สวัสดีค่ะ ตามหัวข้อกระทู้เลยนะคะ แต่เราขอเกริ่นความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อนคนนี้ก่อนนะคะ
เรื่องระหว่างเรากับเพื่อนคนนี้(ขอแทนชื่อเพื่อนว่าเอนะคะ) บอกก่อนนะคะว่าเรากับเพื่อนคนนี้ไม่เคยทะเลาะกันเรื่องหนักหนาอะไรมากมาย ไม่เคยทะเลาะกันแย่งผู้ชายอะไรเลย เราสองคนเป็นเพื่อนกับตั้งแต่ม.1เลยค่ะ ตอนแรกไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ด้วยกลุ่มตอนม.1ของเอมีสามคน สนิทกันอยู่แค่ 2 คนเอเลยมาอยู่กับเราค่ะ พอมาเรื่อยๆก็มีคนมาเพิ่มบ้างออกไปบ้าง จนกระทั่งม.1 เทอม 2 มีเพื่อนในห้องเข้ามาอยู่กับเราสองคน(ขอแทนให้ชื่อบีกับซีนะคะ) ตอนนั้นมันเร็วมากๆเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน 4 คน จนซีที่ชอบบังคับบีทำนู่นทำนี่ให้ แต่ซีเป็นคนดีคนหนึ่งที่ชอบเตือนให้เพื่อนทำงานหรือลืมทำการบ้านค่ะ แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเราสนิทกับเอ และบีก็สนิทกับซี ซีก็ชอบให้บีทำนู่นนี่ให้เอเลยไม่พอใจไล่ซีออกจากกลุ่มไปตอนเช้า เรางงมากค่ะตอนนั้นแต่เราก็ยังคุยกับซีเหมือนเดิมแต่อีกสองคนเหมือนจะมองหน้าซีไม่ติดกันไปเลย ต่อจากนั้นเหมือนเอกับบีคุยกันถูกคอกันมากๆส่วนเราก็เป็นคนไม่ค่อยพูดถ้าเราไม่มีเรื่องจะพูดหรือไม่ใช่เรื่องของเราเราจะไม่ยุ่งเลยค่ะ มีเวลาเขาคุยกันสองคนเราก็ำด้แค่นั่งฟังเงียบๆตอบบ้างเวลาเขาถาม แต่ไม่ได้ถามคำตอบคำนะคะอันไหนที่เราคุยได้เราก็คุยกับเขา เรายอมรับค่ะว่าเราเป็นคนที่ค่อนข้างขี้น้อยใจมาก นิ่งบีเข้ามาสนิทกับเพื่อนสนิทที่สุดของเราทำให้เราเป็นเหมือนส่วนเกิน พอเราน้อยใจหรือโกรธเราก็จะนิ่งค่ะ ถามคำตอบคำไปเลยต่างจากตอนที่เราปกติแบบสุดๆ เราก็ทนเป็นส่วนเกินของเขามาจนม.2 เทอม2 หนึ่งเทอมเต็มที่เขาสนิทกันสองคน ด้วยความที่เราไม่ค่อยพูดและไม่กล้าเลยได้แค่นั่งเงียบๆค่ะ ตอนก่อนเปิดเทอม2 บีโทรมาหาเราว่าขอนั่งกับเอเพราะตลอดหนึ่งเทอมบีนั่งคนเดียวบ้างนั่งกับแฟนบ้าง(คบกันตั้งแต่ม.1ค่ะ อยู่ห้องเดียวกัน)ตอนนั้นเรานั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในห้องเราทรมานมาก ตอนนั้นคิดเผื่อๆไว้ว่าอยากไปอยู่กับซี จนกระทั่งตอนเช้าที่โฮมรูมบีเป็นคนขอนั่งกับแฟน เอเลยต้องมานั่งกับเราข้างหลัง ครูประจำชั้นเราตอนนั้นเป็นคนหัวโบราณถึงจะรู้ว่าบีกับแฟนคบกัน แต่ก็ดุบีกับแฟนว่าทำไมนั่งด้วยกัน บีก็เลยพาลโมโหใส่เอว่าทำไมไม่เตือน จนเอก็โมโหเลยเราทุกอย่างให้เราฟังว่าบีเคยด่าเราลับหลังยังไง