จากกระทู้
https://ppantip.com/topic/38353986/
เรื่องราวของแฟนผม กับการถูกกระบวนการกลั่นแกล้งร้องเรียนกัน เพื่อหวังทำลายข้าราชการที่ขัดขวางผลประโยชน์ของพวกตน การจัดซื้อจัดจ้างที่เต็มไปด้วยความไม่โปร่งใส สั่งซื้อวัสดุอุปกรณ์หรือครุภัณฑ์หรือทำโครงการต่างๆในราคาแพงเกินจริง ตรวจสอบบัญชีไม่ได้ เงินเปอร์เซนต์และผลตอบแทนใต้โต๊ะต่างๆ กรรมการหรือข้าราชการที่ซื่อสัตย์ แต่เกรงกลัวต่ออำนาจเหล่านี้ก็ต้องยอมตามน้ำเซ็นรับผิดชอบให้ หากข้าราชการคนใดเริ่มมีปัญหาหรือขอตรวจสอบละเอียดเพราะหวังดี อยากรักษาผลประโยชน์ให้ทางราชการ ก็มักจะเริ่มเป็นอย่างที่แฟนของผมเธอได้เผชิญมา ถึงตอนนี้เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว กับการถูกยัดเยียดข้อหาว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง ทั้งที่ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ปัจจุบันเราก็กำลังเริ่มกระบวนต่อสู้ทางกฎหมายกับอำนาจของกลุ่มกรรมการ สสจ. xxxxx และขบวนการกลั่นแกล้งใส่ร้าย เพื่อหวังผลให้ถูกไล่ออกจากราชการ แฟนผมเป็นแพทย์ ถูกกลั่นแกล้งตั้งสอบเรื่องวินัยร้ายแรง โดยมีธงจะเอาผิดออกจากราชการให้ได้ เพราะตอนที่เคยเป็น ผอ.รพ. xxxxx จ. xxxxx ไม่เซ็นจัดซื้อจัดจ้างให้ฝ่ายบริหารโดยดี เช่น เครื่อง suction (ดูดน้ำลาย) ราคา 98,000 บาท (แพงเกินจริง และฝ่ายบริหารร่วมกับหัวหน้าพยาบาลเป็นผู้ติดต่อสั่งซื้อเอง มีหลักฐานการคุยไลน์กับเซล) ก่อนแฟนขึ้นตำแหน่ง ผอ. และเมื่อแฟนขึ้นรับตำแหน่งก็ทำเสนอให้เซ็น , เรื่องจ้างบริษัทกำจัดปลวก , ซื้อทรายอะเบสกำจัดลูกน้ำยุงลาย , เซ็นรับรองเพื่อเบิกเงินโครงการบางอย่างให้ ทั้งที่ไม่มีการทำจริง และเคยรู้เห็นเรื่องยาซูโดเอฟริดีน ที่หายไปจาก ร.พ. (ในช่วงที่มีข่าวคดียาซูโดเอฟริดีน ของ ร.พ.ภูสิงห์ ส่วนของ ร.พ. xxxxx จ. xxxxx ก็มีเรื่องนี้เกิดขึ้นเช่นกัน แต่ สสจ. xxxxx ได้ปิดข่าวไว้)
ผลสรุปทางศาลในเรื่องนี้คือผู้แทนจำหน่าย (เซล) ติดคุก 50 ปี แต่เภสัชของ ร.