สกัดกาแฟไว้ดื่มที่บ้านด้วย Cold Percolator หยาบช้า

ผมว่าอยากดื่มกาแฟดีๆ ไปร้านเลือกเมล็ดกาแฟเจ๋งๆ แล้วให้บาริสตาชงให้ครับ
พูดมานานละ และก็ยังพูดเหมือนเดิมว่างานกาแฟมันละเอียดอ่อน ไว้วางใจมืออาชีพเถอะ

แต่การดื่มกาแฟแก้ขัดที่บ้านระหว่างที่ไม่ได้ไปร้านมันต้องมีไง กินกาแฟแก้วละเป็นร้อยทุกวันก็ไม่ไหว ถ้าทำเองแก้วละสิบยี่สิบสามสิบบาท (ราคาตามแต่เมล็ดกาแฟที่ใช้) แบบนี้พอคุยกันได้ และทำกินเองไม่ต้องละเอียดมากทำหยาบๆ ยังไงก็ได้กาแฟดีกว่ากาแฟสำเร็จรูป ดีกว่าซื้อกาแฟรถเข็นหรือร้านบ้านๆ อยู่แหละ ถึงไม่ดีเท่ามือโปรแต่ก็ดีพอหายอยาก

แต่ทีนี้เราจะไปลงแรงมากๆ เสียเวลาเยอะๆ กับกาแฟแก้ขัดมันก็ยังไงอยู่ เมื่อก่อนผมก็ทำ cold brew ครับ แต่ปัญหาหลักๆ ของ cold brew มันอยู่ตอนกรองกับตอนล้างครับ ทำน่ะง่าย แต่กรองเนี่ยเหนื่อย ล้างเยอะ เลอะเทอะ เสียน้ำกาแฟมาก และเสียเวลาสุดๆ ทำรอบนึงแช่เป็นวัน กรองอีกเป็นชั่วโมง ล้างอีกครึ่งชั่วโมง

ผมก็เลยใช้วิธีนี้แหละ ลงแรงน้อยใช้เวลาทำน้อยล้างอุปกรณ์น้อย ผมเรียกว่าเป็นวิธี cold percolation แบบหยาบช้า คือทั้งหยาบและทั้งช้า หยาบตรงตอนทำช้าตรงตอนรอ พอเอาขั้นตอนกรองกับแช่มารวมกันไว้ในกระบอกเพอร์โคเลเตอร์อันเดียวแล้วควบคุมการไหลกับเวลาสกัดด้วยน้ำแข็ง ชีวิตมันง่ายขึ้นเยอะเลย ทำจริงแค่ 5 นาทีเองอย่างนานก็สิบนาที ที่เหลือคือรอมันหยด

วิธีนี้เป็นวิธีประยุกต์จาก cold brew กับ Kyoto style และวิธีสกัดสมุนไพร รวมๆ กันมา ถ้าอยากซื้อมันมีอุปกรณ์ขายครับแต่มันแพง ก็เลยประยุกต์ดัดแปลงด้วยอุปกรณ์ที่หาได้ง่ายๆ ราคาไม่แพงหรือไม่ต้องซื้อใช้ขวดน้ำพลาสติกแทน



สิ่งที่ต้องมี

1. กาแฟบดหยาบบดละเอียดตามชอบ แต่ไม่ควรใช้กาแฟบดละเอียดสำหรับเครื่องเอสเปรสโซชีวิตจะยาก เชื่อผม ผมลองมาแล้ว กว่าจะหยดหมดได้น้ำกาแฟลิตรครึ่งใช้เวลาเกือบ 2 วัน
ใช้กาแฟ 1 ถุง ขนาด 200-250 กรัมกำลังดี ผมใช้ทั้งถุงเลยไม่ต้องไปเป๊ะๆ ชั่งเป็นกรัมอะไร ตามร้านตามห้างมันก็มักจะขายประมาณนี้กันหมดแหละ ถ้าไม่หยิบถุง 500 กรัมมา ถือว่าโอเค
ไม่รู้จะเอากาแฟอะไรดี เริ่มจากซูซุกิหรือบอนคาเฟ่ก็ได้ปลอดภัยดี วิธีหยาบช้าแบบบนี้ไม่ต้องใช้กาแฟแพง เสียดายของ
แต่ถ้าอยากได้แปลกๆ กว่านั้น ดูตามรีวิวนี้ก็ได้ https://ppantip.com/topic/38275431

2. ขวดน้ำพลาสติก 1.5 ลิตร ล้างสะอาดๆ ถ้าไม่ได้ไปทำอะไรมันก็สะอาดอยู่แล้วแหละนะ

3. กระดาษกรองกาแฟ 2 แผ่น เอาแผ่นเล็กพอ ยี่ห้ออะไรก็ได้กล่องเล็กๆ ซื้อมากล่องนึงใช้ได้เป็นปี

4. ขวดรองน้ำกาแฟที่ได้ เป็นกระบอกใส่น้ำดื่มจะดี หรือใช้ขวด 1.5 ลิตรอีกขวดมาตัดคอขวดไว้รองน้ำกาแฟเอาก็ได้

5. ขวดเก็บน้ำกาแฟสต็อก ขวดอะไรก็ได้หยิบง่ายเก็บง่าย เทใช้สะดวกแช่ตู้เย็นไม่เปลืองที่ ผมใช้ขวดน้ำ 1.5 ลิตรเหมือนกัน

