ชีวิต ม.ปลาย ที่อยากจะลืมไปซะ

สวัสดีสมาชิกพันทิปทุกท่านนะคะ เนื่องจากกระทู้นี้เป็นครั้งแรกของหนูค่ะ หากมีความผิดพลาดหรือภาษาไม่เหมาะสม ต้องขออภัยสมาชิกพันทิปทุกท่านด้วยนะคะ

     จุดประสงค์ในการตั้งกระทู้นี้ ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียแต่อย่างไร เพียงแค่อยากระบายความเศร้าในใจ และอยากถามความเห็นของสมาชิกทุกท่าน ว่าหนูควรจะต้องทำตัวอย่างไร ต้องปรับตัวตรงไหนบ้าง

     เหตุการณ์ในกระทู้อาจจะไม่ละเอียดนะคะ แต่อยากให้มองว่าหนูก็เป็นคนสีเทาเหมือนกันค่ะ มีวีนใส่คนอื่น มีไม่พอใจ มีสุข มีเศร้า ไม่อยากให้มองว่าหนูเป็นคนน่าสงสารหรืออะไรแบบนั้น ปัญหาบางทีมันก็เกิดจากตัวหนู ตอนนี้พยายามจะปรับตัวอยู่ค่ะ
     
     สวัสดีอีกครั้งนะคะ หนูเป็นเด็กนักเรียนห้อง 12 ค่ะ (ห้องสุดท้าย) ตอนนี้หนูอยู่ ม.5 แล้วค่ะ หนูเก็บปัญหาทุกอย่างมา 1 ปีเศษ ไม่เคยมีใครที่รับฟังและเข้าใจมันจริง ๆ เลยค่ะ แม้แต่พ่อแม่หรือเพื่อนสนิท
     
     จุดที่ทุกอย่างที่เก็บไว้ในใจพังลงมาคือเมื่อวานค่ะ โดนเพื่อน ๆ ที่ร่วมทำงานกลุ่มด้วยกันว่าค่ะ ซึ่งส่วนหนึ่งหนูยอมรับว่าเป็นคนผิดค่ะ และหนูได้กล่าวของโทษพวกเขาไปแล้ว แต่สิ่งที่หนูได้กลับมาด้วยหลังจากเมื่อวาน คือ ความรู้สึกแย่ ๆ มากมายในหัวสมองค่ะ รวมกับเรื่องก่อนหน้านี้ก็กลายเป็นเครียดมากค่ะ
     
     เรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดจากเพื่อนกลุ่มข้างบนค่ะ แต่เป็นเพื่อนร่วมห้อง ห้องของหนูแบ่งออกเป็นก๊กใหญ่ ๆ ได้ 3 ก๊กค่ะ

                    1.กลุ่มเด็กหน้าห้อง เพื่อน ๆ จะมองว่าเด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กเรียนค่ะ
                    2.กลุ่มเด็กหลังห้อง เพื่อน ๆ จะมองว่าพวกเขาสนุกสนาน เฮฮา และไม่ค่อยเรียนค่ะ
                    3.กลุ่มเด็กผู้ชาย เพื่อน ๆ จะมองว่าเด็กกลุ่มนี้สนุกสนาน และเรียนด้วยค่ะ
     
     หนูอยู่กลุ่มที่ 1 ค่ะ เนื่องจากใส่แว่น และมาจากห้องต้น ๆ ค่ะ ผลการเรียนกลาง ๆ ค่ะ (เกรด 3.xx) ผลการเรียนแบบกลาง ๆ ของหนูในห้อง 12 ส่งผลให้หนูได้ที่ 1 ของห้องค่ะ
     
     พูดกันตรง ๆ หนูไม่ชอบค่ะ ไม่ชอบการเป็นจุดสนใจ ไม่ชอบการที่ทุกคนเอาแต่ปัญหามาให้หนูแก้ไข ไม่ชอบที่ทุกคนอยากให้หนูเข้ากลุ่มเพียงเพราะพวกเขาคิดว่าหนูฉลาด หนูเกลียดความรู้สึกที่ไม่ว่าหนูจะทำอะไร จะตอบคำถามครู จะเอางานไปส่งตรงเวลา จะคุยกับครู ถูกจับจอง ถูกมอง บางส่วนก็มองด้วยความรู้เฉย ๆ แต่บางส่วนก็มองแบบอคติ เขามองว่าทุกครั้งที่หนูตอบคำถาม คุยกับครู ส่งงาน ทำงานดี ว่าเป็นเรื่องของการประจบ การเอาหน้า ความรู้สึกแย่ ๆ มักมาทุกครั้งที่พวกเขามองหนู หนูเกลียดค่ะ หนูแค่อยากใช้ชีวิตธรรมดา

