ถ้ากล่าวตามธรรมชาติของคนแล้ว ตอนวัยเด็กก็ย่อมไม่มีปัญหาทางเพศ แต่เมื่อวัยหนุ่มสาวย่อมมีปัญหาอารมณ์ทางเพศเกิดขึ้น ก็ด้วยการเจริญของร่างกายและผลักดันของออร์โมนในร่างกายนั้นเอง ก็จะมีความกำหนัดทางเพศลากยาวไปสำหรับผู้ชาย จนอายุ แก่เฒ่าก็ยังมีเมื่อร่างกายยังไม่มีโรคภัย มาตัดรอน.
และตัวผมก็เป็นเช่นนั้นตามธรรมชาติ คือมีอารมณ์ทางเพศก็อายุ 13 ปี นั้นเอง เพียงแต่เป็นเด็กที่มีปัญหาหน่อย รู้ว่าตนเองต่ำต้อยด้อยสิทธิ์ กว่าคนอื่นๆ หรือชาวบ้านทั่วไปในหมู่บ้าน เพราะยังไม่มีสัญชาติไทย จึงโดนมองโดนดูถูกได้ตั้งแต่เด็กจำความได้
หมายเหตุ เรื่องที่เล่านี้ และเรื่องต่อๆ ไปที่จะเล่านั้นได้ผ่านไปแล้ว และผมก็ได้รับสัญชาติไทย เมื่ออายุเกือบ 36 ปี ใจผมก็ไม่ไม่โกรธเคือง ปักใจเจ็บแค้นหรือพยาบาทหลงเหลืออยู่เลย แม้แต่นิดเดียว ก็เป็นไปตามธรรมที่ว่า
สิ่งที่เกิดย่อมเกิดจากเหตุ สิ่งที่เกิดทั้งหมดทั้งมวล ย่อมดับไปเป็นธรรมดา
จึงเป็นการเล่าแสดงให้เห็นตามเหตุเท่านั้น
ด้วยความเป็นเด็กแต่มีความเข้าใจไปไกล เราคงหาผู้หญิงใดมารักเราไม่ได้แน่ในอนาคต จึงไม่พยายามช่วยตัวเองและข่มอารมณ์ทางเพศตนเองมาตลอด และเป็นช่วงที่พ่อเริ่มบังคับผมไม่ให้เรียนต่อชั้นมัธยม เมื่อจบชั้นปฐม เพราะเห็นว่าแม้เรียนสูงก็เอามาทำงานอะไรไม่ได้ และกลัวว่าถ้าปล่อยให้เรียนต่อชั้นมัธยมเหมือนพี่ชายคนโตที่เรียนเก่งมาก แล้วพ่อบังคับให้หยุดเรียนตอนจบมัธยม จนเกิดอาการเพี้ยนเพราะอยากเรียนด้วยเรียนเก่ง จนกลายเป็นบ้าไปตั้งแต่ผมจำความได้
ดังนั้นพี่ผมทุกคน จึงโดนบังคับให้หยุดเรียนเมื่อจบ ป.4 และ ป.7 โชคดีที่เรียนไม่ค่อยเก่งบางคนเกือบช้ำชั้น จึงไม่ค่อยมีปัญหาเมื่อให้หยุดเรียน แต่ผมไม่ใช่อย่างนั้นกลับกลายเป็นว่าเรียนเก่งขึ้นแบบพลิกหลังมือเป็นหน้ามือ เมื่อขึ้น ป.5 ป.6 ป.7 ครองที่ 2 ของห้องหรือสอบจบปลายปีมาตลอด เมื่อพ่อไม่ให้เรียนต่อชั้นมัธยม มันชั่งมืดฟ้ามัวดินในจิตใจของเด็กคนหนึ่งเป็นอย่างยิ่ง
ไม่มีใครมนุษย์คนไหนช่วยได้เลย แม้กระทั้งแม่ แม้กระทั้งครูประจำชั้นพูดกับแม่ ไปพูดกับพ่อ พ่อก็ไม่ยอม เมื่อผมหมดที่พึ่งจากมนุษย์แล้ว ด้วยความคิดตามประสาเด็ก ที่อยากเรียนอยากแสวงหาปัญญาและความรู้ จึงต้องหาที่พึ่งเผือช่วยได้ ก็เห็นแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นเป็นที่พึ่งทางใจได้ จึงไหว้พระสวดมนตร์อธิษฐานขอให้ได้เรียนต่อ กราบหมอนก่อนนอนทุกคืน และเริ่มนั่งสมาธิด้วยตัวเอง ตามแบบพระพุทธรูป ตามประสาเด็ก แต่เมื่อจบชั้นปฐมก็ต้องถูกให้หยุดเรียนต่อไป 1 ปี อยู่ดี และด้วยเหตุแห่งบุญของผมก็เป็นได้ ทำให้ในปีถัดมาผมได้เรียนต่อชั้นมัธยม ที่มาเปิดสอนในตำบลใกล้บ้าน ที่ผมต้องขอร้องแม่ขอร้องพ่อเป็นเวลานานและให้สัญญากับท่านที่จะทำงานช่วยพ่อแม่ทุกอย่าง จนท่านใจอ่อนเพราะกลัวว่าผมจะบ้าแบบพี่ชายคนโต แต่โรงเรียน เปิดได้เพียงปีเดียว ก็ปิดตัวไป ผมจึงได้ไปเรียนต่อในตัวจังหวัด
และมีเหตุให้ผมต้องข่มตนเองมากในวัย 16-17 ปี เมื่อโดนผู้ใหญ่ผู้หญิง พูดใส่ต่อหน้าว่าในเชิงเปรียบเทียบให้ลูกชายเขาทราบ ทั้งที่ผมก็ไม่ได้ไปทำอะไรเขา ว่า...