พ. กลับต้องโทษแค่เพียงรอลงอาญา 2 ปี (คนขายติดคุกหนักมาก แต่คนซื้อแทบไม่ได้รับโทษ) เมื่อแฟนผมเธอเริ่มไปขัดผลประโยชน์ของพวกเขา พวกเขาทั้ง 9 นำโดยหัวหน้าฝ่ายบริหาร จึงรวมกลุ่มกัน เข้าไปร้องเรียนที่จังหวัด ให้ตั้งสอบวินัยร้ายแรง ร่วมมือกับกรรมการ สสจ.xxxxx แต่งหลักฐานและสำนวนเท็จ เช่นว่า ละทิ้งคนไข้ ไม่มาทำงาน แพทย์คนอื่นต้องมาตรวจแทน คนไข้ไม่พอใจ ทั้งที่แฟนผมตรวจคนไข้ได้เยอะที่สุดมาตลอดด้วยซ้ำไป สุดท้ายถูกหาเรื่องว่ากลั่นแกล้งผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ยอมเซ็นให้น้องแพทย์ไปเรียนต่อ (ซึ่งจริงๆแล้วน้องแพทย์ไม่เคยมาบอกเลยจึงไม่รู้) สุดท้ายถูก นพ.สสจ. xxxxx คนก่อน สั่งย้ายและปลดตำแหน่ง ผอ. ลงมาเป็นเพียงแพทย์ประจำ ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มกระบวนการสอบวินัย
การสอบวินัยร้ายแรงถูกตั้งเมื่อ 10 พย 58 กรรมการ สสจ. xxxxx พยายามจะทำหลักฐาน แต่งสำนวนว่าผิดวินัยร้ายแรง ทั้งๆที่หลักฐานไม่มี อ้างแต่พยานที่เป็นเท็จ เพราะตรวจสอบจากโปรแกรมแล้วไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเลย พอขอดูหลักฐานของผู้ร้องเรียน กลับอ้างว่าเป็นหลักฐานลับทางราชการ ไม่สามารถให้ดูได้ มีเพียงบันทึกข้อความอ้างเหตุการณ์ลอยๆแต่งเรื่องราวขึ้นมาเอง อ้างพยานคนนั้นคนนี้ โดยส่วนหนึ่งของพยานเหล่านี้ก็หมายรวมถึงผู้ร้องเรียนทั้ง 9 ด้วยนั่นเอง
ผ่านมา 3 ปี เรื่องเดิมยังไม่จบ ท่านผู้ว่าเปลี่ยนคนใหม่ 12 กันยา 61 ได้รับหนังสือว่าถูกตั้งสอบวินัยร้ายแรงเรื่องเดิมซ้ำเป็นครั้งที่สอง และถูก ผอ.รพ.xxxxx (รพ ที่ทำงานปัจจุบัน) กลั่นแกล้งไม่เบิกจ่ายเงินเบี้ยเลี้ยง 100,000 บาท (เงินตกเบิก ฉ.11 ของเดือนมกราคม ถึง มีนาคม 2560 และเงิน พตส.ของเดือนพฤษภาคม 2560) ได้ทำการทักท้วงไปว่ายังไม่ได้รับแต่ก็ถูกเพิกเฉย จนที่สุดต้องได้ไปแจ้งความ ที่ สภ.xxxxx เมื่อ 2 ส.ค.2560 เมื่อเห็นดังนั้น ผอ.รพ.xxxxx จึงกลับลำมาเบิกจ่ายเงินให้ พอเบิกจ่ายแล้วก็อ้างว่าช่วงก่อนหน้าอยู่ในระหว่างการตรวจสอบบ้าง หรืออ้างเรื่องว่าถูกสอบวินัยร้ายแรงอยู่กลัวจะมีปัญหาถ้าจ่าย (แต่ส่งเบิกเงินในชื่อแฟนไปแล้วทุกครั้ง ได้เงินมาพยายามที่จะไม่จ่าย) หาข้อจับผิดการทำงานมาโดยตลอด
