สวัสดีค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายจากพันทิปไปนาน
ช่วงที่ผ่านมาจขกท งานยุ่งมากจริงๆ กำลังเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตเลยทีเดียว
เลยไม่มีโอกาสนำเรื่องที่สนใจและที่อยากแปลมาเล่าสู่กันฟัง ไม่รู้มีใครคิดถึงกันรึป่าว
หากมีข้อผิดพลาดตรงไหน ต้องขออภัยด้วยนะคะ
จริงๆแล้วช่วงนี้ก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ แต่บังเอิญไปเจอบทกวีบทหนึ่งสั้นๆ
ที่พอได้ยินครั้งแรกถึงกับต้องหลั่งน้ำตาเลยอยากเอามาแบ่งปันกันค่ะ
ที่หยิบยกมาแปลวันนี้ เป็นบทกวีของคุณ Phil Kaye ชื่อเรื่อง my grandmother’s ballroom
ที่นำมาจาก
https://buttonpoetry.com/phil-kaye-my-grandmothers-ballroom/
กวีเล่าถึงคุณย่าของเขา กับความทรงจำในหัวของคุณย่าที่ราวกับอยู่ในงานเลี้ยงบอลรูม
จขกทซื้อหนังสือรวมเล่มฉบับอีบุ๊คของคุณฟิลแล้ว เรื่อง date & time
(มีบทกวีที่ชอบหลายเรื่องเลยค่ะ ใครสนใจสั่งซื้อได้ที่นี่นะคะ
https://buttonpoetry.com/product/date-time/)
พบว่าบทกวีที่คุณฟิลอ่าน กับเวอร์ชั่นรวมเล่มมีข้อแตกต่างกันอยู่บ้างเล็กน้อยในรายละเอียด
แต่เพื่อไม่ให้ผิดลิขสิทธิ์จึงขออนุญาตลงแบบที่ถอดมาจากในวีดีโอนะคะ จะไม่เหมือนกับในหนังสือเป๊ะๆ
https://youtu.be/Z031zWfI5os?list=PLC5PJtWBigV2YL8Ewj9Zb8_x8JDX69wYj
เกริ่นนำ
ครั้งแรกที่จขกทได้ฟังคุณPhil อ่านจนจบ ถึงกับน้ำตาไหลเลยนะคะ
ทั้งที่ประสบการณ์เกี่ยวกับคุณยายคุณย่าของจขกทไม่ได้ใกล้เคียงกับบทกวีนี้เลย
จขกทสนิทกับครอบครัวทางฝั่งแม่มากกว่า และผู้สูงอายุทั้งหลายทางฝั่งนั้นล้วนเป็นผู้ที่มีความทรงจำดีทุกคน
ไม่มีใครมีประวัติอาการหลงลืมในวัยชราหรือเป็นอัลไซเมอร์เลยแม้แต่คุณตาคุณยายของจขกทเอง
ก่อนที่ท่านจะจากไปก็มีความทรงจำที่แจ่มใส เล่าเรื่องในอดีตได้เป็นฉากๆ เป็นผู้สูงอายุที่สมองและความจำดีมากๆเลยล่ะค่ะ
แต่สิ่งที่บทกวีนี้ทำให้จขกท นึกถึงคุณยายก็เพราะว่า ก่อนที่ท่านจะจากไป จากคุณยายที่เคยแข็งแรงทำนั่นทำนี่มาตลอดชีวิต
ต้องกลายมาเป็นผู้ป่วยติดเตียง ลูกหลานต้องทนเห็นท่านอ่อนแรงไปทีละนิด
แววตาที่เคยสดใสจะมีประกายขึ้นมาได้ก็ตอนที่หลานๆมาหาเท่านั้น
คุณยายยังเป็นคุณยายคนเดิม แต่ข้างในของท่านค่อยๆถอยห่างออกไปทุกทีจนถึงจุดหนึ่งท่านก็ไม่พูดอีกแล้ว
แต่ถึงจะมีแรงเหลือน้อยนิด ท่านก็พยายามยิ้มให้ลูกหลานทุกครั้งที่เราไปหาท่านที่ข้างเตียง
คุณยายที่รักสวยรักงาม ฉลาดเฉลียว เก่งการค้าจนสร้างฐานะมาให้ลูกหลานอยู่สุขสบายเป็นที่เคารพรักใคร่ของชาวบ้าน
คุณยายที่เป็นหญิงแกร่งทั้งงานภายในภายนอกบ้าน คุมคนได้ ทั้งยังมีฝีมือทำอาหารหาตัวจับยาก
คุณยายที่พาหลานไปวัด ไหว้พระสวดมนต์ สอนแต่สิ่งที่ดีๆ
คุณยายที่สั่งให้คนตัดต้นสนมังกรที่ปลูกตามแนวกำแพงบ้านปีละต้น จนแทบไม่เหลือ เพียงเพราะหลานอยากได้ต้นคริสต์มาส
