ชอบเที่ยวแต่สามีไม่ชอบ จนกลายเป็นปัญหาครอบครัว

เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เริ่มเลยนะคะ เราอายุ 30 ค่ะ เราแต่งงานมา 6 ปีแล้ว ยังไม่มีลูก สามีอายุก็รุ่นเดียวกัน สามีไม่กินเหล้า ไม่สูบบุรี่ ไม่ติดเพื่อน ไม่เล่นการพนัน ทำงานเก่ง และ รับผิดชอบครอบครัวดี สามีมีอาชีพ ทำสวนปาล์มและยางพาราค่ะ ซึ่งเป็นรายได้หลักของเราครอบครัว เราทำหน่วยงานรัฐแถวบ้าน เรา 2 คนมีหนี้ร่วมกันจากการซื้อสวนเพิ่ม ซึ่งหนี้ก็เหลือไม่เยอะแล้ว ฟังดูแล้วเหมือนชีวิตครอบครัวเราโอเคเลยใช้มั้ยค่ะ เราก็ว่ามันโอเคแล้ว แต่มันมีปัญหาตรงที่เราชอบเที่ยวค่ะ เที่ยวต่างจังหวัดไรงี้ แต่สามีเราไม่ชอบเลย เราทะเลาะกันทุกครั้งก่อนไปเที่ยว แม้แต่ตอนไปเที่ยวก็ยังทะเลาะกัน เค้าดูหงุดหงิดทุกครั้งที่ไปเที่ยว ทำอะไรก็ไม่ถูกใจ เที่ยวแต่ละครั้งไม่เกิน2คืนค่ะ ซึ่งปีนึงเราเที่ยวแค่ 3 ครั้งค่ะ ไม่เยอะเลยใช่มั้ยค่ะ เราจะออกทริปคนเดียวก็ไม่ได้ เพราะเค้าไม่ให้ไปค่ะ จนมาถึงรอบล่าลุด เราอยากไปเดินเขาค่ะ ทิ้งทวนก่อนที่จะเตรียมตัวมีลูก เชื่อมั้ยเค้าโวยวาย เหมือนบ้านจะแตก ว่าเราไม่คิดสร้างครอบครัว คิดจะเที่ยวอย่างเดียว ราคายาง ปาล์มก็ตกต่ำ เอาเงินที่เที่ยวมาใช้หนี้ให้หมดก่อนเถอะ ก่อนแต่งงานทำไมไม่เที่ยวให้เสร็จ ไม่มีเงินเที่ยวละซิ เรานี้อึ้งเลยค่ะ ด่าว่า เราอีกสาระพัด เราทำได้เพียงนั้งฟังอย่างเงียบๆ ดูปากที่ขยับขึ้นลงของสามี สมองก็คิดว่า กูเกิดมาทำงานแล้วก็ตายจากโลกนี้ไปเพียงแค่นี้เหรอ กูไม่ต้องเห็นอะไรอีกเลยใช้มั้ยนอกจากต้นปาล์มกับต้นยาง เรานั้งฟังเฉยๆไม่ใช้เพราะข้อความที่พ้นใส่หน้าเรานั้นถูกไปทุกอย่าง หรือว่าเรายอมนะคะ เราแค่คิดว่าเถียงไปก็แค่นั้น มันจะยิ่งปานปลายและทำร้ายความรู้สึกกันมากกว่าเดิม ทะเลาะกันครั้งนี้และคำพูดของสามีบางคำ ทำร้ายความรู้สึกเราอย่างมากเลยค่ะ ถึงขึ้นอยากแยกกันอยู่ เพราะเรารู้สึกไม่ไหวแล้ว เราทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว หาทางแก้ไม่ได้สักที แต่พอคิดอีกที ก็ถามตัวเองว่าเหตุผลแค่นี้เพียงพอเหรอที่เทอจะเป็นหม้ายและสิ่งสำคัญเทอรักเค้า เทอทำใจไม่ได้หรอกถ้าเค้าจะกลายเป็นของคนอื่น แล้วเทอจะหาผู้ชายแบบนี้ได้จากใหนอีก ความคิดเราตีกันในหัวยุ่งเหยิงไปหมด รักตัวเองก็รัก ผัวก็รัก เที่ยวก็จะไป จนต้องมาตั้งกระทู้นี้แหละค่ะ  .....,,เราขอคำแนะนำนะคะ ด่าเราได้แต่ด่าเบาๆนะ ผัวด่าเราเยอะแล้ว