     บางท่านอาจจะสงสัยนะคะ ถ้ารู้สึกแย่ขนาดนั้นก็ไม่เห็นจะต้องไปตอบเลยคำถามของครู ตรงนี้หนูให้เหตุผลว่าหนูรู้สึกไม่ดีค่ะ เวลาที่ครูถามแล้วห้องเงียบ อึดอัดมากค่ะ จนต้องตอบออกไปทุกที เพราะ ไม่อยากให้ครูรู้สึกแย่

     ตอน ม.4 หนูยังอดทนได้ค่ะ หนูรู้จักที่จะกล่าวขอโทษเมื่อทำผิด หรือแม้แต่จะไม่ได้ทำผิดก็ตาม คงเรียกว่า 'ต้องอยู่ให้เป็นล่ะมั้งคะ' และอีก 2 คนที่ทำให้หนูอดทนและผ่าน ม.4 มาได้ ต้องของขอบคุณคุณครูประจำชั้นที่น่ารักทั้ง 2 คนด้วยนะคะ คิดถึงมาก ๆ เลยค่ะ ช่วงเวลาดี ๆ ตอนนั้น

     ม.5 ก็มาถึงค่ะ หนูคิดว่าก็อดทนไปนั่นแหละ ใกล้จะหลุดพ้นนรกนี้ไปแล้วอีก 2 ปีเท่านั้น แต่ ม.5 มันหนักมากจริง ๆ ค่ะ ทั้งงาน ทั้งเพื่อน และที่สำคัญครูประจำชั้นค่ะ

     ปัญหาเรื่องงานและเรื่องเพื่อนทำอะไรหนูไม่ค่อยได้แล้ว แต่ศัตรูตัวร้ายคือครูประจำชั้นค่ะ มีหนึ่งคนเป็นคนที่คิดลบมากค่ะ เขามองทุกอย่างว่าผิดไปหมดค่ะ หนูรู้สึกว่าไม่ว่าหนูจะทำอะไรเขาก็ยังมองว่ามันผิด และไม่ดีค่ะ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้านซึ่งก็แย่อยู่แล้ว

     ทุกวันนี้การเรียนของหนูกดดันมากค่ะ เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนชิว ๆ นะคะ แต่พอหนูได้ที่ 1 กลับกลายเป็นว่าเกิดความกลัวขึ้นมาค่ะ กลัวว่าจะแพ้ใครสักคน แล้วจะโดนกลุ่มเด็กหลังห้องพวกนั้นเยาะเย้ย หนูถึงขนาดคิดเลยนะคะว่าเขาจะพูดว่าอะไรบ้าง กลัวถูกมอง คิดไปอีกว่าตอนเปิดเทอมมาทุกคนจะจ้องเราไหมด้วยนะ หนูว่ามันผิดปรกติค่ะ จะไปพบจิตแพทย์แต่มันค่อนข้างยุ่งยาก (ถ้าหากหนูโตแล้วจะไปพบแน่นอนค่ะ เพราะมันเป็นปัญหามากจริง ๆ ) เลยเลือกที่จะพยายามเลิกคิดแทนค่ะ จนจากความกลัวก็กลายเป็นความกดดดัน พยายามเรียน พยายามทำงาน จนกลายเป็นว่าหนูไปวีนใส่คนอื่นที่ไม่ตั้งใจ ไม่ใส่ใจ