พอถึงสุดท้ายแล้ว คุณยายคนดีคนงามผู้นั้น กลับล่องลอยหายไปในร่างของหญิงชราที่นอนติดกับเตียง
ไม่มีใครรู้เลยว่า ความทรงจำงดงามของคุณยายอันไหนกันที่หล่อเลี้ยงหัวใจของคุณยายไว้ก่อนจะจากไป
………………………………………………………………………………………………………………………………………..
เอาละค่ะ มาลองรับฟังบทกวีของคุณฟิลกัน แนะนำให้เปิดฟัง จะซาบซึ้งมากๆเลยค่ะ
............................................................................................................................................
My grandmother’s ballroom
My grandmother's mind was a ballroom.
Inside were her memories.
Each one dressed for a celebration.
ในหัวของย่าผมเป็นเหมือนกับห้องบอลรูม
ภายในนั้นเต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย
ซึ่งแต่งตัวเต็มยศเพื่อไปงานเลี้ยงฉลอง
The man there on the white blazer was the memory on her wedding day-
he never stops dancing.
That memory there in a long purple dress staring out the window,
the day my father left for college.
That memory there hunched over food the day she got her first cavity filled.
My grandmother’s ballroom- always in motion.
My grandmother used to tell me stories.
Phillip remember the time you and I made strawberry jam?
I pretend I don't so I can hear it again.
Well, you were eight years old
ผู้ชายในเสื้อเบลเซอร์ขาวตรงโน้นคือความทรงจำในวันแต่งงานของย่า
ความทรงจำตรงโน้นในชุดยาวสีม่วงที่กำลังมองจ้องออกไปนอกหน้าต่าง
นั่นคือวันที่พ่อของผมออกจากบ้านไปเรียนมหาวิทยาลัย
ความทรงจำตรงนั้นที่โน้มตัวไปกินอาหารคือวันที่ย่าอุดฟันเป็นครั้งแรก
ห้องบอลรูมของย่า ไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว
ย่าเคยเล่าเรื่องต่างๆให้ผมฟัง
‘ฟิลลิป จำตอนที่หลานกับย่าช่วยกันทำแยมสตรอเบอร์รี่ได้ไหม’
ผมแกล้งทำเป็นจำไม่ได้เพื่อที่จะได้ยินมันอีกครั้ง
‘ตอนนั้นน่ะนะ หลานอายุแปดขวบ’
Inside my grandmother’s ballroom, a woman in a red gown, mistletoe eyebrows,
clears her throat carefully kissed fork to wine glass, tells a story of a boy and his grandmother…
how they picked out the reddest strawberries in the store
how they ate so much jam until it was summer again.
each time the boy thinking my Nama and I made this.
ในห้องบอลรูมของย่า มีผู้หญิงในชุดราตรีสีแดง คิ้วดกหนา กระแอมไล่เสียงในลำคอ
ก่อนจะค่อยๆบรรจงเคาะส้อมกับแก้วไวน์แล้วเล่าเรื่องของเด็กชายกับย่าของเขา
ว่าพวกเขากินแยมมากขนาดไหนจนกระทั่งฤดูร้อนเวียนมาถึงอีกครั้ง
และทุกครั้งเด็กชายผู้นั้นก็จะคิดว่านี่มันเป็นแยมที่เขากับย่าจ๋าทำด้วยกันนะ
It happened slowly at first.