ป.ล. เราเป็นผู้หญิงแบบง่ายๆ ไม่เน้นกินหรู อยู่แพง แบรนด์เนมไม่จำเป็น และ ไม่บ้าช็อป บ้า F ซักเท่าไหร่เราจะซื้อต่อเมื่อมันจำเป็นหรืออยากได้มากๆเท่านั้นค่ะ เราก็เลยมีเงินเหลือจากจุดนี้ เอาไปจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรมและค่าใช้จ่ายในการเที่ยวแต่ละครั้งค่ะ ซึ่งเราเก็บสะสมไว้จากเงินเดือนอันน้อยนิดของเราค่ะ ไม่ยุ่งรายได้จากสวนเลยรายได้จากส่วนนั้น เราตกลงไว้จ่ายหนี้กับค่าใช้จ่ายในครัวเรือน รวมทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัวของสามีนิดหน่อยค่ะ ชีวิตเราไม่ค่อยมีอะไรมากค่ะ ทำงาน กลับบ้าน ทำกับข้าว วนลูปแบบนี้ทุกวัน เสาร์ อาทิตย์ ก็ทำงานบ้านอื่นๆ ถ้าไม่ออกทริป ก็ไม่ไปใหน อยู่บ้านอย่างเดียวค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
เรื่องเที่ยวไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต ถ้าชีวิตยังไม่พร้อมไม่ควรเที่ยวค่ะ นานๆ ครั้งอาจได้ แต่ปีละ 3 ครั้งสำหรับคนที่ยังมีภาระหนี้ถือว่ามากไป การเที่ยวมันคือรายจ่ายที่ใช้แล้วใช้เลย บางคนคิดว่ามันคือการผ่อนคลาย แต่ถามว่าไปเที่ยวใช้จ่ายฟุ่มเฟือยในขณะที่ภาระทางบ้านยังมีสมควรไหม

เราก็เป็นคนชอบเที่ยวค่ะ แต่ถ้าเรามีภาระอยู่ เราจะไม่เที่ยว และถึงเราเที่ยว เราก็มีกฎคือเราต้องกันเงินส่วนหนึ่งเก็บเข้าบัญชีเงินใช้ในอนาคต(บัญชีนี้ห้ามถอนถ้าไม่จำเป็นหรือไม่มีคนบาดเจ็บล้มตาย)ให้ถึงเป้าก่อน ตั้งไว้เลยว่าเที่ยวรอบนี้ ต้องเก็บเงินสำหรับอนาคตให้ถึงเท่าไหร่ ไม่ถึงไม่ไป

แล้วคุณละคะ นอกจากเงินที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เคยมีเงินเก็บไว้ยามขาดไหม เคยเอาเงินไปช่วยสามีผ่อนหนี้ไหม เคยช่วยจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้านไหม
เราเข้าใจสามีคุณนะ แบกรับภาระทุกอย่าง เครียดกับราคาผลผลิตตก หนี้ก็ยังไม่หมด แล้วยังมาเจอภรรยาที่เอาเงินไปเที่ยว แทนที่จะเอาเงินส่วนนี้ไปจ่ายหนี้ให้หมดเร็วๆ เป็นใครก็คิดมากค่ะ แล้วเชื่อว่าสามีคุณคิดมานานแล้วด้วยถึงระเบิดลงอย่างนี้ ถ้ายังปล่อยไว้แบบนี้ไม่ใช่แค่คุณหลอกค่ะที่คิดจะเลิก สามีคุณก็อาจขอเลิกได้เช่นกัน