     และมันก็นำมาสู่ปัญหาที่สร้างความเจ็บปวดมากที่สุดคงจะเป็นปัญหากับเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมงานของหนูมีกัน 5 คนค่ะ ซึ่งทุกครั้งพวกเขาจะให้หนูเป็นหัวหน้า หนูไม่เคยทำตัวว่าเป็นหัวหน้าเลยค่ะ ถ้าพวกเขาทำงาน หนูก็ทำงานด้วยค่ะ แต่มันเหนื่อยทุกครั้งเลยค่ะ เพราะหนูต้องสั่งให้พวกเขาไปทำนู่นทำนี่ ต้องบอกรายละเอียดของงานทุกอย่าง ต้องอธิบายซ้ำ ๆ หลายรอบ ทั้ง ๆ ที่หนูบอกไปแล้ว พวกเขาไม่เคยสนใจค่ะ บางคนอ่านนะคะ แต่อ่านแค่ 3 บรรทัด ยิ่งถ้าบอกในไลน์พวกเขาจะไม่อ่าน หรือไม่ก็อ่านแล้วไม่ตอบค่ะ เหตุการณ์แบบนี้หนูมักจะเหวี่ยงวีนทุกครั้งค่ะ จะกลายเป็นแชทเดือดเถียงกันไปมา แต่หนูจะเลือกจบปัญหาด้วยการขอโทษ และพยายามลดการเหวี่ยงวีน แต่พวกเขาไม่เคยปรับตัวเลยค่ะ เป็นแบบไหนก็เป็นแบบนั้น ไม่เคยใส่ใจงาน ไม่เคยตั้งใจ นัดทำงานก็มาสายบ้าง ไม่มาบ้าง เวลาหนูเหวี่ยพวกเขาก็ตอบกลับด้วยถ้อยคำรุนแรง (ตรงนี้เข้าใจค่ะว่าหนูแรงก่อนเขาแรงกลับก็ไม่ผิด) แต่บางคำพูดพวกเขาเองก็มีส่วนผิด แต่พวกเขาโยนความผิดให้หนูทั้งหมด เช่น

     "เธอทำไมถึงทำงานถึงไม่วางแผนล่ะ" หนูถามพวกเขาตลอดค่ะ ว่าจะเอาอย่างไร จะทำยังไงดีกับงานนี้ พวกเขาไม่เคยตอบค่ะ หรือตอบนะคะ แต่เป็นการตอบแบบไม่ได้ใจความ จนหลัง ๆ มานี้ถ้าเป็นงานเล็ก ๆ หนูจะทำเองคนเดียวค่ะ เพราะไม่อยากจะต้องพูดซ้ำ ๆ เหมือนทำงานกับเด็ก มันจะส่งผลให้หนูหงุดหงิดทุกครั้งเลยค่ะ ถ้าหนูมาสั่ง ๆ พวกเขาก็ไม่พอใจ แต่ก็ไม่เคยจะพูดอะไร เลือกที่จะเอาหนูไปนินทาแทน หนูรู้ได้อย่างไรน่ะเหรอคะ หึหึหึหึหึหึหึหึหึ พวกเขาคบกันไม่เคยมีความจริงใจหรอกค่ะ เกลียดกันจะตาย แต่ก็ต้องอยู่ด้วยกันเพื่อทำงาน บางทีก็นินทาเพื่อนคนนั้นที่ทำตัวกร่างจนกลุ่มโดนเกลียดไปด้วย บางทีก็นินทาคนนั้นถึงเรื่องที่ไม่มาทำงานครั้งก่อน เรียกได้ว่าทำผิดพลาดนิดหน่อยก็ตกเป็นขี้ปากแล้วค่ะ กับหนูที่เหวี่ยงไปขนาดนั้นก็คงจะไม่เหลือแล้วล่ะค่ะ หนูไม่ชอบสภาพแบบนี้เลยหนีจากพวกเขามาคบกับเพื่อนเพียงคนเดียวของหนูค่ะ (ยิ้มแห้ง)