There are things you can forget, and no one misses.
Philip, where did you park the car?
What was the soup of the day again?
I thought the movie started at eight.
มันค่อยๆเกิดขึ้นอย่างช้าๆในตอนแรก
มีหลายสิ่งที่คุณอาจลืมไปได้และไม่มีใครคิดถึง
‘ฟิลลิป หลานจอดรถที่ไหนนะ’
‘ซุปประจำวันคืออะไรนะ บอกอีกทีซิ’
‘ย่าคิดว่าหนังเริ่มตอนสองทุ่มซะอีก’
Inside my grandmother’s ballroom, jubilant chaos
Her memories drunk on a wine they have never tasted before
A cancer no one understood
Philip, what was your father’s phone number?
We went to Hawaii together?
It’s your birthday?
Her memory is slurring their words.
Staggering across the dance floor, lifting their wine glasses for more.
What day is it? Why am I in the hospital?
Where is my hair?
ในห้องบอลรูมของย่าในตอนนี้คือความโกลาหลที่ปิติบันเทิง
ความทรงจำของย่าพากันดื่มไวน์ที่พวกเขาไม่เคยดื่ม
มันคือเนื้อร้ายที่ไม่ใครเข้าใจ
‘ฟิลลิป เบอร์โทรพ่อของหลานคืออะไรนะ’
‘เราเคยไปฮาวายด้วยกันเหรอ’
‘วันเกิดหลานเหรอ’
ความทรงจำของย่าพากันลิ้นพันกันไปหมด
พวกนั้นต่างเดินโซเซไปมาเต็มฟลอร์เต้นรำ บ้างก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมาขอเพิ่ม
‘วันนี้วันอะไร ทำไมย่าอยู่ในโรงพยาบาลล่ะ’
‘ผมของย่าหายไปไหน’
The last time I got to see her, she could not speak, eyes closed.
Nama, it’s me Phil. Remember the time you and I made strawberry jam?
No? Well, let me tell you
And my grandmother, silently in bed, squeezes my hand
Somewhere a woman in a red dress, feet blistered still dancing, taken by the music.
ครั้งสุดท้ายที่ผมได้เจอย่า ย่าพูดไม่ได้แล้ว ดวงตาปิดอยู่
‘ย่าจ๋า นี่ผมเอง ฟิลไง จำได้ไหมตอนที่เราทำแยมสตรอเบอร์รี่กัน
จำไม่ได้เหรอ งั้นเดี๋ยวผมเล่าให้ฟังนะ’
และย่าของผมผู้ที่นอนนิ่งบนเตียง บีบมือผม
ณ ที่ใดที่หนึ่ง หญิงในชุดแดงคนนั้น ถึงแม้ว่าเท้าจะเป็นแผลพองแล้วก็ยังคงเต้นรำอยู่ เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงดนตรี
...............................................................................................................................................................................