“ก่อนแต่งงานทำไมไม่เที่ยวให้เสร็จ ไม่มีเงินเที่ยวละซิ” ประโยคนี้ดูแรง แต่ถ้าคุณไม่เคยช่วยค่าใช้จ่ายอย่างอื่นในส่วนของสวนและบ้านเลย หรือช่วยส่วนกลางไม่มาก แล้วเอาเงิน(ที่คุณคิดว่ามันเป็นเงินที่คุณหามา)ไปเที่ยว ไม่แปลกที่สามีคุณจะมีความคิดแบบนี้ และประโยคนี้จะทำให้บ้านแตกแน่นอนถ้ายังไม่แก้ปัญหา เพราะเขาเริ่มคิดแล้วว่าคุณเกาะเขากินหรือเปล่า

ปล.เราว่าที่สามีคุณระเบิดลงไม่ใช่เพราะเรื่องเที่ยวหรอก เป็นเพราะคุณใช้เงินเกิดตัวต่างหาก ลองรอให้หมดภาระหนี้ มีเงินรายรับเยอะกว่านี้ ให้สภาพการเงินแข็งแรงก่อนดีไหม ค่อยคิดเรื่องเที่ยว

ถึงตอนนั้นที่ทุกอย่างพร้อม ถ้าสามีคุณยังคัดค้าน ก็ลองตกลงกันดูค่ะ ถ้าสามีคุณไม่ชอบเที่ยว ขอไปกับเพื่อนบ้างได้ไหม นานๆ ทีก็ได้ ลงหาจุดกึ่งกลางดู แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องในบ้านคุณต้องไม่ขาดตกบกพร่องนะคะ และถ้าสามีคุณยังไม่ย่อมผ่อนปรน คุณก็ต้องมาถามตัวเองแล้วค่ะว่าเรารับสภาพได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็เลิก แค่นั้นค่ะ
ความคิดเห็นที่ 3
เหมือนผมกับแฟนอ่ะ แฟนชอบเที่ยว มีชุดความคิดเดียวแบบคุณเลยด้วย
แต่ผมไม่อ่ะ สำหรับหลายๆคนการเที่ยวคือการไปชาร์ตแบต แต่กับผมนี่เที่ยวคือการปล่อยให้แบตรั่วหนักกว่าเดิมอีก คือไปก็เหนื่อยเดินทาง เหนื่อยนั่นนี่ กระทั่งจะพักก็ยังไม่สะดวกสบายเท่าบ้านตัวเองอีก แม้จะเป็นโรงแรมก็เหอะ ยังไงมันก็ไม่ใช่บ้าน
กลับมาก็เหนื่อย เพื่อเตรียมตัวทำงานในอีกวันพร้อมเคลียร์เสื้อผ้าที่ต้องหอบหิ้วไปมานั่นอีก
สรุป การเที่ยวของแต่ละคนไม่เหมือนกันนะ ผมนี่เหนื่อยหนักกว่าเก่าอีก สู้อยู่ซักผ้ากวาดบ้านรองน้ำล้างจานอาบน้ำหมายังสบายกว่าเยอะเลย
ความคิดเห็นที่ 21
ผมจะแชร์เรื่องของผมละกันครับ ในฐานะที่เป็นผู้ชายที่ไม่ชอบไปเที่ยว มีแฟนที่ชอบเที่ยว แต่งงานกันแล้ว มีลูกด้วยกันแล้ว

อย่างแรกผมจะไม่พูดเรื่องเงินที่จะเที่ยวนะครับ เพราะเวลาจะไปเที่ยวทั้งผมและแฟนได้เลือกแล้วว่าที่ๆไปสามารถใช้จ่ายได้แบบสบายกระเป๋าเรา