"คนอย่างพวกนี้ ไม่มีผู้หญิงเอาหรอก!"
เหมือนทำนองบอกลูกชายไม่ต้องไปกลัวเขาจะแย่งผู้หญิงเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ (ปัจจุบันนี้ก็ ยิ้มๆ เพราะผมหน้าตาดี ผิวดี เรียนเก่ง รูปหล่อไปวัดไปวาได้ แต่ยอมรับว่าในอดีตนั้นผมเหมือนโดนตบหน้า โดนทำร้ายทางจิตใจอย่างรุนแรง)
อีกอย่างผมก็ฝึกสมาธิพัฒนาสมาธิแบบ พุทธ-โธ ด้วยตนเองตั้งแต่วัยเด็กแล้ว จึงหักห้ามใจเพิ่มเป็น 2 เท่า จึงกลายเป็นอึดอัดกับอารมณ์ทางเพศของตนเองเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นธรรมชาติ ของสัตว์ทั้งหลาย ผมจึงไม่ค่อยช่วยตัวเองมากหนัก ค่อนข้างไม่ชอบช่วยตัวเอง ข่มมันไว้เสียมากกว่า..
แต่ผมก็เรียนเก่งขึ้นเรื่อยๆ จึงสอบติดโคต้าเข้าคณะวิทยาศาสตร์ มหาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ) เมื่อปี 2522 แล้วผมแทบเป็นลมขณะที่สัมภาทย์ เมื่ออาจารย์บอกว่า ผมไม่มีสิทธิ์เรียนในระดับอุดมศึกษา
ทั้งแต่วันที่พ่อผมทราบก็ประกาศก้องว่า จะไม่ยอมให้ผมเรียนต่ออีกจะขัดขว้างทุกวิถีทาง แต่ผมก็ยังดันทุรัง ขึ้นกรุงเทพฯ ไปสมัครเรียนมหาลัยรามคำแหงในคณะวิทยาศาสตร์สาขาฟิสิกส์ คิดว่าเป็นมหาลัยเปิดคงรับ กลับไม่เป็นเช่นนั้น อาจารย์ที่นั่งรับสมัคร(สมัยนั้นอาจารย์เป็นคนรับสมัครเอง) ยื่นเอกสารคืนผม แล้วบอกว่า คุณไม่มีสิทธิ์ เรียนในระดับอุดมศึกษา ผมนี้นิ่งแทบเป็นลม แต่อาจารย์ก็กล่าวเบาๆ ออกมาว่า เกรดขนาดนี้เรียนจบวิทยาศาสตร์ได้สบายเลย
ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นผมก็ไหว้พระสวดมนตร์อธิษฐานก่อนนอนทุกคืน เพราะทราบอยู่นัยๆ แล้วว่ามีปัญหาตอนจะเข้าเรียนมหาลัย และปฏิบัติสมาธิแบบ พุทธ-โธ กดข่มอารมณ์ทางเพศมาตลอด เมื่อสุดๆ ของการผลักดันทางเออรโมนในรางกายจริงๆ จึงจะช่วยตัวเองนานครั้ง.
ผมต้องหยุดเรียนไปอีก 1 ปี ฝึกซ่อมรถจักรยานยนตร์ ทำสีรถยนต์ จึงมีญาติผู้ใหญ่มาบอกผมว่า ผมมีสิทธิ์เรียนในระดับอุดมศึกษา แต่ต้องยื่นขอทางกระทรวงมหาดไทยเป็นรายๆ ไป ผมดีใจมากจึงยื่นไปแบบให้แม่รับรอง แต่พ่อขัดขวางไม่ยอมอย่างหัวเด็ดตีนขาด และขัดขวางแม่ไม่ให้ส่งผมเรียน ภายหลังผมเพียงแต่ทราบว่าทางกระทรวงมหาดไทยได้ส่งใบสอบถามมาเรื่องพ่อไม่มีรายเชนตร์มาเท่านั้น ผมจึงรู้ว่าผมหมดสิทธิ์แน่นอน ผมจึงออกอุบาย ขอถ่ายใบสอบถามจากทางเจ้าหน้าที่ ขอเอาไปสมัครเรียนก่อนเดียวจะไม่ทัน เจ้าหน้าที่จึงยอม
ผมจึงเอาใบสอบถามนั้นไปสมัครเรียน ม.ราม จนต้องถูกเชิญตัวไปพบกับ ผอ.สวป ของมหาลัย ท่านจึงอนุญาตให้เรียนไปก่อน 1 ปี แล้วให้เอาใบอนุมัติให้เรียนต่อจากกระทรงมหาดไทยมายื่น จึงมีสิทธิ์เป็นนักศึกษาสมบูรณ์ ผมจึงจำชื่อท่านได้จนถึงปัจจุบัน แม้พบเพียงครั้งเดียว. และผมก็ไม่เคยมีใบอนุมัติให้เรียนต่อในระดับอุดมศึกษาที่จะยื่นทางมหาลัยอีกเลย