มีใครมีประสบการณ์ หรือเรื่องฝังใจเกี่ยวกับคุณพ่อ คุณแม่ หรือญาติผู้ใหญ่ที่ค่อยๆจากเราไป
เพราะความทรงจำของท่านกำลังเต้นรำอยู่ในงานบอลรูมไหมคะ อยากฟังเรื่องของทุกคนมั่งจัง
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ แล้วพบกันใหม่คราวหน้าค่ะ
กระทู้เก่าก่อนของจขกท
จากฟิลิปปินส์สู่อเมริกา เรื่องของ"ทาส" ในยุคปัจจุบัน (เรื่องเแปลจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริง)
https://ppantip.com/topic/36577146
หญิงสาวผู้ทะยานไปกับหมาป่า-- เรื่องราวจากทุ่งหญ้าทิเบต
https://ppantip.com/topic/33321273
หนึ่งร่าง หลากตัวตน- ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายของ คิม โนเบิล
https://ppantip.com/topic/31043095
(แปล) "ในหัวของย่าผมคือห้องบอลรูม" บทกวีซึ้งๆ ถึงผู้สูงอายุผู้มีความทรงจำบกพร่อง
ช่วงที่ผ่านมาจขกท งานยุ่งมากจริงๆ กำลังเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตเลยทีเดียว
เลยไม่มีโอกาสนำเรื่องที่สนใจและที่อยากแปลมาเล่าสู่กันฟัง ไม่รู้มีใครคิดถึงกันรึป่าว
หากมีข้อผิดพลาดตรงไหน ต้องขออภัยด้วยนะคะ
จริงๆแล้วช่วงนี้ก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ แต่บังเอิญไปเจอบทกวีบทหนึ่งสั้นๆ
ที่พอได้ยินครั้งแรกถึงกับต้องหลั่งน้ำตาเลยอยากเอามาแบ่งปันกันค่ะ
ที่หยิบยกมาแปลวันนี้ เป็นบทกวีของคุณ Phil Kaye ชื่อเรื่อง my grandmother’s ballroom
ที่นำมาจาก https://buttonpoetry.com/phil-kaye-my-grandmothers-ballroom/
กวีเล่าถึงคุณย่าของเขา กับความทรงจำในหัวของคุณย่าที่ราวกับอยู่ในงานเลี้ยงบอลรูม
จขกทซื้อหนังสือรวมเล่มฉบับอีบุ๊คของคุณฟิลแล้ว เรื่อง date & time
(มีบทกวีที่ชอบหลายเรื่องเลยค่ะ ใครสนใจสั่งซื้อได้ที่นี่นะคะ
https://buttonpoetry.com/product/date-time/)
พบว่าบทกวีที่คุณฟิลอ่าน กับเวอร์ชั่นรวมเล่มมีข้อแตกต่างกันอยู่บ้างเล็กน้อยในรายละเอียด
แต่เพื่อไม่ให้ผิดลิขสิทธิ์จึงขออนุญาตลงแบบที่ถอดมาจากในวีดีโอนะคะ จะไม่เหมือนกับในหนังสือเป๊ะๆ
https://youtu.be/Z031zWfI5os?list=PLC5PJtWBigV2YL8Ewj9Zb8_x8JDX69wYj
เกริ่นนำ
ครั้งแรกที่จขกทได้ฟังคุณPhil อ่านจนจบ ถึงกับน้ำตาไหลเลยนะคะ
ทั้งที่ประสบการณ์เกี่ยวกับคุณยายคุณย่าของจขกทไม่ได้ใกล้เคียงกับบทกวีนี้เลย
จขกทสนิทกับครอบครัวทางฝั่งแม่มากกว่า และผู้สูงอายุทั้งหลายทางฝั่งนั้นล้วนเป็นผู้ที่มีความทรงจำดีทุกคน
ไม่มีใครมีประวัติอาการหลงลืมในวัยชราหรือเป็นอัลไซเมอร์เลยแม้แต่คุณตาคุณยายของจขกทเอง
ก่อนที่ท่านจะจากไปก็มีความทรงจำที่แจ่มใส เล่าเรื่องในอดีตได้เป็นฉากๆ เป็นผู้สูงอายุที่สมองและความจำดีมากๆเลยล่ะค่ะ
แต่สิ่งที่บทกวีนี้ทำให้จขกท นึกถึงคุณยายก็เพราะว่า ก่อนที่ท่านจะจากไป จากคุณยายที่เคยแข็งแรงทำนั่นทำนี่มาตลอดชีวิต
ต้องกลายมาเป็นผู้ป่วยติดเตียง ลูกหลานต้องทนเห็นท่านอ่อนแรงไปทีละนิด
แววตาที่เคยสดใสจะมีประกายขึ้นมาได้ก็ตอนที่หลานๆมาหาเท่านั้น
คุณยายยังเป็นคุณยายคนเดิม แต่ข้างในของท่านค่อยๆถอยห่างออกไปทุกทีจนถึงจุดหนึ่งท่านก็ไม่พูดอีกแล้ว
แต่ถึงจะมีแรงเหลือน้อยนิด ท่านก็พยายามยิ้มให้ลูกหลานทุกครั้งที่เราไปหาท่านที่ข้างเตียง
