เราเป็นนักศึกษาแพทย์ปี6 เรามีความสุขกับการพูดคุยกับผู้ป่วย มีความสุขที่คนไข้หายป่วยกลับบ้าน แต่เรามีความทุกข์กับการอยู่เวร เราต้องมาราวน์เช้า7โมง ถ้าอยู่เวรคือ ได้กลับอีกที5โมงเย็นของอีกวัน=34ชม ที่เราไม่ได้นอน แต่ความที่เราไม่ได้นอนเราต้องทำหัตถการต่างๆ รับเคสใหม่ คิดแก้ปัญหาตลอดเวลา สมองเราเบลอมาก ตาเราลาย ด้วยความที่ไม่ได้นอน บางครั้งต้องอยู่เวรวันเว้นวัน หัตถการที่เราทำถ้าคนไข้ติดเชื้อ HIV แล้วเข็มทิ่มมือเรา ชีวิตต่อจากนั้นเราจะเป็นอย่างไร คงปฏิเสธไม่ได้ที่คนไข้จะไม่ยอมรับหมอที่ป่วยเป็นAIDs แล้วถ้าเราทำหัตถการพลาดไป คนไข้จะเป็นอย่างไร เราช่วยผ่าตัดแล้วเผลอหลับจะเป็นอย่างไร หมอที่บอกให้ทุกคนนอนพักผ่อนให้เพียงพอ รักษาสุขภาพ
ตอนเป็นเด็กอยากเรียนหมอ อยากช่วยเหลือคน เราไม่มีคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดเป็นหมอ เราไม่รู้เลยว่าหมอเรียนและใช้ชีวิตอย่างไร ทุกๆปีที่เรียนความหนักค่อยๆเพิ่มขึ้น ชีวิตไม่ได้มีแค่ทำงานแต่ต้องเรียนต้องสอบ สอบของสถาบันและของประเทศ สอบเยอะและบ่อยมากๆ ความเครียดเกิดขึ้นตลอดเวลา คนอื่นอาจไม่เครียด แต่เราเครียด เราไม่ชอบการสอบ เรารู้สึกกดดัน ถ้าเราไม่ผ่าน ปัญหาจะตามมาหลายอย่าง เพราะการสอบแต่ละครั้งต้องเสียเงินค่าสมัครครั้งละหลายพัน ค่ารถ ค่าเดินทางไปสอบ ทุกๆอย่างๆไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับเรา
ถ้าคุณมีลูกคุณจะให้ลูกเรียนหมอมั้ย แม่เราไม่ได้อยากให้เราเรียนหมอเลยกลับว่าด้วยซ้ำที่เราเลือกเรียน เราแทบจะไม่เล่าความเครียดของเราให้แม่ฟังเลย เพราะเราเลือกเดินเส้นทางนี้เอง ทางที่เราคิดว่ามันจะสวยงาม เป็นหมอที่ดีในอุดมคติ ช่วยเหลือทุกคนที่เจ็บป่วยทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บ เหมือนตอนแรกที่สอบสัมภาษณ์เข้ามา หมอที่หวังอยากให้ทุกคนสุขภาพดี แต่ตัวหมอเองที่ตอนนี้นั้น สุขภาพร่างกายทรุดโทรม สภาพจิตใจย่ำแย่ #เราคงอ่อนแอเอง #ระบบคงดีอยู่แล้วเพราะหลายๆคนก็อยู่ได้
เป็นหมอต้องอดนอนด้วยหรือ
ตอนเป็นเด็กอยากเรียนหมอ อยากช่วยเหลือคน เราไม่มีคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดเป็นหมอ เราไม่รู้เลยว่าหมอเรียนและใช้ชีวิตอย่างไร ทุกๆปีที่เรียนความหนักค่อยๆเพิ่มขึ้น ชีวิตไม่ได้มีแค่ทำงานแต่ต้องเรียนต้องสอบ สอบของสถาบันและของประเทศ สอบเยอะและบ่อยมากๆ ความเครียดเกิดขึ้นตลอดเวลา คนอื่นอาจไม่เครียด แต่เราเครียด เราไม่ชอบการสอบ เรารู้สึกกดดัน ถ้าเราไม่ผ่าน ปัญหาจะตามมาหลายอย่าง เพราะการสอบแต่ละครั้งต้องเสียเงินค่าสมัครครั้งละหลายพัน ค่ารถ ค่าเดินทางไปสอบ ทุกๆอย่างๆไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับเรา
ถ้าคุณมีลูกคุณจะให้ลูกเรียนหมอมั้ย แม่เราไม่ได้อยากให้เราเรียนหมอเลยกลับว่าด้วยซ้ำที่เราเลือกเรียน เราแทบจะไม่เล่าความเครียดของเราให้แม่ฟังเลย เพราะเราเลือกเดินเส้นทางนี้เอง ทางที่เราคิดว่ามันจะสวยงาม เป็นหมอที่ดีในอุดมคติ ช่วยเหลือทุกคนที่เจ็บป่วยทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บ เหมือนตอนแรกที่สอบสัมภาษณ์เข้ามา หมอที่หวังอยากให้ทุกคนสุขภาพดี แต่ตัวหมอเองที่ตอนนี้นั้น สุขภาพร่างกายทรุดโทรม สภาพจิตใจย่ำแย่ #เราคงอ่อนแอเอง #ระบบคงดีอยู่แล้วเพราะหลายๆคนก็อยู่ได้