     หนูเหนื่อยค่ะ เหนื่อยที่ต้องอดทน เหนื่อยที่ต้องปั้นหน้าทุกวัน เหนื่อยที่ต้องมานั่งรับภาระที่คนอื่นมองว่ามัน 'ก็เรื่องแค่นี้ช่วยกันหน่อยสิ' เหนื่อยกับการถูกมองเป็นคนเก่ง เหนื่อยกับการไม่ว่าจะทำดีแค่ไหนก็ยังโดนด่าอยู่ดี เหนื่อยกับการถูกมองว่าเอาแต่เรียน เหนื่อยกับเพื่อน เหนื่อยกับครู เหนื่อยกับครอบครัว หนูไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี พยายามจะปล่อยวาง พยายามจะลืมเรื่องแย่ ๆ ที่มีมาทุกวันไปให้หมด พยายามจะปรับตัวให้อยู่ให้ได้ หนูต้องพยายามไปอีกกี่เรื่อง พยายามไปถึงเมื่อไหร่ ถึงจะมีคนเห็นค่าความตั้งใจของหนูบ้าง ตั้งใจเรียนแทบตาย ทำทุกอย่าง อย่างน้อยก็หวังเล็ก ๆ ว่าแค่เขาเลิกเกลียดเรา เลิกคิดลบกับเรา แค่นั้นก็พอแล้ว แต่ปัญหามันก็ยังมีอยู่ทุกวัน หนูไม่รู้เลยค่ะว่าจะอดทนไปได้ถึงวันพรุ่งนี้ไหม จะฆ่าตัวตายก็กลัวพ่อแม่จะลำบากต้องมาเก็บศพ ทำศพ และที่สำคัญการหนีปัญหามันน่าสมเพชค่ะ แค่ทุกวันนี้ที่หนูอดทนก็คงจะเหมือนการหนีปัญหานั่นแหละค่ะ แค่นี้ก็น่าสมเพชพออยู่แล้ว ถ้าตายไปอย่างน่าสมเพชอีก ไอ้ชีวิต 17 ปี มันก็คงไร้ค่า ไร้ความหมาย ไม่ควรค่าแก่การจดจำ

    ทุกครั้งที่หนูอยากจะฆ่าตัวตายมักจะนึกถึงหน้าเพื่อนสนิทคนเดียวของหนูเสมอ เขาอยู่ข้าง ๆ หนูมาตลอด และเขาก็มีปัญหาเช่นกัน อยากอยู่ข้าง ๆ เขา แค่เห็นเขาหัวเราะเขายิ้มหนูก็มีความสุขแล้ว ขอบคุณมาก ๆ นะ (ปาดน้ำตาแบบนางเอกหนังญี่ปุ่น)

     บางครั้งหนูก็อยากร้องไห้ออกมาบ้างนะคะ แต่มันร้องออกมาไม่ได้จริง ๆ อาจจะเพราะหนูยังเศร้าไม่พอ แต่มันอึดอัดมากค่ะ เวลานึกถึงก้อนปัญหาที่หนูเก็บมันไว้ บอกพ่อแม่เขาก็เห็นเป็นเรื่องไร้สาระค่ะ เขายังมีน้องคนเล็กที่ต้องดูแลอีก หนูต้องยืนให้ได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องขอบคุณเขานะคะที่สร้างนิสัยอดทนให้หนู แต่ในวันที่มันจะพัง หนูก็อยากให้เขารับฟังหนูบ้าง

     กระทู้นี้คงจะจบลงเพียงเท่านี้แหละค่ะ หนูคิดว่าตอนนี้หนูคงทำได้แค่พยายามอย่าเก็บมันมาใส่ใจ แต่หนูไม่รู้เลยค่ะว่าหนูจะทำได้หรือป่าว ความอดทนก็เหลือน้อยลงทุกทีแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ที่มีแต่ความอึดอัดของหนูนะคะ หนูอาจจะทำให้ท่านไม่ชอบ ไม่สบายใจ หรืออึดอัดก็ต้องของโทษด้วยนะคะ หนูเขียนไม่เก่ง บรรยายไม่เป็น บางคำพูดอาจจะรุนแรงไปบ้าง ขอโทษจริง ๆ นะคะ

     หากจะแนะนำหรือติก็ยินดีน้อมรับเอาไว้เป็นประสบการณ์ดี ๆ ของหนูเองค่ะ

P.S.ขออนุญาตฝากข้อความถึงท่านที่จะคอมเมนต์ว่า "แค่นี้ยังอดทนไม่ได้โตไปจะทำงานอะไรได้" "พอได้มาทำงานเดี๋ยวน้องก็รู้ว่าเหนื่อยกว่านี้หลายเท่า"
หนูคิดว่าความเหนื่อยและความอดทน มันไม่สามารถวัดค่ามากน้อยได้นะคะ เพราะเราก็ไม่ได้อดทนหรือเหนื่อยกับเรื่องที่มันเหมือนกัน อีกทั้งเราเกิดมาก็ไม่มีใครเหมือนกันอยู่แล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย ความคิด จิตใจ สภาพแวดล้อม etc. ก็อยากจะขอให้เข้าใจในจุดนี้ด้วยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่