คุณยายที่รักสวยรักงาม ฉลาดเฉลียว เก่งการค้าจนสร้างฐานะมาให้ลูกหลานอยู่สุขสบายเป็นที่เคารพรักใคร่ของชาวบ้าน
คุณยายที่เป็นหญิงแกร่งทั้งงานภายในภายนอกบ้าน คุมคนได้ ทั้งยังมีฝีมือทำอาหารหาตัวจับยาก
คุณยายที่พาหลานไปวัด ไหว้พระสวดมนต์ สอนแต่สิ่งที่ดีๆ
คุณยายที่สั่งให้คนตัดต้นสนมังกรที่ปลูกตามแนวกำแพงบ้านปีละต้น จนแทบไม่เหลือ เพียงเพราะหลานอยากได้ต้นคริสต์มาส
พอถึงสุดท้ายแล้ว คุณยายคนดีคนงามผู้นั้น กลับล่องลอยหายไปในร่างของหญิงชราที่นอนติดกับเตียง
ไม่มีใครรู้เลยว่า ความทรงจำงดงามของคุณยายอันไหนกันที่หล่อเลี้ยงหัวใจของคุณยายไว้ก่อนจะจากไป
………………………………………………………………………………………………………………………………………..
เอาละค่ะ มาลองรับฟังบทกวีของคุณฟิลกัน แนะนำให้เปิดฟัง จะซาบซึ้งมากๆเลยค่ะ
............................................................................................................................................
My grandmother’s ballroom
My grandmother's mind was a ballroom.
Inside were her memories.
Each one dressed for a celebration.
ในหัวของย่าผมเป็นเหมือนกับห้องบอลรูม
ภายในนั้นเต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย
ซึ่งแต่งตัวเต็มยศเพื่อไปงานเลี้ยงฉลอง
The man there on the white blazer was the memory on her wedding day-
he never stops dancing.
That memory there in a long purple dress staring out the window,
the day my father left for college.
That memory there hunched over food the day she got her first cavity filled.
My grandmother’s ballroom- always in motion.
My grandmother used to tell me stories.
Phillip remember the time you and I made strawberry jam?
I pretend I don't so I can hear it again.
Well, you were eight years old
ผู้ชายในเสื้อเบลเซอร์ขาวตรงโน้นคือความทรงจำในวันแต่งงานของย่า
ความทรงจำตรงโน้นในชุดยาวสีม่วงที่กำลังมองจ้องออกไปนอกหน้าต่าง
นั่นคือวันที่พ่อของผมออกจากบ้านไปเรียนมหาวิทยาลัย
ความทรงจำตรงนั้นที่โน้มตัวไปกินอาหารคือวันที่ย่าอุดฟันเป็นครั้งแรก
ห้องบอลรูมของย่า ไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว
ย่าเคยเล่าเรื่องต่างๆให้ผมฟัง
‘ฟิลลิป จำตอนที่หลานกับย่าช่วยกันทำแยมสตรอเบอร์รี่ได้ไหม’
ผมแกล้งทำเป็นจำไม่ได้เพื่อที่จะได้ยินมันอีกครั้ง
‘ตอนนั้นน่ะนะ หลานอายุแปดขวบ’
Inside my grandmother’s ballroom, a woman in a red gown, mistletoe eyebrows,
clears her throat carefully kissed fork to wine glass, tells a story of a boy and his grandmother…
how they picked out the reddest strawberries in the store
how they ate so much jam until it was summer again.
each time the boy thinking my Nama and I made this.
ในห้องบอลรูมของย่า มีผู้หญิงในชุดราตรีสีแดง คิ้วดกหนา กระแอมไล่เสียงในลำคอ
ก่อนจะค่อยๆบรรจงเคาะส้อมกับแก้วไวน์แล้วเล่าเรื่องของเด็กชายกับย่าของเขา
ว่าพวกเขากินแยมมากขนาดไหนจนกระทั่งฤดูร้อนเวียนมาถึงอีกครั้ง
และทุกครั้งเด็กชายผู้นั้นก็จะคิดว่านี่มันเป็นแยมที่เขากับย่าจ๋าทำด้วยกันนะ
It happened slowly at first.
