้คนที่จะลงก็ดันกันออกมา ผมก็พยายามหลบให้ แต่คุณผู้หญิงคนข้างๆ เล่นโทรศัพท์ไม่สนโลก แล้วศอกผมไปกระแทกโดนแขนผู้หญิงคนนั้น ทำให้โทรศัพท์ของเธอตกลงพื้นรถไฟฟ้า
ผมกล่าวขอโทษพร้อมก้มลงเก็บโทรศัพท์แล้วส่งคืนให้ (โทรศัพท์ราคา 4 หมื่นกว่าบาทด้วยนะ) พอส่งคืนแล้ว นางไม่เพียงไม่ขอบคุณ นางออกอาการหัวร้อนแล้วเริ่มขึ้นเสียงใส่ผม ผมจำคำพูดทั้งหมดไม่ได้ แต่พูดมาประมาณว่า เอาศอกมากระแทกเราทำไม-เป็นอะไรมากหรือเปล่า ผมก็บอกไปเลยว่าไม่ได้ตั้งใจ "เพราะต้องหลบให้คนลง แล้วทำไมคุณไม่หลบล่ะครับ" นางก็ย้อนมาอีกว่าก็หลบ แล้วเอาศอกมากระแทกทำไม ทีนี้นางโชว์ให้ดูรอยแตกบนหน้าจอโทรศัพท์ บอกว่านี่เกิดจากความประมาทของผม แล้วถามผมว่าจะรับผิดชอบไหม
ผมเข้าใจอารมณ์นะ โทรศัพท์จอแตก แล้วค่าซ่อมแพงมาก เลยหัวร้อนจนคุมอารมณ์ไม่อยู่ แต่นางมองว่าเป็นความประมาทของคนอื่นอย่างผม แต่ในความคิดผมนางก็ประมาทด้วยที่ยืนเล่นโทรศัพท์ไม่สนโลกเลย และการยืนเล่นโทรศัพท์บนรถไฟฟ้า เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
ผมเลยพูดตอบไปว่า "คือบนรถไฟฟ้านี่ ไม่ควรยืนเล่นโทรศัพท์นะครับ เพราะเวลาคนเข้า-ออก เสี่ยงต่อการเกิดเหตุแบบนี้ แถมทำให้คนอื่นต้องมาระวังมากขึ้นอีก" ทีนี้นางเริ่มหลุดภาษาพ่อขุนแล้วครับ พูดเสียงดังเลย ประมาณว่า "ก็ gu จะเล่น มันก็สิทธิ์ของ gu....." แล้วก็อีกยาวครับ จำคำพูดไม่ได้ แต่ผมไม่เถียงแล้ว
พอถึงสถานีปลายทางหมอชิต ผมออกมายืนบนชานชาลา รอให้คนลงไปข้างล่างให้หมดก่อน แล้วดูให้แน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เดินตามผมมา จึงค่อยลงไปแตะบัตรออก
เจอแบบนี้เพลียใจจริงๆ ครับ ดีนะที่อีกฝ่ายเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชายแล้วมีความคิดแบบนี้ อาจถึงขั้นแลกหมัดกันเหมือนที่เคยออกข่าวก็เป็นได้
แชร์ประสบการณ์ มีปากเสียงกับผู้หญิงหัวร้อนบนรถไฟฟ้า เพราะ "สังคมก้มหน้า"
พอลุกให้ยายนั่งแล้วผมยืน ก็ยืนอยู่ตรงที่นั่งเดิมนั่นแหละครับซึ่งอยู่ริมสุดใกล้ประตู แล้วคนแน่นมาก ผมก็ยืนจับเสาตรงริมแผงกั้นที่นั่งไว้ ข้างๆ มีผู้หญิงสาว อายุน่าจะ 20 ต้นๆ หรือน้อยกว่า แต่งตัวแบบคนมาเที่ยว ยืนเล่นโทรศัพท์ตลอดทาง
ดราม่า มาเกิดตอนถึงสถานีอนุสาวรีย์ชัย ซึ่งมีคนลงเยอะพอสมควร ข้างในคนก็เยอะ ดันกันออกมา ตรงประตูคนก็แน่น เอาเป็นว่าถ้าหลบให้คนลงโดยไม่ให้ตัวเราสัมผัสโดนคนอื่นเลยทำได้ยากมาก
ทีนี้คนที่จะลงก็ดันกันออกมา ผมก็พยายามหลบให้ แต่คุณผู้หญิงคนข้างๆ เล่นโทรศัพท์ไม่สนโลก แล้วศอกผมไปกระแทกโดนแขนผู้หญิงคนนั้น ทำให้โทรศัพท์ของเธอตกลงพื้นรถไฟฟ้า
ผมกล่าวขอโทษพร้อมก้มลงเก็บโทรศัพท์แล้วส่งคืนให้ (โทรศัพท์ราคา 4 หมื่นกว่าบาทด้วยนะ) พอส่งคืนแล้ว นางไม่เพียงไม่ขอบคุณ นางออกอาการหัวร้อนแล้วเริ่มขึ้นเสียงใส่ผม ผมจำคำพูดทั้งหมดไม่ได้ แต่พูดมาประมาณว่า เอาศอกมากระแทกเราทำไม-เป็นอะไรมากหรือเปล่า ผมก็บอกไปเลยว่าไม่ได้ตั้งใจ "เพราะต้องหลบให้คนลง แล้วทำไมคุณไม่หลบล่ะครับ" นางก็ย้อนมาอีกว่าก็หลบ แล้วเอาศอกมากระแทกทำไม ทีนี้นางโชว์ให้ดูรอยแตกบนหน้าจอโทรศัพท์ บอกว่านี่เกิดจากความประมาทของผม แล้วถามผมว่าจะรับผิดชอบไหม
ผมเข้าใจอารมณ์นะ โทรศัพท์จอแตก แล้วค่าซ่อมแพงมาก เลยหัวร้อนจนคุมอารมณ์ไม่อยู่ แต่นางมองว่าเป็นความประมาทของคนอื่นอย่างผม แต่ในความคิดผมนางก็ประมาทด้วยที่ยืนเล่นโทรศัพท์ไม่สนโลกเลย และการยืนเล่นโทรศัพท์บนรถไฟฟ้า เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
ผมเลยพูดตอบไปว่า "คือบนรถไฟฟ้านี่ ไม่ควรยืนเล่นโทรศัพท์นะครับ เพราะเวลาคนเข้า-ออก เสี่ยงต่อการเกิดเหตุแบบนี้ แถมทำให้คนอื่นต้องมาระวังมากขึ้นอีก" ทีนี้นางเริ่มหลุดภาษาพ่อขุนแล้วครับ พูดเสียงดังเลย ประมาณว่า "ก็ gu จะเล่น มันก็สิทธิ์ของ gu....." แล้วก็อีกยาวครับ จำคำพูดไม่ได้ แต่ผมไม่เถียงแล้ว
พอถึงสถานีปลายทางหมอชิต ผมออกมายืนบนชานชาลา รอให้คนลงไปข้างล่างให้หมดก่อน แล้วดูให้แน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เดินตามผมมา จึงค่อยลงไปแตะบัตรออก
เจอแบบนี้เพลียใจจริงๆ ครับ ดีนะที่อีกฝ่ายเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชายแล้วมีความคิดแบบนี้ อาจถึงขั้นแลกหมัดกันเหมือนที่เคยออกข่าวก็เป็นได้