และเอก็เล่าว่าบีเป็นคนสแปมเฟสเรา ตอนนั้นเราร้องไห้จนเพื่อนในห้องงง เราเสียใจมากที่บีพูดลับหลังเรา ด่าเรากับเอ แล้วเอก็พาเรามาห้องน้ำ เราเล่าให้เอฟังว่าบีก็เคยนินทาเอให้เราฟัง ตอนนั้นเราไม่อยากเล่เพราะกลัวว่าจะทะเลากันเปล่าๆ หลังจากตอนนั้นเรากับเอก็สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ เผยตัวตนที่แท้จริงกันมากขึ้น เลยทำให้เราคุยกันได้ทุกเรื่อง ส่วนบีกลายเป็นคนไม่ดีสำหรับเราสองคนไปแล้ว
แต่มีเรื่องหนึ่งที่เราไม่ชอบในตัวเอ นั่นก็คือเรื่องพูดทับถมเราไม่รู้ว่าจะพูดยังไง เวลาที่มีสอบเก็บคะแนนเอก็จะพูดกับเราทุกครั้งว่า "ผ่านแน่เลย แต่กูตกแน่ๆ" พูดแบบนี้ทุกครั้ง พอมันเป็นเรื่องจริงเอก็จะซึมไปแปปนึง แต่ถ้ากลับกันเอก็จะบอกประมาณว่าทำมั่วๆ เรารู้มาตลอดว่าเออยากได้คะแนนดีกว่าแต่เราก็ได้แค่พูดตอบกลับนิดๆหน่อยๆไม่ได้ว่าอะไร และก็เรื่องการพูดถึงครอบครัวของเอ เอเป็นคนที่ให้คำปรึกษาที่ดีมากเหมือนกับแม่ของเอ เอชอบพูดถึงความสัมพันธ์ครอบครัวตัวเอง พ่อได้เงินเดือนเท่านี้ ส่วนแม่ไม่ต้องทำงาน เราฟังที่เอเล่าบ่อยๆจนรู้สึกว่าครอบครัวตัวเองมีปัญหาไปเลยอ่ะค่ะ จนม.3 ตอนนั้นก็เริ่มจับกลุ่มกับเพื่อนในห้องมากขึ้นเรื่อยๆจนมีทั้งหมด 9 คน รวมบีด้วยเพราะบีเป็นคนที่เพื่อนในห้องไม่ชอบที่สุดเลยติดบ่วงอยู่กับเราเรื่อยมา เรากับเพื่อนชื่อดี(ขอแทนชื่อ) เริ่มคุยกันถูกคอเพราะติ่งกัซเหมือนกัน ส่วนบีก็คุยกับเพื่อนในกลุ่มคนอื่นปกติ
จนกระทั่งขึ้นม.4 เราได้อยู่ห้องเดียวกับเอตอนนั้นเราดีใจมากโทรบอกเอด้วย แต่เสียงตอนนั้นของเอก็แค่แบบ หรอ เออๆ ต่างจากเราที่ดีใจมาก แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรมากถึงจะตงิดๆอยู่บ้าง ตอนเปิดเทอมเราก็มีคนในกลุ่มทั้งหมด 6 คนมีผญ.4 ผช.2 ตอนนั้นเรากับเอฟ(แทนอีกล่ะ) ก็คุยกันถูกคอดี ส่วนเอก็เริ่มคุยกับเราน้อยลงเวลามีการบ้าน ในแต่ละวันเราก็จะถามบนรถว่าวันนี้มีการบ้านไรบ้างนะ เอก็ตอบแค่ไม่รู้และคุยกับดร่น้อยลง เราก็เลยน้อยใจบ้างเลยประชดด้วยการคุยแต่กับเพื่อนที่เหลือแต่ไม่ใช่ไม่คุยกับเอเลย เราถามนู่นนี่กับเอตลอดแต่ก็ตอบแค่อืม อือ เราเป็นคนเซ้นต์แรงค่ะ รู้สึกว่าเรากับเอต้องมีเรื่องแตกหักแน่ๆ ซึ่งเราเป็นให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนทุกคนมากๆ เวลาใครที่หลุดออกจากวงสนทนาเราก็จะลากให้เข้ามาคุยด้วยกัน เวลาเดินด้วยกันใครหลุดไปข้างหลังเราก็จะไปเดินข้างๆไม่ให้รู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนเราแต่ก่อน เพราะเรารู้ดีว่าความรู้สึกนั่นเป็นยังไง