เงิน 100,000 บาทแรก ถูกเบิกจ่ายหลังจากไปแจ้งความประมาณ 2 สัปดาห์ (15 ส.ค.2560) แต่ 30,000 บาท ครั้งต่อมา (เงินเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย ฉ.11) ไม่ยอมจ่าย ไม่ว่าจะพยายามเจรจาอย่างไรก็ตาม จนในที่สุดเรื่องก็ถึงศาล แฟนผมตัดสินใจฟ้องร้องเป็นคดี ม.157 ทนายคนแรกของพวกเรา เมื่อรับทำคดี ถูกพวกผู้มีอำนาจในจังหวัด xxxxx เช่น อัยการจังหวัดและทนายฝ่าย ผอ. มาคุยหรือข่มขู่ประมาณว่าถ้าทำเรื่องนี้อาจจะมีปัญหา ทนายของเราเป็นทนายที่อาศัยอยู่ในจังหวัด xxxxx อาจเกรงปัญหาต่างๆตามมา ทำให้ไม่แนะนำอะไรที่เป็นประโยชน์ตอนขึ้นศาลหรือก่อนขึ้นศาลเลย ทำให้เราพลาดโอกาสในการส่งเอกสารสำคัญเข้าสู่ศาลเพื่อให้เข้าไปอยู่ในสำนวน สุดท้ายเมื่อสำนวนไม่ดี จึงแพ้คดีในศาลชั้นต้น ผมและแฟนตัดสินใจยื่นอุทธรณ์ เขียนร่างสำนวนเอง ส่งยื่นขออุทธรณ์เมื่อ 21 ก.ย. 61 ที่ผ่านมา
วันที่ 6 มีนา 62 ต้นปีหน้า ผลของศาลอุทธรณ์จะออกว่ารับเรื่องของเราหรือไม่
วัน 14 ก.ย. 61 ถูก ผอ ฟ้องกลับ ข้อหาฟ้องเท็จ เรียกค่าเสียหายมากถึง 3 ล้านบาท ผมและแฟนจ้างทนายคนใหม่ในพื้นที่ (คดีขึ้นศาลทุจริตxxxxx และศาลจังหวัดxxxxx) ขอเลื่อนคดีความไปก่อนเพื่อรอผลคดีเดิม
ข้อเท็จจริงคือแฟนผมทำงานตรวจผู้ป่วยมากที่สุดมาโดยตลอด ในเดือนเมษายน 2560 ที่มีประเด็น แฟนผมตรวจผู้ป่วย 608 คน , แพทย์น้องตรวจ 324 คน (13 วัน) , ผอ.ตรวจเพียง 142 คน (5 วัน) เฉลี่ยแล้วตรวจผู้ป่วย ประมาณ 55-60% ของผู้ป่วยทั้งหมดที่มารับบริการ แพทย์น้องตรวจผู้ป่วยประมาณ 30-35% และ ผอ. ตรวจเพียง 10-15% กลับเป็นแพทย์เพียงคนเดียวของ ร.พ. ที่ถูกกลั่นแกล้งหาว่าทำงานไม่ครบวันทำการ พอเอาหลักฐานว่ามาครบวันทำการ ก็ถูกอ้างต่อว่า ในแต่ละวันทำการต้องทำครบ 8 ชม. เต็ม ถ้าไม่ครบ 8 ชม.เต็ม ไม่นับเป็น 1 วันทำการ (ถ้าใช้แค่เวลาตรวจผู้ป่วย คงไม่มีใครทำครบ เพราะถ้าคนไข้หมดก่อน 16.30 น. ก็คือไม่ครบแล้ว และก็ต้องไม่มีแพทย์คนไหนได้เงินเบี้ยเลี้ยงถ้าใช้เกณฑ์นี้ แต่ปรากฎว่า ผอ. เอง เบิกเต็มทุกเดือน ทั้งที่มาทำงานอยู่ 5 วัน หรือน้องหมอมาทำงาน 13 วัน และแต่ละวันก็ไม่ครบ 8 ชม ด้วย ก็ยังได้เงินเลย)
พวกเขาส่งเรื่องหารือไปที่รองผู้ว่า และกระทรวง ก็มีหนังสือตอบข้อหารือมาว่า ถ้าไม่ครบ 8 ชม ไม่นับเป็นวันทำการ เราก็เลยเลยฟ้องศาลปกครองขอเพิกถอนข้อหารือนี้ ศาลปกครองยกฟ้องโดยให้เหตุผลว่าข้อหารือไม่ใช่คำสั่งทางปกครอง
ผมและแฟนได้ทำสำนวนส่งฟ้องศาลปกครองอีกคดีหนึ่ง คือขอเพิกถอนคำสั่งสอบวินัยของท่านผู้ว่า ทั้งสองฉบับ (10 พ.ย. 58 , 12 ก.ย. 61) เนื่องจากเป็นเรื่องเดิมที่ถูกนำกลับมาสอบซ้ำทั้งที่ครั้งแรกสอบเกินเวลาไปนานนับ 1,000 วัน มาแล้ว ซึ่งตามกฎหมายแล้วการฟ้องซ้ำหรือฟ้องซ้อนไม่สามารถกระทำได้ แต่กรรมการ สสจ. ก็รับเรื่องไว้ใหม่อีกครั้ง และมีความพยายามจะสอบวินัยอีก
ผมและแฟนได้เริ่มกระบวนการทางศาล มีค่าใช้จ่ายทนายความ ถูกทนายความคนแรกล้มคดี ทำสำนวนคดีให้อ่อน ไม่ส่งหลักฐานสำคัญของเราให้เข้าสู่สำนวน เอกสารของอีกฝ่าย เพิ่งเห็นในวันขึ้นไต่สวนมูลฟ้อง จึงไม่มีเวลาทำเอกสารแก้ต่าง เสียเงินฟรีค่าทนายไป 4 หมื่น รายละเอียดยังมีอีกเยอะมาก ผมและแฟนอยากตีแผ่เรื่องราวเพื่อออกสื่อให้ดัง ข้าราชการที่ดี แต่ไปขัดผลประโยชน์ข้าราชการที่เลวแต่มีอำนาจ กลับถูกกระทำเยี่ยงนี้ ผมขอความเป็นธรรมให้แฟนผมด้วยครับ สู้แน่นอน แต่สู้กับอำนาจมันเหนื่อย ผมกลัวจะเป็นอย่าง จขกท. นั้น ต้องสู้ถึง 19 ปี เมื่อชนะคดี ก็ยังไม่อาจทำอะไรไม่ได้มาก ของแฟนแค่ 3 ปีกว่า อยากจบเรื่องแล้วเอาคนผิดไปลงโทษ ใครที่ได้อ่านเรื่องราวแล้วพอจะช่วยหรือมีหนทางใดแนะนำผมก็ยินดีครับ ขอบคุณมากๆครับ
3 ปีกว่าแห่งความทุกข์ ถ้าแฟนผมไม่เป็นคนดี กับการถูกขบวนการกลั่นแกล้งใส่ร้าย และสอบสวนวินัยร้ายแรง
https://ppantip.com/topic/38353986/
เรื่องราวของแฟนผม กับการถูกกระบวนการกลั่นแกล้งร้องเรียนกัน เพื่อหวังทำลายข้าราชการที่ขัดขวางผลประโยชน์ของพวกตน การจัดซื้อจัดจ้างที่เต็มไปด้วยความไม่โปร่งใส สั่งซื้อวัสดุอุปกรณ์หรือครุภัณฑ์หรือทำโครงการต่างๆในราคาแพงเกินจริง ตรวจสอบบัญชีไม่ได้ เงินเปอร์เซนต์และผลตอบแทนใต้โต๊ะต่างๆ กรรมการหรือข้าราชการที่ซื่อสัตย์ แต่เกรงกลัวต่ออำนาจเหล่านี้ก็ต้องยอมตามน้ำเซ็นรับผิดชอบให้ หากข้าราชการคนใดเริ่มมีปัญหาหรือขอตรวจสอบละเอียดเพราะหวังดี อยากรักษาผลประโยชน์ให้ทางราชการ ก็มักจะเริ่มเป็นอย่างที่แฟนของผมเธอได้เผชิญมา ถึงตอนนี้เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว กับการถูกยัดเยียดข้อหาว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง ทั้งที่ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ปัจจุบันเราก็กำลังเริ่มกระบวนต่อสู้ทางกฎหมายกับอำนาจของกลุ่มกรรมการ สสจ. xxxxx และขบวนการกลั่นแกล้งใส่ร้าย เพื่อหวังผลให้ถูกไล่ออกจากราชการ แฟนผมเป็นแพทย์ ถูกกลั่นแกล้งตั้งสอบเรื่องวินัยร้ายแรง โดยมีธงจะเอาผิดออกจากราชการให้ได้ เพราะตอนที่เคยเป็น ผอ.