ก่อนแต่งงาน ตัวผมเองมีทรรศนคติต่อการไปเที่ยวคือ  เป็นการไปเปลี่ยนที่นอนเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรมากมาย โดยเฉพาะที่เที่ยวของผู้หญิงสมัยนี้เน้นกิจกรรมถ่ายรูปเป็นหลัก ซึ่งผมก็เข้าไม่ถึง เพราะไม่ได้ถ่ายกันเป็นที่ระลึก แต่ถ่ายออกแนวตามกระแส ถ่ายเยอะมาก อาหารก็ถ่าย บางสถานที่ก็หลายท่าทาง  แล้วก็กลับแค่นั้น
ส่วนตัวรู้สึกเหมือนเอาเงินไปเขวี้ยงทิ้ง (อีกมุมก็คิดว่าช่างเถอะดีกว่าทะเลาะกัน เพราะในช่วงชีวิตต่อไปจะไม่เที่ยวเลยเป็นไปไม่ได้ ก็แค่ไปบ่อยกว่าที่คิด)

หลังแต่งงาน มีทั้งลูก ทั้งพ่อแม่

เวลาไปเที่ยวกันทีเหนื่อยมากครับ ทั้งเด็ก ทั้งคนแก่ นอกจากนี้ยังมี คอมโบ เด็กอ่อน คนท้อง คนแก่ ใน1ทริป ผมผู้ชายคนเดียว แต่ความถี่ในการเที่ยวไม่ได้ลดลงครับ
ผมเคยถามแฟนว่ารอให้ลูกโตกว่านี้ไม่ได้เหรอ ผมบอกไปตรงๆว่า ไปเที่ยวกันทีนึงวุ่นวายมาก นอกจากเหนื่อยแล้วยังไม่ได้อะไร นอกจากโยนเงินทิ้งเล่น
เค้าบอกผมว่า พ่อกับแม่เค้าแก่แล้ว เกษียณแล้วอยากให้เค้ามีความสุขในทุกวันหยุดยาว ถ้าไม่ไปตอนนี้ ถ้าต่อไปไปไม่ได้ล่ะ (ผมก็พูดไม่ออก) เค้าบอกอีกว่า เด็กๆไปเที่ยวจะได้เห็นอะไรมากกว่าเด็กที่ไม่ได้ไปเที่ยว (อันนี้ก็จริง ผมก็ไม่เถียง)
ก็นี่แหละครับต่อมา ผมมองว่าเค้ามีเหตุผลที่จะเที่ยวมากกว่าผม  (เหตุผลที่ผมจะไม่ไปเที่ยว คือขี้เกียจ แต่ชอบเอาเรื่องเงินมาโวยบังหน้า เพราะอย่างที่บอกตอนต้นไม่ได้มีปัญหาสำหรับเงินเที่ยว)
ถ้าลองมองประโยชน์ มีคนมีความสุขตั้ง 3 กลุ่ม ทั้งตัวแฟน เด็กๆ และคนแก่ เพราะงั้นเมื่อเรามีครอบครัวเราไม่ใช่เราอีกต่อไป เราต้องสุขทั้งครอบครัว อะไรยืดหยุ่นได้ต้องทำ
ความคิดเห็นที่ 2
แต่สามีคุณเป็นคนดูแลสวนปาล์มและยางพารา ถ้าเกิดขายไม่ดีหรือขาดทุนมา คงเครียดไม่มีอารมณ์อยากเที่ยว

คุณลองเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ลองคิดดูนะถ้าคุณเป็นสามีที่ประสบปัญหาย่ำแย่ของผลประกอบการณ์ คุณจะรู้สึกอย่างไง

เรื่องเที่ยวมันคือรายจ่าย หากตอนนี้มีรายจ่ายมาก คุณยังอยากมีความสุขชั่วประเดี๋ยวแล้วกลับมาทุกข์ต่อหรอ

อย่างน้อยๆคุณควรจะดูแลเอาใจใส่สามีให้มากๆ เดี๋ยวพอวิกฤตผ่านพ้นไปสามีคุณก็คงให้เที่ยวเหมือนเดิม

ดูผญให้ดูตอนลำบาก ดูผชให้ดูตอนสบาย ถ้าคุณทิ้งสามีคุณไปตอนลำบากเพราะเรื่องเที่ยว ก็....ไม่รู้จะพูดยังไง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่