วันหนึ่งเอก็เริ่มไปออกจากห้องเร็วขึ้นและไปเดินกลับเพื่อนกลุ่มอื่น เราก็ไม่ได้อะไรแค่รีบเก็บของแล้วเดินตามไป วันนั้นก่อนพักเที่ยงเอก็มาขอออกจากกลุ่มซึ่งตอนนั้นเราทำอะไรไม่ถูกถึงจะคิดๆมาบ้างแล้วแต่มันก็จุกแปลกๆ เรายังไม่ตอบเอก็เดินออกไปเลยก กลางวันนั้นเราไม่ได้กินข้าวเลย เราร้องไห้กลางโรงอาหารเพื่อนๆทั้งญ,ช ก็ปลอบเราตอนนั้นความรู้สึกเราก็ดีขึ้นมาหน่อยเพราะเพื่อนที่คอยปลอบ
ตอนนั้นเราก็ไม่ไปนั่งกับเพื่อนเก่ากลุ่มใหญ่ ไม่รู้ว่าเอพูดอะไรกับเพื่อนเก่าในกลุ่ม ทุกคนไม่คุยกับเราเลยค่ะ และตอนนี้เหมือนกับเอก็จะพยายามทำตัวสนิทกับเพื่อนคนอื่นๆในห้องคนที่เรียนเก่งๆ หรือมีหน้าที่ในห้องอะไรทำนองนี้ค่ะ เอบอกกับเราบ่อยๆว่ารักอนาคตตัวเองมาก เอทำทุกอย่างเพื่อให้เกรดดีขึ้น ไม่ว่าจะไปสนิทกับเด็กเก่งในห้อง จับกลุ่มด้วยกัน ทำทุกอย่างเพื่ออนาคตจนไม่นึกถึงจิตใจของเรา
ตอนนี้เอพยายามสนิทกับทุกคนในห้องยกเว้นเรา ตอนไปซ้อมเต้นแข่งกีฬาสีเอก็ไปอยู่กับเพื่อนๆที่เขาพยายามสนิทด้วย ส่วนเราก็มาซ้อมคนเดียวเพราะเพื่อนสนิทเราคนนึงเป็นหลีดอีกคนเรียนพิเศษ บางทีเราก็เหมือนโดนเอกดขี่อยู่ค่ะตอนนี้
เราควรทำไงกับเพื่อนคนนี้ดีคะ?
มีเพื่อนแบบนี้ ทำยังไงดีคะ?
เรื่องระหว่างเรากับเพื่อนคนนี้(ขอแทนชื่อเพื่อนว่าเอนะคะ) บอกก่อนนะคะว่าเรากับเพื่อนคนนี้ไม่เคยทะเลาะกันเรื่องหนักหนาอะไรมากมาย ไม่เคยทะเลาะกันแย่งผู้ชายอะไรเลย เราสองคนเป็นเพื่อนกับตั้งแต่ม.1เลยค่ะ ตอนแรกไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ด้วยกลุ่มตอนม.1ของเอมีสามคน สนิทกันอยู่แค่ 2 คนเอเลยมาอยู่กับเราค่ะ พอมาเรื่อยๆก็มีคนมาเพิ่มบ้างออกไปบ้าง จนกระทั่งม.1 เทอม 2 มีเพื่อนในห้องเข้ามาอยู่กับเราสองคน(ขอแทนให้ชื่อบีกับซีนะคะ) ตอนนั้นมันเร็วมากๆเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน 4 คน จนซีที่ชอบบังคับบีทำนู่นทำนี่ให้ แต่ซีเป็นคนดีคนหนึ่งที่ชอบเตือนให้เพื่อนทำงานหรือลืมทำการบ้านค่ะ แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเราสนิทกับเอ และบีก็สนิทกับซี ซีก็ชอบให้บีทำนู่นนี่ให้เอเลยไม่พอใจไล่ซีออกจากกลุ่มไปตอนเช้า เรางงมากค่ะตอนนั้นแต่เราก็ยังคุยกับซีเหมือนเดิมแต่อีกสองคนเหมือนจะมองหน้าซีไม่ติดกันไปเลย ต่อจากนั้นเหมือนเอกับบีคุยกันถูกคอกันมากๆส่วนเราก็เป็นคนไม่ค่อยพูดถ้าเราไม่มีเรื่องจะพูดหรือไม่ใช่เรื่องของเราเราจะไม่ยุ่งเลยค่ะ มีเวลาเขาคุยกันสองคนเราก็ำด้แค่นั่งฟังเงียบๆตอบบ้างเวลาเขาถาม แต่ไม่ได้ถามคำตอบคำนะคะอันไหนที่เราคุยได้เราก็คุยกับเขา เรายอมรับค่ะว่าเราเป็นคนที่ค่อนข้างขี้น้อยใจมาก นิ่งบีเข้ามาสนิทกับเพื่อนสนิทที่สุดของเราทำให้เราเป็นเหมือนส่วนเกิน พอเราน้อยใจหรือโกรธเราก็จะนิ่งค่ะ ถามคำตอบคำไปเลยต่างจากตอนที่เราปกติแบบสุดๆ เราก็ทนเป็นส่วนเกินของเขามาจนม.2 เทอม2 หนึ่งเทอมเต็มที่เขาสนิทกันสองคน ด้วยความที่เราไม่ค่อยพูดและไม่กล้าเลยได้แค่นั่งเงียบๆค่ะ ตอนก่อนเปิดเทอม2 บีโทรมาหาเราว่าขอนั่งกับเอเพราะตลอดหนึ่งเทอมบีนั่งคนเดียวบ้างนั่งกับแฟนบ้าง(คบกันตั้งแต่ม.1ค่ะ อยู่ห้องเดียวกัน)ตอนนั้นเรานั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในห้องเราทรมานมาก ตอนนั้นคิดเผื่อๆไว้ว่าอยากไปอยู่กับซี จนกระทั่งตอนเช้าที่โฮมรูมบีเป็นคนขอนั่งกับแฟน เอเลยต้องมานั่งกับเราข้างหลัง ครูประจำชั้นเราตอนนั้นเป็นคนหัวโบราณถึงจะรู้ว่าบีกับแฟนคบกัน แต่ก็ดุบีกับแฟนว่าทำไมนั่งด้วยกัน บีก็เลยพาลโมโหใส่เอว่าทำไมไม่เตือน จนเอก็โมโหเลยเราทุกอย่างให้เราฟังว่าบีเคยด่าเราลับหลังยังไง และเอก็เล่าว่าบีเป็นคนสแปมเฟสเรา ตอนนั้นเราร้องไห้จนเพื่อนในห้องงง เราเสียใจมากที่บีพูดลับหลังเรา ด่าเรากับเอ แล้วเอก็พาเรามาห้องน้ำ เราเล่าให้เอฟังว่าบีก็เคยนินทาเอให้เราฟัง ตอนนั้นเราไม่อยากเล่เพราะกลัวว่าจะทะเลากันเปล่าๆ หลังจากตอนนั้นเรากับเอก็สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ เผยตัวตนที่แท้จริงกันมากขึ้น เลยทำให้เราคุยกันได้ทุกเรื่อง ส่วนบีกลายเป็นคนไม่ดีสำหรับเราสองคนไปแล้ว
แต่มีเรื่องหนึ่งที่เราไม่ชอบในตัวเอ นั่นก็คือเรื่องพูดทับถมเราไม่รู้ว่าจะพูดยังไง เวลาที่มีสอบเก็บคะแนนเอก็จะพูดกับเราทุกครั้งว่า "ผ่านแน่เลย แต่กูตกแน่ๆ" พูดแบบนี้ทุกครั้ง พอมันเป็นเรื่องจริงเอก็จะซึมไปแปปนึง แต่ถ้ากลับกันเอก็จะบอกประมาณว่าทำมั่วๆ เรารู้มาตลอดว่าเออยากได้คะแนนดีกว่าแต่เราก็ได้แค่พูดตอบกลับนิดๆหน่อยๆไม่ได้ว่าอะไร และก็เรื่องการพูดถึงครอบครัวของเอ เอเป็นคนที่ให้คำปรึกษาที่ดีมากเหมือนกับแม่ของเอ เอชอบพูดถึงความสัมพันธ์ครอบครัวตัวเอง พ่อได้เงินเดือนเท่านี้ ส่วนแม่ไม่ต้องทำงาน เราฟังที่เอเล่าบ่อยๆจนรู้สึกว่าครอบครัวตัวเองมีปัญหาไปเลยอ่ะค่ะ จนม.3 ตอนนั้นก็เริ่มจับกลุ่มกับเพื่อนในห้องมากขึ้นเรื่อยๆจนมีทั้งหมด 9 คน รวมบีด้วยเพราะบีเป็นคนที่เพื่อนในห้องไม่ชอบที่สุดเลยติดบ่วงอยู่กับเราเรื่อยมา เรากับเพื่อนชื่อดี(ขอแทนชื่อ) เริ่มคุยกันถูกคอเพราะติ่งกัซเหมือนกัน ส่วนบีก็คุยกับเพื่อนในกลุ่มคนอื่นปกติ