รพ. xxxxx จ. xxxxx ไม่เซ็นจัดซื้อจัดจ้างให้ฝ่ายบริหารโดยดี เช่น เครื่อง suction (ดูดน้ำลาย) ราคา 98,000 บาท (แพงเกินจริง และฝ่ายบริหารร่วมกับหัวหน้าพยาบาลเป็นผู้ติดต่อสั่งซื้อเอง มีหลักฐานการคุยไลน์กับเซล) ก่อนแฟนขึ้นตำแหน่ง ผอ. และเมื่อแฟนขึ้นรับตำแหน่งก็ทำเสนอให้เซ็น , เรื่องจ้างบริษัทกำจัดปลวก , ซื้อทรายอะเบสกำจัดลูกน้ำยุงลาย , เซ็นรับรองเพื่อเบิกเงินโครงการบางอย่างให้ ทั้งที่ไม่มีการทำจริง และเคยรู้เห็นเรื่องยาซูโดเอฟริดีน ที่หายไปจาก ร.พ. (ในช่วงที่มีข่าวคดียาซูโดเอฟริดีน ของ ร.พ.ภูสิงห์ ส่วนของ ร.พ. xxxxx จ. xxxxx ก็มีเรื่องนี้เกิดขึ้นเช่นกัน แต่ สสจ. xxxxx ได้ปิดข่าวไว้)
ผลสรุปทางศาลในเรื่องนี้คือผู้แทนจำหน่าย (เซล) ติดคุก 50 ปี แต่เภสัชของ ร.พ. กลับต้องโทษแค่เพียงรอลงอาญา 2 ปี (คนขายติดคุกหนักมาก แต่คนซื้อแทบไม่ได้รับโทษ) เมื่อแฟนผมเธอเริ่มไปขัดผลประโยชน์ของพวกเขา พวกเขาทั้ง 9 นำโดยหัวหน้าฝ่ายบริหาร จึงรวมกลุ่มกัน เข้าไปร้องเรียนที่จังหวัด ให้ตั้งสอบวินัยร้ายแรง ร่วมมือกับกรรมการ สสจ.xxxxx แต่งหลักฐานและสำนวนเท็จ เช่นว่า ละทิ้งคนไข้ ไม่มาทำงาน แพทย์คนอื่นต้องมาตรวจแทน คนไข้ไม่พอใจ ทั้งที่แฟนผมตรวจคนไข้ได้เยอะที่สุดมาตลอดด้วยซ้ำไป สุดท้ายถูกหาเรื่องว่ากลั่นแกล้งผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ยอมเซ็นให้น้องแพทย์ไปเรียนต่อ (ซึ่งจริงๆแล้วน้องแพทย์ไม่เคยมาบอกเลยจึงไม่รู้) สุดท้ายถูก นพ.สสจ. xxxxx คนก่อน สั่งย้ายและปลดตำแหน่ง ผอ. ลงมาเป็นเพียงแพทย์ประจำ ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มกระบวนการสอบวินัย
การสอบวินัยร้ายแรงถูกตั้งเมื่อ 10 พย 58 กรรมการ สสจ. xxxxx พยายามจะทำหลักฐาน แต่งสำนวนว่าผิดวินัยร้ายแรง ทั้งๆที่หลักฐานไม่มี อ้างแต่พยานที่เป็นเท็จ เพราะตรวจสอบจากโปรแกรมแล้วไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเลย พอขอดูหลักฐานของผู้ร้องเรียน กลับอ้างว่าเป็นหลักฐานลับทางราชการ ไม่สามารถให้ดูได้ มีเพียงบันทึกข้อความอ้างเหตุการณ์ลอยๆแต่งเรื่องราวขึ้นมาเอง อ้างพยานคนนั้นคนนี้ โดยส่วนหนึ่งของพยานเหล่านี้ก็หมายรวมถึงผู้ร้องเรียนทั้ง 9 ด้วยนั่นเอง