ตลอดเวลา 3 ปี ที่ผมเรียนจนจบ ผมต้องทนอยู่กับความหวดผวา ความกดดันทุกทิศทาง เงินก็ได้น้อย กินก็แค่เกือบอิ่มก็ต้องหยุด น้ำกินก็แอบเข้าไปดื่มในห้องน้ำไม่มีเงินซื้อ กลัวโดนจับเพราะอยู่นอกเขตควบคุม กลัวเวลาลงทะเบียน และประกาศผลสอบ จะไม่มีรายชื่อ และเจ็บปวดทรมานดังมนุษย์เปรต ไม่กล้าไปรักษาเพราะกลัวโดนจับไม่ได้เรียน ต้องรีบเรียนให้จบภายใน 3 ปี เพราะแม่โดนพ่อกดดันทุกเช้ามืดจากพ่อ เรื่องที่ให้ผมไปเรียนต่อ จนแม่เครียดจนพี่ชายมาขอให้ผมหยุดเรียน
แล้วผมประกองจิตอย่างไร จึงไม่ให้บ้าผิดเพี้ยนไปเสียก่อน ที่ผมกลัวว่าตนเองจะบ้าแบบพี่ชายคนโต ซึ่งผมได้รับความกดดันหนักกว่าพี่ชายคนโตเป็น 10 เป็น 100 เท่า แต่เพราะผมอาศัยเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง จึงเอาธรรมที่พระพุทธเจ้าสอนเป็นที่พึงด้วย ปฏิบัติธรรมอานาปานาสติ แบบพุทธ-โธ ทุกเวลาที่ระลึกได้ และศึกษาอ่านหนังสือธรรมในห้องสมุดมหาลัย พอๆ กับการเรียนวิทยาศาสตร์สาขาฟิสิกส์
นี้แหละแม้อยู่ในดงทุกข์ ที่มืดบ้างสลัวๆ บ้าง เป็นพื้นโดยตลอด ก็ยังมีประกายสว่างเล็กๆ น้อยๆ ด้วยปีติเล็กน้อย จึงพอทนอยู่ได้ไม่บ้าไปเสียก่อน
พอผมสอบจบทุกวิชาในปีที่ 3 รู้อยู่แล้วว่าอาจจะไม่ได้รับปริญญา อาจจะไม่มีอะไรเลยแบบคว้าความว่างเปล่า ผมจึงเข้าวัดปฏิบัติธรรมในคณะ 5 วัดมหาธาตุท่าพระจันทร์ต่อทันที ทิ้งทุกอย่างปฏิบัติธรรมเท่านั้น สมาธิ และ วิปัสสนาญาณ เจริญขึ้น เพราะปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ฌาน 1-2 ก็ปรากฏกับตน วิปัสสนาญาณ นิพพิทาญาณ จนสังขารุเบกขาญาณเจริญขึ้น ในช่วงเวลา 3-4 เดือนที่ปฏิบัติธรรมมา
ในเดือนที่ 4 ไปแล้วนั้นเองจึงปฏิบัติธรรมอย่างยิ่งยวด ยอมสละชีวิตทิ้งไปจริงๆ ในช่วงสมถะและวิปัสสนา ถึงความยิ่งยวด ปฏิบัติภาวนาแจ้งในไตรลักษณ์ยิ่ง แล้วตายพ้นไปจริงๆ จากจิตที่เห็นแจ้งในไตรลักษณ์นั้น พ้นไปสิ้นไปหมดไป แล้วผุดอุบัติเกิดขึ้นมาใหม่ เมื่อขยายพรึบปรากฏชัดทั้งร่างกาย ก็รู้ด้วยตัวเองในทันที่ว่า เราจะไม่บ้าแบบพี่ชายคนโตอีกแล้วไม่ว่าในกรณีโดๆ.
ธรรมเพียงแค่นี้ก็เพียงพอ ต่อการดำรงชีวิตในโลกมนุษย์ ที่จะไม่ตกต่ำไปกว่าเดิมอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าอุปสรรคจะหายไปหมดสิ้น ไม่ใช่ว่าทางทุกอย่างจะเปิดให้เราดำเนินชีวิตไปอย่างสบาย ทุกอย่างก็ยังอยู่เหมือนเดิม ขวากหนามอุปสรรค ก็ยังอยู่เหมือนเดิม ยังขาดสิทธิ์เสรีภาพไม่มีสัญชาติไทย ก็ยังเหมือนเดิม ที่ต่างไปคือคุณสมบัติแห่งตนในพละต่างๆ ทั้งสติ สมาธิ ปัญญา ที่เจริญขึ้นไม่ตกตำลงแล้วนั้นเอง
แต่ก็ได้รับปริญญาช้ากว่าคนอื่นๆ เป็นคนสุดท้ายของรุ่นหลังจากสอบจบเกือบครึ่งปี และผมก็ยังปฏิบัติธรรมอยู่เนื่องไม่เคยทอดธุระเลย(จนถึงปัจจุบัน) ช่วงนั้นอารมณ์ทางเพศนั้นยังมีอยู่ ยังสงบอยู่ได้ เพราะยังไม่มีสิ่งเร้าใดมากระทบ หรือมาอยู่ใกล้ จึงข่มอยู่เช่นเดิมเป็นปี 2 ปี แต่พิษของร่างกายและออรโมนภายโมนทางเพศกดดัน ยังสามารถทำให้หลงกังขาคุณธรรมตนเอง เมื่อมีแฟนที่กลายเป็นภรรยาในภายหลังนั้นเอง หวั่นไหวจากที่ตนเองสามารถคุมมันอยู่แต่ไม่สามารถควบคุมมันได้ จึงหวั่นไหวกังขาในคุณธรรมของตนเอง เรื่องโพธิสัตว์จึงประทุขึ้นให้ยึดมั่นเหมือนยืน 2 ทาง ที่ไม่ให้จิตใจตกต่ำไปกว่าเดิม ด้วยยังต้องต่อสู่กับการขาดสิทธิ์เสรีภาพต่างๆ เพราะยังไม่มีสัญชาติไทย ซึ่งต้องตกระกำลำบากไปอีกเป็น 10 ปี แม้จะตกระกำลำบากก็ยังผลักดันให้ภรรยาจบปริญญาตรีจนได้ แม้จะเรียนช้าไปหน่อย และผลักดันให้สอบเข้าราชการติดเพียงสอบครั้งเดียว
