เนื่องจากปี 2564 ผมกับแฟนคบกัน แต่ว่าแฟนผมบังคับ ให้ผมโอนเงินเดือนไปให้เขาทุกเดือน เดือนละไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท เป็นจำนวน 11 เดือน แล้วเขาจะโอนเงินมาให้ผมใช้เป็นรายวัน หรือรายอาทิตย์ อาทิตย์ละ 1,000 หรือวันละ 150 บาท แต่สุดท้ายเราสองคนไปกันไม่รอด เลยเลิกกันจบกันไป แต่อยู่ดีๆ แฟนเก่าผมให้ทนาย ไปฟ้องร้อง ว่าผมติดหนี้แฟนเก่า เอายอดจากหนี้ที่ทางแฟนเก่าผม เป็นคนโอนให้ผมใช้รายวัน รายสัปดาห์ เป็นจำนวนเงิน 100,000กว่า บาท มีหมายศาลมาที่อยู่เก่า ซึ่งเป็นทะเบียนบ้านที่ผมอยู่ แต่ผมไม่ได้อยู่ทะเบียนบ้านนี้ไม่เคยอยู่เลยตั้งแต่เด็ก ซึ่งเป็นทะเบียนบ้านของย่า และที่บ้าน ก็มีแค่ย่า กับเด็กๆอยู่เท่านั้น ซึ่งแฟนเก่าผมรู้ข้มูลข้อนี้ดี ย่าผมอ่านหนังสือไม่ออก เด็กๆที่บ้านก็ไม่รู้เรื่อง พอหมายศาลมาปิดที่หน้าบ้าน ผมเลยไม่ทราบ ว่ามีการนัดพิจารณาคดี จนศาลพิจารณาคดีฝ่ายเดียว ศาลตัดสินให้โจทย์ชนะคดี และชำระหนี้ที่ผมยืมเงินทางแฟนเก่ามา หลังจากชนะคดี มีหมายมาปิดที่หน้าบ้านของน้า ซึ่งเป็นชื่อผมซื้อกับธนาคาร และไม่ได้อยู่บ้านนี้เช่นกัน น้าเลยส่งหมายมาให้ผม ผมเลยรู้ตัวตอนนั้นว่าโดนฟ้อง และแพ้คดีไปแล้ว จนถึงขั้นกรมบังคับคดีมาปิดหมายหน้าบ้าน พอรู้ว่าโดนฟ้องจากที่กรมบังคับคดี มาปิดหมายหน้าบ้าน ผมเลยไปบ้านย่า เพื่อตามหาเอกสารต่างๆที่โดนฟ้อง จนได้ติดต่อกับทนายฝ่ายตรงข้ามไป โทรไปถามทนายฝ่ายตรงข้ามว่า ผมโดนฟ้องได้ยังไง ทั้งๆที่ผมไม่ได้เป็นหนี้เขา ทนายก็อ้างว่าศาลพิจารณาแล้ว และผมแพ้ ผมต้องจ่ายเขาห้ามบิดพริ้ว เป็นจำนวนเงินแสนว่าบาท ด้วยที่ผมเข้าใจว่า ศาลตัดสินแล้ว และผมต้องจ่ายจริงๆ เลยไปขอต่อรองว่าถ้าให้จ่ายแสนนึงเลย ผมไม่ไหว ขอผ่อนได้ไหม เขาก็ผ่อนเดือนะสามหมื่นกว่าบาท ผมเลยเอาเรื่องนี้ไปลองปรึกษาทนาย ส่งสลิปโอนเงินที่ผมโอนให่แฟนเก่า กับหลักฐาน ที่ว่าเคยคบกันอย่างเช่นรูปคู่ ทนายเลยแนะนำให้ไปขอยื่นพิจารณาคดีไหม่ โดนทนายแจ้งว่ายังอยู่ใน 6 เดือน หลังจากเรารับรู้ว่าโดนฟ้อง จากการปิดหมายจากกรมบังคับคดี แต่ยื่นเรื่องไปแล้ว ศาลไม่รับพิจารณา คดีไหม่ เพราะผมยื่นเอกสารไม่ทัน15 วันหลังจากได้รับการปิดหมายจากกรมบังคับคดี จนถึงวันนี้ กรมบังคับคดีมีการปิดหมายเพื่อประมูลขายบ้าน ผมจึงมากรมบังคับดคี เพื่อยืนยันจะชำระเงินแสนกว่าบาทให้โจทย์ ซึ่งเป็นแฟนเก่าของผม
ทั้งหมดนี้ ผมรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากเงินที่ผมโอนให้แฟนเก่าแต่ละเดือน มากกว่าเงินที่แฟนเก่าผมโอนมาให้ผมใช้ซะอีก ตอนผมไปยื่นพิจารณาดคีไหม่ ศาลก็ยังถามผม ว่าผมโดนฟ้องได้ยังไง จริงๆต้องเป็นผมที่ฟ้อง เพราะเท่าที่ดูหลักฐาน ยอดเงินที่ผมโอนให้ มากกว่าที่เขาโอนมา สุดท้ายศาลไม่รับพิจารณาไหม่ เพราะเกินเวลา
สุดท้าย ผมอยากให้เรื่องของผมเป็นอุทาหรกับใครหลายๆคน ผมคิดว่าผมโดนกลั่นแกล้ง แต่ว่าผมต้องจำใจ ยอมรับคำพิจารณาคดีต่อศาล และจ่ายเงิยหนึ่งแสนกว่าบาทนี้ เพื่อให้บ้านไม่ถูกยึด
โดนบังคับคดีขายบ้านโดยแฟนเก่า