ผ่านมา 3 ปี เรื่องเดิมยังไม่จบ ท่านผู้ว่าเปลี่ยนคนใหม่ 12 กันยา 61 ได้รับหนังสือว่าถูกตั้งสอบวินัยร้ายแรงเรื่องเดิมซ้ำเป็นครั้งที่สอง และถูก ผอ.รพ.xxxxx (รพ ที่ทำงานปัจจุบัน) กลั่นแกล้งไม่เบิกจ่ายเงินเบี้ยเลี้ยง 100,000 บาท (เงินตกเบิก ฉ.11 ของเดือนมกราคม ถึง มีนาคม 2560 และเงิน พตส.ของเดือนพฤษภาคม 2560) ได้ทำการทักท้วงไปว่ายังไม่ได้รับแต่ก็ถูกเพิกเฉย จนที่สุดต้องได้ไปแจ้งความ ที่ สภ.xxxxx เมื่อ 2 ส.ค.2560 เมื่อเห็นดังนั้น ผอ.รพ.xxxxx จึงกลับลำมาเบิกจ่ายเงินให้ พอเบิกจ่ายแล้วก็อ้างว่าช่วงก่อนหน้าอยู่ในระหว่างการตรวจสอบบ้าง หรืออ้างเรื่องว่าถูกสอบวินัยร้ายแรงอยู่กลัวจะมีปัญหาถ้าจ่าย (แต่ส่งเบิกเงินในชื่อแฟนไปแล้วทุกครั้ง ได้เงินมาพยายามที่จะไม่จ่าย) หาข้อจับผิดการทำงานมาโดยตลอด
เงิน 100,000 บาทแรก ถูกเบิกจ่ายหลังจากไปแจ้งความประมาณ 2 สัปดาห์ (15 ส.ค.2560) แต่ 30,000 บาท ครั้งต่อมา (เงินเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย ฉ.11) ไม่ยอมจ่าย ไม่ว่าจะพยายามเจรจาอย่างไรก็ตาม จนในที่สุดเรื่องก็ถึงศาล แฟนผมตัดสินใจฟ้องร้องเป็นคดี ม.157 ทนายคนแรกของพวกเรา เมื่อรับทำคดี ถูกพวกผู้มีอำนาจในจังหวัด xxxxx เช่น อัยการจังหวัดและทนายฝ่าย ผอ. มาคุยหรือข่มขู่ประมาณว่าถ้าทำเรื่องนี้อาจจะมีปัญหา ทนายของเราเป็นทนายที่อาศัยอยู่ในจังหวัด xxxxx อาจเกรงปัญหาต่างๆตามมา ทำให้ไม่แนะนำอะไรที่เป็นประโยชน์ตอนขึ้นศาลหรือก่อนขึ้นศาลเลย ทำให้เราพลาดโอกาสในการส่งเอกสารสำคัญเข้าสู่ศาลเพื่อให้เข้าไปอยู่ในสำนวน สุดท้ายเมื่อสำนวนไม่ดี จึงแพ้คดีในศาลชั้นต้น ผมและแฟนตัดสินใจยื่นอุทธรณ์ เขียนร่างสำนวนเอง ส่งยื่นขออุทธรณ์เมื่อ 21 ก.ย. 61 ที่ผ่านมา
วันที่ 6 มีนา 62 ต้นปีหน้า ผลของศาลอุทธรณ์จะออกว่ารับเรื่องของเราหรือไม่
วัน 14 ก.ย. 61 ถูก ผอ ฟ้องกลับ ข้อหาฟ้องเท็จ เรียกค่าเสียหายมากถึง 3 ล้านบาท ผมและแฟนจ้างทนายคนใหม่ในพื้นที่ (คดีขึ้นศาลทุจริตxxxxx และศาลจังหวัดxxxxx) ขอเลื่อนคดีความไปก่อนเพื่อรอผลคดีเดิม