เมื่อได้รับสัญชาติไทย ก็สามารถพลิกฐานะครอบครัวจากหลังมือเป็นหน้ามือ ลูกคนแรกที่ที่มีแววเก่ง ก็พัฒนาให้เก่งขึ้นจนเก่งมาก จนเข้ามหาลัยดังได้ ทั้งได้เกียรติ์นิยม และจบปริญญาโท ม.จุฬา ส่วนลูกคนเล็กกลับมีปัญหาเรียนรู้ช้ากว่าเด็กคนอื่นๆ รุ่นเดียวกัน เพราะมีความบกพร่องในการอ่านการเขียน จนแม่เขาที่สอนเขาเครียด ในตอนที่สอนเขา ระเบิดร้องไห้ทั้งแม่และลูกเป็นประจำ แล้วมาลงที่ผมว่า ลูกคุณเป็นเด็กโง่ ๆ ๆ จะเรียนไม่จบ ป.6 เป็นประจำผมก็รู้แต่ผมก็วางใจเฉย ไม่ให้เครียดตามไปด้วย แม้ครูประจำชั้นบอกว่าลูกเรียนไปไม่ไหว แต่เข็นๆ ไปให้เรียนจนจบ ป.6 แล้วเลิกเรียนไปเอง แต่ผมยังเห็นว่าผมสามารถพลิกเขาขึ้นมาได้
แต่ปัญหาที่หนักและผมต้องทุกข์ภายหลังเป็นอย่างยิ่ง เมื่อหมอตรวจว่าพบมะเร็งเริ่มแรกที่ปากมดลูกของภรรยา จึงเสนอให้ผ่าติดทิ้งทั้งมดลูกและรังไข่ เพราะมีลูกแล้ว 2 คนจึงไม่จำเป็นแล้ว. ตัดมดลูกและรังไข่ทิ้งก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรต่อการมีเพศสัมพันธ์ในฐานะสามีและภรรยา ตามที่ร่างกายและออรโมนผลักด้น แต่สถานการณ์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเกิดอุบัติเหตุ จากการผ่าตัด มีดหมอไปโดนผ่าไปโดนท่อไตเกือบขาดแต่หมอไม่รู้ แล้วปิดแผลตามปกติ ภรรยาผมเกือบตายเพราะน้ำปัสสวะอยู่เต็มช่วงท้องและกำลังติดเชื่อ ต้องผ่าตัดใหม่กว้างยาวกว่าเดิม เพื่อตัดต่อท่อไตใหม่
ตั้งแต่นั้นมาผมแทบมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาไม่ได้เลยด้วยมีปัญหา เพราะจะมีอาการติดเชื่อโดยตลอด ขณะที่ผมมีอายุเพียง 44 ปีเท่านั้น. ผมเป็นทุกข์กับความกดดันของเออรโมนในร่างกายที่ 4-5 วันปะทุออกมาต้องทุกข์ต้องบ่นเพ้อในจิตใจ ยับยั่งตนเองแทบไม่ได้เลย ได้ระบายบ้างแต่มีปัญหามาตลอด ไม่ใช่ว่าเป็นเดือนเดียวแต่เป็นปี และไม่ใช่ว่าปีเดียวแต่เป็นเวลาหลายปี ปี่ที่ 3-4 ใจก็อยากหาโหยหาที่ระบายอย่างไรที่จะไม่ผิดศีลธรรม ปรึกษาภรรยาก็ไม่ยอมอย่างหัวเด็ดตีนขาด
ผมเห็นความทุกข์ที่เกิดจากอารมณ์ทางเพศ หรือเมถุนธรรม น่ากลัวมากมีกำลังมาก ผมยับยั้งไว้ได้ก็เพียงมีศีลเท่านั้น แม้สมาธิมีกำลังฌาน 4 ก็เอาไม่อยู่ พละต่างๆ ที่มีอยู่ก็เอาไม่อยู่ครับ เพราะร่างกายมันวนเวียนขับดันออกมาๆ ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นในรอบอาทิตย์ ๆ ผมจึงรู้ซึ่งของอารมณ์ทางเพศ ที่อยู่ในดงของสิ่งเร้าในสังคมฆราวาส ที่เป็นเมถุนธรรมเป็นอย่างดี ร่างกายออรโมนมันกดดันให้จิตใจต้องทุกข์ต้องบ่นเพ้อต้องคล่ำครวญดิ้นรน แต่ไม่ตัดสินใจเลิกกับภรรยาก็เพราะ เมื่อนึกถึงตอนที่เรายากลำบากยามขัดสนมาด้วยกัน จึงไม่สามารถทำใจอย่างนั้นได้ ทั้งที่หน้าที่การงาน และฐานะผมสามารถ