There are things you can forget, and no one misses.
Philip, where did you park the car?
What was the soup of the day again?
I thought the movie started at eight.
มันค่อยๆเกิดขึ้นอย่างช้าๆในตอนแรก
มีหลายสิ่งที่คุณอาจลืมไปได้และไม่มีใครคิดถึง
‘ฟิลลิป หลานจอดรถที่ไหนนะ’
‘ซุปประจำวันคืออะไรนะ บอกอีกทีซิ’
‘ย่าคิดว่าหนังเริ่มตอนสองทุ่มซะอีก’
Inside my grandmother’s ballroom, jubilant chaos
Her memories drunk on a wine they have never tasted before
A cancer no one understood
Philip, what was your father’s phone number?
We went to Hawaii together?
It’s your birthday?
Her memory is slurring their words.
Staggering across the dance floor, lifting their wine glasses for more.
What day is it? Why am I in the hospital?
Where is my hair?
ในห้องบอลรูมของย่าในตอนนี้คือความโกลาหลที่ปิติบันเทิง
ความทรงจำของย่าพากันดื่มไวน์ที่พวกเขาไม่เคยดื่ม
มันคือเนื้อร้ายที่ไม่ใครเข้าใจ
‘ฟิลลิป เบอร์โทรพ่อของหลานคืออะไรนะ’
‘เราเคยไปฮาวายด้วยกันเหรอ’
‘วันเกิดหลานเหรอ’
ความทรงจำของย่าพากันลิ้นพันกันไปหมด
พวกนั้นต่างเดินโซเซไปมาเต็มฟลอร์เต้นรำ บ้างก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมาขอเพิ่ม
‘วันนี้วันอะไร ทำไมย่าอยู่ในโรงพยาบาลล่ะ’
‘ผมของย่าหายไปไหน’
The last time I got to see her, she could not speak, eyes closed.
Nama, it’s me Phil. Remember the time you and I made strawberry jam?
No? Well, let me tell you
And my grandmother, silently in bed, squeezes my hand
Somewhere a woman in a red dress, feet blistered still dancing, taken by the music.
ครั้งสุดท้ายที่ผมได้เจอย่า ย่าพูดไม่ได้แล้ว ดวงตาปิดอยู่
‘ย่าจ๋า นี่ผมเอง ฟิลไง จำได้ไหมตอนที่เราทำแยมสตรอเบอร์รี่กัน
จำไม่ได้เหรอ งั้นเดี๋ยวผมเล่าให้ฟังนะ’
และย่าของผมผู้ที่นอนนิ่งบนเตียง บีบมือผม
ณ ที่ใดที่หนึ่ง หญิงในชุดแดงคนนั้น ถึงแม้ว่าเท้าจะเป็นแผลพองแล้วก็ยังคงเต้นรำอยู่ เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงดนตรี
...............................................................................................................................................................................
มีใครมีประสบการณ์ หรือเรื่องฝังใจเกี่ยวกับคุณพ่อ คุณแม่ หรือญาติผู้ใหญ่ที่ค่อยๆจากเราไป
เพราะความทรงจำของท่านกำลังเต้นรำอยู่ในงานบอลรูมไหมคะ อยากฟังเรื่องของทุกคนมั่งจัง
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ แล้วพบกันใหม่คราวหน้าค่ะ
กระทู้เก่าก่อนของจขกท
จากฟิลิปปินส์สู่อเมริกา เรื่องของ"ทาส" ในยุคปัจจุบัน (เรื่องเแปลจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริง)
https://ppantip.com/topic/36577146
หญิงสาวผู้ทะยานไปกับหมาป่า-- เรื่องราวจากทุ่งหญ้าทิเบต
https://ppantip.com/topic/33321273
หนึ่งร่าง หลากตัวตน- ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายของ คิม โนเบิล
https://ppantip.com/topic/31043095