จนกระทั่งขึ้นม.4 เราได้อยู่ห้องเดียวกับเอตอนนั้นเราดีใจมากโทรบอกเอด้วย แต่เสียงตอนนั้นของเอก็แค่แบบ หรอ เออๆ ต่างจากเราที่ดีใจมาก แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรมากถึงจะตงิดๆอยู่บ้าง ตอนเปิดเทอมเราก็มีคนในกลุ่มทั้งหมด 6 คนมีผญ.4 ผช.2 ตอนนั้นเรากับเอฟ(แทนอีกล่ะ) ก็คุยกันถูกคอดี ส่วนเอก็เริ่มคุยกับเราน้อยลงเวลามีการบ้าน ในแต่ละวันเราก็จะถามบนรถว่าวันนี้มีการบ้านไรบ้างนะ เอก็ตอบแค่ไม่รู้และคุยกับดร่น้อยลง เราก็เลยน้อยใจบ้างเลยประชดด้วยการคุยแต่กับเพื่อนที่เหลือแต่ไม่ใช่ไม่คุยกับเอเลย เราถามนู่นนี่กับเอตลอดแต่ก็ตอบแค่อืม อือ เราเป็นคนเซ้นต์แรงค่ะ รู้สึกว่าเรากับเอต้องมีเรื่องแตกหักแน่ๆ ซึ่งเราเป็นให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนทุกคนมากๆ เวลาใครที่หลุดออกจากวงสนทนาเราก็จะลากให้เข้ามาคุยด้วยกัน เวลาเดินด้วยกันใครหลุดไปข้างหลังเราก็จะไปเดินข้างๆไม่ให้รู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนเราแต่ก่อน เพราะเรารู้ดีว่าความรู้สึกนั่นเป็นยังไง
วันหนึ่งเอก็เริ่มไปออกจากห้องเร็วขึ้นและไปเดินกลับเพื่อนกลุ่มอื่น เราก็ไม่ได้อะไรแค่รีบเก็บของแล้วเดินตามไป วันนั้นก่อนพักเที่ยงเอก็มาขอออกจากกลุ่มซึ่งตอนนั้นเราทำอะไรไม่ถูกถึงจะคิดๆมาบ้างแล้วแต่มันก็จุกแปลกๆ เรายังไม่ตอบเอก็เดินออกไปเลยก กลางวันนั้นเราไม่ได้กินข้าวเลย เราร้องไห้กลางโรงอาหารเพื่อนๆทั้งญ,ช ก็ปลอบเราตอนนั้นความรู้สึกเราก็ดีขึ้นมาหน่อยเพราะเพื่อนที่คอยปลอบ
ตอนนั้นเราก็ไม่ไปนั่งกับเพื่อนเก่ากลุ่มใหญ่ ไม่รู้ว่าเอพูดอะไรกับเพื่อนเก่าในกลุ่ม ทุกคนไม่คุยกับเราเลยค่ะ และตอนนี้เหมือนกับเอก็จะพยายามทำตัวสนิทกับเพื่อนคนอื่นๆในห้องคนที่เรียนเก่งๆ หรือมีหน้าที่ในห้องอะไรทำนองนี้ค่ะ เอบอกกับเราบ่อยๆว่ารักอนาคตตัวเองมาก เอทำทุกอย่างเพื่อให้เกรดดีขึ้น ไม่ว่าจะไปสนิทกับเด็กเก่งในห้อง จับกลุ่มด้วยกัน ทำทุกอย่างเพื่ออนาคตจนไม่นึกถึงจิตใจของเรา
ตอนนี้เอพยายามสนิทกับทุกคนในห้องยกเว้นเรา ตอนไปซ้อมเต้นแข่งกีฬาสีเอก็ไปอยู่กับเพื่อนๆที่เขาพยายามสนิทด้วย ส่วนเราก็มาซ้อมคนเดียวเพราะเพื่อนสนิทเราคนนึงเป็นหลีดอีกคนเรียนพิเศษ บางทีเราก็เหมือนโดนเอกดขี่อยู่ค่ะตอนนี้
เราควรทำไงกับเพื่อนคนนี้ดีคะ?