เมื่อไม่ต้องมีเพศสัมพันธ์ ไม่มีอารมณ์ทางเพศจนต้องช่วยตัวเอง ก็ย่อมสบายกายสบายใจ อยู่เป็นปกติสุขดี
และตัวผมก็เป็นเช่นนั้นตามธรรมชาติ คือมีอารมณ์ทางเพศก็อายุ 13 ปี นั้นเอง เพียงแต่เป็นเด็กที่มีปัญหาหน่อย รู้ว่าตนเองต่ำต้อยด้อยสิทธิ์ กว่าคนอื่นๆ หรือชาวบ้านทั่วไปในหมู่บ้าน เพราะยังไม่มีสัญชาติไทย จึงโดนมองโดนดูถูกได้ตั้งแต่เด็กจำความได้
หมายเหตุ เรื่องที่เล่านี้ และเรื่องต่อๆ ไปที่จะเล่านั้นได้ผ่านไปแล้ว และผมก็ได้รับสัญชาติไทย เมื่ออายุเกือบ 36 ปี ใจผมก็ไม่ไม่โกรธเคือง ปักใจเจ็บแค้นหรือพยาบาทหลงเหลืออยู่เลย แม้แต่นิดเดียว ก็เป็นไปตามธรรมที่ว่า
สิ่งที่เกิดย่อมเกิดจากเหตุ สิ่งที่เกิดทั้งหมดทั้งมวล ย่อมดับไปเป็นธรรมดา
จึงเป็นการเล่าแสดงให้เห็นตามเหตุเท่านั้น
ด้วยความเป็นเด็กแต่มีความเข้าใจไปไกล เราคงหาผู้หญิงใดมารักเราไม่ได้แน่ในอนาคต จึงไม่พยายามช่วยตัวเองและข่มอารมณ์ทางเพศตนเองมาตลอด และเป็นช่วงที่พ่อเริ่มบังคับผมไม่ให้เรียนต่อชั้นมัธยม เมื่อจบชั้นปฐม เพราะเห็นว่าแม้เรียนสูงก็เอามาทำงานอะไรไม่ได้ และกลัวว่าถ้าปล่อยให้เรียนต่อชั้นมัธยมเหมือนพี่ชายคนโตที่เรียนเก่งมาก แล้วพ่อบังคับให้หยุดเรียนตอนจบมัธยม จนเกิดอาการเพี้ยนเพราะอยากเรียนด้วยเรียนเก่ง จนกลายเป็นบ้าไปตั้งแต่ผมจำความได้
ดังนั้นพี่ผมทุกคน จึงโดนบังคับให้หยุดเรียนเมื่อจบ ป.4 และ ป.7 โชคดีที่เรียนไม่ค่อยเก่งบางคนเกือบช้ำชั้น จึงไม่ค่อยมีปัญหาเมื่อให้หยุดเรียน แต่ผมไม่ใช่อย่างนั้นกลับกลายเป็นว่าเรียนเก่งขึ้นแบบพลิกหลังมือเป็นหน้ามือ เมื่อขึ้น ป.5 ป.6 ป.7 ครองที่ 2 ของห้องหรือสอบจบปลายปีมาตลอด เมื่อพ่อไม่ให้เรียนต่อชั้นมัธยม มันชั่งมืดฟ้ามัวดินในจิตใจของเด็กคนหนึ่งเป็นอย่างยิ่ง
ไม่มีใครมนุษย์คนไหนช่วยได้เลย แม้กระทั้งแม่ แม้กระทั้งครูประจำชั้นพูดกับแม่ ไปพูดกับพ่อ พ่อก็ไม่ยอม เมื่อผมหมดที่พึ่งจากมนุษย์แล้ว ด้วยความคิดตามประสาเด็ก ที่อยากเรียนอยากแสวงหาปัญญาและความรู้ จึงต้องหาที่พึ่งเผือช่วยได้ ก็เห็นแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นเป็นที่พึ่งทางใจได้ จึงไหว้พระสวดมนตร์อธิษฐานขอให้ได้เรียนต่อ กราบหมอนก่อนนอนทุกคืน และเริ่มนั่งสมาธิด้วยตัวเอง ตามแบบพระพุทธรูป ตามประสาเด็ก แต่เมื่อจบชั้นปฐมก็ต้องถูกให้หยุดเรียนต่อไป 1 ปี อยู่ดี และด้วยเหตุแห่งบุญของผมก็เป็นได้ ทำให้ในปีถัดมาผมได้เรียนต่อชั้นมัธยม ที่มาเปิดสอนในตำบลใกล้บ้าน ที่ผมต้องขอร้องแม่ขอร้องพ่อเป็นเวลานานและให้สัญญากับท่านที่จะทำงานช่วยพ่อแม่ทุกอย่าง จนท่านใจอ่อนเพราะกลัวว่าผมจะบ้าแบบพี่ชายคนโต แต่โรงเรียน เปิดได้เพียงปีเดียว ก็ปิดตัวไป ผมจึงได้ไปเรียนต่อในตัวจังหวัด
และมีเหตุให้ผมต้องข่มตนเองมากในวัย 16-17 ปี เมื่อโดนผู้ใหญ่ผู้หญิง พูดใส่ต่อหน้าว่าในเชิงเปรียบเทียบให้ลูกชายเขาทราบ ทั้งที่ผมก็ไม่ได้ไปทำอะไรเขา ว่า...