ข้อเท็จจริงคือแฟนผมทำงานตรวจผู้ป่วยมากที่สุดมาโดยตลอด ในเดือนเมษายน 2560 ที่มีประเด็น แฟนผมตรวจผู้ป่วย 608 คน , แพทย์น้องตรวจ 324 คน (13 วัน) , ผอ.ตรวจเพียง 142 คน (5 วัน) เฉลี่ยแล้วตรวจผู้ป่วย ประมาณ 55-60% ของผู้ป่วยทั้งหมดที่มารับบริการ แพทย์น้องตรวจผู้ป่วยประมาณ 30-35% และ ผอ. ตรวจเพียง 10-15% กลับเป็นแพทย์เพียงคนเดียวของ ร.พ. ที่ถูกกลั่นแกล้งหาว่าทำงานไม่ครบวันทำการ พอเอาหลักฐานว่ามาครบวันทำการ ก็ถูกอ้างต่อว่า ในแต่ละวันทำการต้องทำครบ 8 ชม. เต็ม ถ้าไม่ครบ 8 ชม.เต็ม ไม่นับเป็น 1 วันทำการ (ถ้าใช้แค่เวลาตรวจผู้ป่วย คงไม่มีใครทำครบ เพราะถ้าคนไข้หมดก่อน 16.30 น. ก็คือไม่ครบแล้ว และก็ต้องไม่มีแพทย์คนไหนได้เงินเบี้ยเลี้ยงถ้าใช้เกณฑ์นี้ แต่ปรากฎว่า ผอ. เอง เบิกเต็มทุกเดือน ทั้งที่มาทำงานอยู่ 5 วัน หรือน้องหมอมาทำงาน 13 วัน และแต่ละวันก็ไม่ครบ 8 ชม ด้วย ก็ยังได้เงินเลย)
พวกเขาส่งเรื่องหารือไปที่รองผู้ว่า และกระทรวง ก็มีหนังสือตอบข้อหารือมาว่า ถ้าไม่ครบ 8 ชม ไม่นับเป็นวันทำการ เราก็เลยเลยฟ้องศาลปกครองขอเพิกถอนข้อหารือนี้ ศาลปกครองยกฟ้องโดยให้เหตุผลว่าข้อหารือไม่ใช่คำสั่งทางปกครอง
ผมและแฟนได้ทำสำนวนส่งฟ้องศาลปกครองอีกคดีหนึ่ง คือขอเพิกถอนคำสั่งสอบวินัยของท่านผู้ว่า ทั้งสองฉบับ (10 พ.ย. 58 , 12 ก.ย. 61) เนื่องจากเป็นเรื่องเดิมที่ถูกนำกลับมาสอบซ้ำทั้งที่ครั้งแรกสอบเกินเวลาไปนานนับ 1,000 วัน มาแล้ว ซึ่งตามกฎหมายแล้วการฟ้องซ้ำหรือฟ้องซ้อนไม่สามารถกระทำได้ แต่กรรมการ สสจ. ก็รับเรื่องไว้ใหม่อีกครั้ง และมีความพยายามจะสอบวินัยอีก
ผมและแฟนได้เริ่มกระบวนการทางศาล มีค่าใช้จ่ายทนายความ ถูกทนายความคนแรกล้มคดี ทำสำนวนคดีให้อ่อน ไม่ส่งหลักฐานสำคัญของเราให้เข้าสู่สำนวน เอกสารของอีกฝ่าย เพิ่งเห็นในวันขึ้นไต่สวนมูลฟ้อง จึงไม่มีเวลาทำเอกสารแก้ต่าง เสียเงินฟรีค่าทนายไป 4 หมื่น รายละเอียดยังมีอีกเยอะมาก ผมและแฟนอยากตีแผ่เรื่องราวเพื่อออกสื่อให้ดัง ข้าราชการที่ดี แต่ไปขัดผลประโยชน์ข้าราชการที่เลวแต่มีอำนาจ กลับถูกกระทำเยี่ยงนี้ ผมขอความเป็นธรรมให้แฟนผมด้วยครับ สู้แน่นอน แต่สู้กับอำนาจมันเหนื่อย ผมกลัวจะเป็นอย่าง จขกท. นั้น ต้องสู้ถึง 19 ปี เมื่อชนะคดี ก็ยังไม่อาจทำอะไรไม่ได้มาก ของแฟนแค่ 3 ปีกว่า อยากจบเรื่องแล้วเอาคนผิดไปลงโทษ ใครที่ได้อ่านเรื่องราวแล้วพอจะช่วยหรือมีหนทางใดแนะนำผมก็ยินดีครับ ขอบคุณมากๆครับ