"คนอย่างพวกนี้ ไม่มีผู้หญิงเอาหรอก!"
เหมือนทำนองบอกลูกชายไม่ต้องไปกลัวเขาจะแย่งผู้หญิงเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ (ปัจจุบันนี้ก็ ยิ้มๆ เพราะผมหน้าตาดี ผิวดี เรียนเก่ง รูปหล่อไปวัดไปวาได้ แต่ยอมรับว่าในอดีตนั้นผมเหมือนโดนตบหน้า โดนทำร้ายทางจิตใจอย่างรุนแรง)
อีกอย่างผมก็ฝึกสมาธิพัฒนาสมาธิแบบ พุทธ-โธ ด้วยตนเองตั้งแต่วัยเด็กแล้ว จึงหักห้ามใจเพิ่มเป็น 2 เท่า จึงกลายเป็นอึดอัดกับอารมณ์ทางเพศของตนเองเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นธรรมชาติ ของสัตว์ทั้งหลาย ผมจึงไม่ค่อยช่วยตัวเองมากหนัก ค่อนข้างไม่ชอบช่วยตัวเอง ข่มมันไว้เสียมากกว่า..
แต่ผมก็เรียนเก่งขึ้นเรื่อยๆ จึงสอบติดโคต้าเข้าคณะวิทยาศาสตร์ มหาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ) เมื่อปี 2522 แล้วผมแทบเป็นลมขณะที่สัมภาทย์ เมื่ออาจารย์บอกว่า ผมไม่มีสิทธิ์เรียนในระดับอุดมศึกษา
ทั้งแต่วันที่พ่อผมทราบก็ประกาศก้องว่า จะไม่ยอมให้ผมเรียนต่ออีกจะขัดขว้างทุกวิถีทาง แต่ผมก็ยังดันทุรัง ขึ้นกรุงเทพฯ ไปสมัครเรียนมหาลัยรามคำแหงในคณะวิทยาศาสตร์สาขาฟิสิกส์ คิดว่าเป็นมหาลัยเปิดคงรับ กลับไม่เป็นเช่นนั้น อาจารย์ที่นั่งรับสมัคร(สมัยนั้นอาจารย์เป็นคนรับสมัครเอง) ยื่นเอกสารคืนผม แล้วบอกว่า คุณไม่มีสิทธิ์ เรียนในระดับอุดมศึกษา ผมนี้นิ่งแทบเป็นลม แต่อาจารย์ก็กล่าวเบาๆ ออกมาว่า เกรดขนาดนี้เรียนจบวิทยาศาสตร์ได้สบายเลย
ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นผมก็ไหว้พระสวดมนตร์อธิษฐานก่อนนอนทุกคืน เพราะทราบอยู่นัยๆ แล้วว่ามีปัญหาตอนจะเข้าเรียนมหาลัย และปฏิบัติสมาธิแบบ พุทธ-โธ กดข่มอารมณ์ทางเพศมาตลอด เมื่อสุดๆ ของการผลักดันทางเออรโมนในรางกายจริงๆ จึงจะช่วยตัวเองนานครั้ง.
ผมต้องหยุดเรียนไปอีก 1 ปี ฝึกซ่อมรถจักรยานยนตร์ ทำสีรถยนต์ จึงมีญาติผู้ใหญ่มาบอกผมว่า ผมมีสิทธิ์เรียนในระดับอุดมศึกษา แต่ต้องยื่นขอทางกระทรวงมหาดไทยเป็นรายๆ ไป ผมดีใจมากจึงยื่นไปแบบให้แม่รับรอง แต่พ่อขัดขวางไม่ยอมอย่างหัวเด็ดตีนขาด และขัดขวางแม่ไม่ให้ส่งผมเรียน ภายหลังผมเพียงแต่ทราบว่าทางกระทรวงมหาดไทยได้ส่งใบสอบถามมาเรื่องพ่อไม่มีรายเชนตร์มาเท่านั้น ผมจึงรู้ว่าผมหมดสิทธิ์แน่นอน ผมจึงออกอุบาย ขอถ่ายใบสอบถามจากทางเจ้าหน้าที่ ขอเอาไปสมัครเรียนก่อนเดียวจะไม่ทัน เจ้าหน้าที่จึงยอม
ผมจึงเอาใบสอบถามนั้นไปสมัครเรียน ม.ราม จนต้องถูกเชิญตัวไปพบกับ ผอ.สวป ของมหาลัย ท่านจึงอนุญาตให้เรียนไปก่อน 1 ปี แล้วให้เอาใบอนุมัติให้เรียนต่อจากกระทรงมหาดไทยมายื่น จึงมีสิทธิ์เป็นนักศึกษาสมบูรณ์ ผมจึงจำชื่อท่านได้จนถึงปัจจุบัน แม้พบเพียงครั้งเดียว. และผมก็ไม่เคยมีใบอนุมัติให้เรียนต่อในระดับอุดมศึกษาที่จะยื่นทางมหาลัยอีกเลย
ตลอดเวลา 3 ปี ที่ผมเรียนจนจบ ผมต้องทนอยู่กับความหวดผวา ความกดดันทุกทิศทาง เงินก็ได้น้อย กินก็แค่เกือบอิ่มก็ต้องหยุด น้ำกินก็แอบเข้าไปดื่มในห้องน้ำไม่มีเงินซื้อ กลัวโดนจับเพราะอยู่นอกเขตควบคุม กลัวเวลาลงทะเบียน และประกาศผลสอบ จะไม่มีรายชื่อ และเจ็บปวดทรมานดังมนุษย์เปรต ไม่กล้าไปรักษาเพราะกลัวโดนจับไม่ได้เรียน ต้องรีบเรียนให้จบภายใน 3 ปี เพราะแม่โดนพ่อกดดันทุกเช้ามืดจากพ่อ เรื่องที่ให้ผมไปเรียนต่อ จนแม่เครียดจนพี่ชายมาขอให้ผมหยุดเรียน
แล้วผมประกองจิตอย่างไร จึงไม่ให้บ้าผิดเพี้ยนไปเสียก่อน ที่ผมกลัวว่าตนเองจะบ้าแบบพี่ชายคนโต ซึ่งผมได้รับความกดดันหนักกว่าพี่ชายคนโตเป็น 10 เป็น 100 เท่า แต่เพราะผมอาศัยเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง จึงเอาธรรมที่พระพุทธเจ้าสอนเป็นที่พึงด้วย ปฏิบัติธรรมอานาปานาสติ แบบพุทธ-โธ ทุกเวลาที่ระลึกได้ และศึกษาอ่านหนังสือธรรมในห้องสมุดมหาลัย พอๆ กับการเรียนวิทยาศาสตร์สาขาฟิสิกส์
นี้แหละแม้อยู่ในดงทุกข์ ที่มืดบ้างสลัวๆ บ้าง เป็นพื้นโดยตลอด ก็ยังมีประกายสว่างเล็กๆ น้อยๆ ด้วยปีติเล็กน้อย จึงพอทนอยู่ได้ไม่บ้าไปเสียก่อน
พอผมสอบจบทุกวิชาในปีที่ 3 รู้อยู่แล้วว่าอาจจะไม่ได้รับปริญญา อาจจะไม่มีอะไรเลยแบบคว้าความว่างเปล่า ผมจึงเข้าวัดปฏิบัติธรรมในคณะ 5 วัดมหาธาตุท่าพระจันทร์ต่อทันที ทิ้งทุกอย่างปฏิบัติธรรมเท่านั้น สมาธิ และ วิปัสสนาญาณ เจริญขึ้น เพราะปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ฌาน 1-2 ก็ปรากฏกับตน วิปัสสนาญาณ นิพพิทาญาณ จนสังขารุเบกขาญาณเจริญขึ้น ในช่วงเวลา 3-4 เดือนที่ปฏิบัติธรรมมา
ในเดือนที่ 4 ไปแล้วนั้นเองจึงปฏิบัติธรรมอย่างยิ่งยวด ยอมสละชีวิตทิ้งไปจริงๆ ในช่วงสมถะและวิปัสสนา ถึงความยิ่งยวด ปฏิบัติภาวนาแจ้งในไตรลักษณ์ยิ่ง แล้วตายพ้นไปจริงๆ จากจิตที่เห็นแจ้งในไตรลักษณ์นั้น พ้นไปสิ้นไปหมดไป แล้วผุดอุบัติเกิดขึ้นมาใหม่ เมื่อขยายพรึบปรากฏชัดทั้งร่างกาย ก็รู้ด้วยตัวเองในทันที่ว่า เราจะไม่บ้าแบบพี่ชายคนโตอีกแล้วไม่ว่าในกรณีโดๆ.
ธรรมเพียงแค่นี้ก็เพียงพอ ต่อการดำรงชีวิตในโลกมนุษย์ ที่จะไม่ตกต่ำไปกว่าเดิมอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าอุปสรรคจะหายไปหมดสิ้น ไม่ใช่ว่าทางทุกอย่างจะเปิดให้เราดำเนินชีวิตไปอย่างสบาย ทุกอย่างก็ยังอยู่เหมือนเดิม ขวากหนามอุปสรรค ก็ยังอยู่เหมือนเดิม ยังขาดสิทธิ์เสรีภาพไม่มีสัญชาติไทย ก็ยังเหมือนเดิม ที่ต่างไปคือคุณสมบัติแห่งตนในพละต่างๆ ทั้งสติ สมาธิ ปัญญา ที่เจริญขึ้นไม่ตกตำลงแล้วนั้นเอง
แต่ก็ได้รับปริญญาช้ากว่าคนอื่นๆ เป็นคนสุดท้ายของรุ่นหลังจากสอบจบเกือบครึ่งปี และผมก็ยังปฏิบัติธรรมอยู่เนื่องไม่เคยทอดธุระเลย(จนถึงปัจจุบัน) ช่วงนั้นอารมณ์ทางเพศนั้นยังมีอยู่ ยังสงบอยู่ได้ เพราะยังไม่มีสิ่งเร้าใดมากระทบ หรือมาอยู่ใกล้ จึงข่มอยู่เช่นเดิมเป็นปี 2 ปี แต่พิษของร่างกายและออรโมนภายโมนทางเพศกดดัน ยังสามารถทำให้หลงกังขาคุณธรรมตนเอง เมื่อมีแฟนที่กลายเป็นภรรยาในภายหลังนั้นเอง หวั่นไหวจากที่ตนเองสามารถคุมมันอยู่แต่ไม่สามารถควบคุมมันได้ จึงหวั่นไหวกังขาในคุณธรรมของตนเอง เรื่องโพธิสัตว์จึงประทุขึ้นให้ยึดมั่นเหมือนยืน 2 ทาง ที่ไม่ให้จิตใจตกต่ำไปกว่าเดิม ด้วยยังต้องต่อสู่กับการขาดสิทธิ์เสรีภาพต่างๆ เพราะยังไม่มีสัญชาติไทย ซึ่งต้องตกระกำลำบากไปอีกเป็น 10 ปี แม้จะตกระกำลำบากก็ยังผลักดันให้ภรรยาจบปริญญาตรีจนได้ แม้จะเรียนช้าไปหน่อย และผลักดันให้สอบเข้าราชการติดเพียงสอบครั้งเดียว
เมื่อได้รับสัญชาติไทย ก็สามารถพลิกฐานะครอบครัวจากหลังมือเป็นหน้ามือ ลูกคนแรกที่ที่มีแววเก่ง ก็พัฒนาให้เก่งขึ้นจนเก่งมาก จนเข้ามหาลัยดังได้ ทั้งได้เกียรติ์นิยม และจบปริญญาโท ม.จุฬา ส่วนลูกคนเล็กกลับมีปัญหาเรียนรู้ช้ากว่าเด็กคนอื่นๆ รุ่นเดียวกัน เพราะมีความบกพร่องในการอ่านการเขียน จนแม่เขาที่สอนเขาเครียด ในตอนที่สอนเขา ระเบิดร้องไห้ทั้งแม่และลูกเป็นประจำ แล้วมาลงที่ผมว่า ลูกคุณเป็นเด็กโง่ ๆ ๆ จะเรียนไม่จบ ป.6 เป็นประจำผมก็รู้แต่ผมก็วางใจเฉย ไม่ให้เครียดตามไปด้วย แม้ครูประจำชั้นบอกว่าลูกเรียนไปไม่ไหว แต่เข็นๆ ไปให้เรียนจนจบ ป.6 แล้วเลิกเรียนไปเอง แต่ผมยังเห็นว่าผมสามารถพลิกเขาขึ้นมาได้
แต่ปัญหาที่หนักและผมต้องทุกข์ภายหลังเป็นอย่างยิ่ง เมื่อหมอตรวจว่าพบมะเร็งเริ่มแรกที่ปากมดลูกของภรรยา จึงเสนอให้ผ่าติดทิ้งทั้งมดลูกและรังไข่ เพราะมีลูกแล้ว 2 คนจึงไม่จำเป็นแล้ว. ตัดมดลูกและรังไข่ทิ้งก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรต่อการมีเพศสัมพันธ์ในฐานะสามีและภรรยา ตามที่ร่างกายและออรโมนผลักด้น แต่สถานการณ์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเกิดอุบัติเหตุ จากการผ่าตัด มีดหมอไปโดนผ่าไปโดนท่อไตเกือบขาดแต่หมอไม่รู้ แล้วปิดแผลตามปกติ ภรรยาผมเกือบตายเพราะน้ำปัสสวะอยู่เต็มช่วงท้องและกำลังติดเชื่อ ต้องผ่าตัดใหม่กว้างยาวกว่าเดิม เพื่อตัดต่อท่อไตใหม่
ตั้งแต่นั้นมาผมแทบมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาไม่ได้เลยด้วยมีปัญหา เพราะจะมีอาการติดเชื่อโดยตลอด ขณะที่ผมมีอายุเพียง 44 ปีเท่านั้น. ผมเป็นทุกข์กับความกดดันของเออรโมนในร่างกายที่ 4-5 วันปะทุออกมาต้องทุกข์ต้องบ่นเพ้อในจิตใจ ยับยั่งตนเองแทบไม่ได้เลย ได้ระบายบ้างแต่มีปัญหามาตลอด ไม่ใช่ว่าเป็นเดือนเดียวแต่เป็นปี และไม่ใช่ว่าปีเดียวแต่เป็นเวลาหลายปี ปี่ที่ 3-4 ใจก็อยากหาโหยหาที่ระบายอย่างไรที่จะไม่ผิดศีลธรรม ปรึกษาภรรยาก็ไม่ยอมอย่างหัวเด็ดตีนขาด
ผมเห็นความทุกข์ที่เกิดจากอารมณ์ทางเพศ หรือเมถุนธรรม น่ากลัวมากมีกำลังมาก ผมยับยั้งไว้ได้ก็เพียงมีศีลเท่านั้น แม้สมาธิมีกำลังฌาน 4 ก็เอาไม่อยู่ พละต่างๆ ที่มีอยู่ก็เอาไม่อยู่ครับ เพราะร่างกายมันวนเวียนขับดันออกมาๆ ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นในรอบอาทิตย์ ๆ ผมจึงรู้ซึ่งของอารมณ์ทางเพศ ที่อยู่ในดงของสิ่งเร้าในสังคมฆราวาส ที่เป็นเมถุนธรรมเป็นอย่างดี ร่างกายออรโมนมันกดดันให้จิตใจต้องทุกข์ต้องบ่นเพ้อต้องคล่ำครวญดิ้นรน แต่ไม่ตัดสินใจเลิกกับภรรยาก็เพราะ เมื่อนึกถึงตอนที่เรายากลำบากยามขัดสนมาด้วยกัน จึงไม่สามารถทำใจอย่างนั้นได้ ทั้งที่หน้าที่การงาน และฐานะผมสามารถ