6. น้ำแข็งหลอดสักถุงนึงประมาณกิโลครึ่ง หรือจะแช่น้ำทำน้ำแข็งในตู้เย็นเองก็ตามถนัด หรือจะใช้แค่น้ำเย็นก็ได้เหมือนกัน เอาเป็นว่าให้มีน้ำสักลิตรครึ่งถึงสองลิตร หรือน้ำแข็งสักกิโลครึ่งสองกิโล หรือสองอย่างปนๆ กันได้เท่านี้ถือว่าใช้ได้ทั้งนั้น เอาคร่าวๆ ก็พออย่ามาเป๊ะๆ อะไรกันแถวนี้





เริ่มทำกัน


อันดับแรกตัดก้นขวดน้ำออก เพื่อทำเป็นกระบอกเพอร์โคเลเตอร์





แล้วก็เตรียมกระดาษกรองกาแฟไว้ 2 แผ่น



ใส่แผ่นหนึ่งเข้าไปเลยใส่ให้สุดถึงคอขวด



ใส่น้ำลงไปนิดนึงให้กระดาษเปียก กดๆ ให้กระดาษแนบกับขวดดีๆ



แล้วก็ตามด้วยแผ่นที่สอง กดให้แนบไปเหมือนกัน
ถ้าวางกระดาษกรองดีใช้แแค่แผ่นเดียวก็พอแล้ว แต่ผมว่าใช้ 2 แผ่นไปเหอะเพื่อความปลอดภัยกันทะลุ กันผงกาแฟรั่วออกด้านข้าง
ใส่ๆ ไปเถอะ เดือนนึงใช้ 4 แผ่นเองอย่าไปคิดเล็กคิดน้อย



เทผงกาแแฟที่บดแล้วลงไป เลือกผงกาแฟหยาบหรือละเอียดก็ได้ตามชอบ จะใส่ลงไปหลวมๆ หรือเคาะให้แน่นๆ ก็ได้ตามชอบอีกเช่นกัน รายละเอียดทุกอย่างในกระบวนการใส่ผงกาแฟนี้มันจะทำให้ได้รสชาติและกลิ่นออกมาต่างกันความเข้มต่างกัน ไปลองกันเอาเองว่าชอบกลิ่นรสแบบไหน
ใส่ลงไปหมดถุงเลยง่ายดี ก็ประมาณ 200-250 กรัม




เอาขึ้นวางบนกระบอกน้ำเพื่อเตรียมหยด จากตรงนี้เรามีทางเลือกหลายทาง

จะเทน้ำลงไปแช่ให้กาแฟอิ่มตัวก่อนสักชั่วโมงแล้วค่อยเปิดฝาเติมน้ำให้หยด จะใส่น้ำแช่ทิ้งไว้ค้างคืนก่อนเหมือน cold brew แล้วค่อยเปิดฝาให้หยด อยากจะรีบเทน้ำเพื่อสกัดกาแฟเลย หรือจะใส่น้ำแข็งลงไปดื้อๆ แล้วทิ้งไว้ให้หยดทีละหน่อยก็ได้
จะใช้น้ำเย็นอย่างเดียว ใช้น้ำเย็นผสมน้ำแข็ง ใช้น้ำแข็งอย่างเดียว ได้ทั้งนั้น
จะใช้เวลา 2-4 ชั่วโมง  หรือ 12-24  ชั่วโมง ก็ได้อีกเช่นกัน เอาที่สบายใจ ไม่มีข้อจำกัดใดๆ
ถ้าผงกาแฟละเอียดอัดผงกาแฟแน่น แช่ผงกาแฟไว้หลายๆ ชั่วโมงก่อนแล้วปล่อยให้หยดช้าๆ ก็จะได้รสที่หนักแน่นไล่ๆ เครื่องเอสเปรสโซ่
ถ้าบดหยาบใส่ผงกาแฟหลวมๆ หยดเร็วๆ  ก็จะได้รสบางๆ แบบ Kyoto style ทั่วไป
เวลาที่ใช้ อุณหภูมิสิ่งแวดล้อม  อุณหภูมิน้ำที่ใช้ มีผลกับกลิ่นรสของน้ำกาแฟที่สกัดได้ทั้งสิ้น ไม่มีวิธีไหนถูกต้องกว่าวิธีไหน มีแค่เราชอบกาแฟแบบไหน และวิธีไหนง่าย สะดวก สำหรับเรา อย่าไปทำอะไรให้ยาก เลือกแบบง่ายๆ ใช้เวลาลงมือน้อยๆ เป็นดี



โดยส่วนตัวผมใช้วิธีเคาะผงกาแฟแน่น เทน้ำลงไปสักแก้วพอให้ผงกาแฟเปียกแล้วสุมน้ำแข็งลงไปเลย ใช้เวลาประมาณคืนนึง




ถึงวางบนโต๊ะมันจะดูสง่างามดี แต่ในโลกของความเป็นจริงขวดสกัดมันจะหนักประมาณกิโลนึงวางอยู่บนขวดเบาๆ และจะพยายามตีลังกาตกจากโต๊ะอยู่เรื่อยๆ ดังนั้นผมจะวางเข้ามุมเอาไว้เพื่อความปลอดภัย ทิ้งมันไว้อย่างนั้นแหละ หลายๆ ชั่วโมงก็มาดูมาเติมน้ำแข็งสักที



พอเติมน้ำแข็งหลอดสักถุงนึงบวกกับน้ำเปล่าสักหน่อยก็จะได้น้ำกาแฟสกัดประมาณลิตรครึ่ง ใส่ขวดแช่ตู้เย็นไว้ได้ประมาณ 2 สัปดาห์โดยที่กลิ่นรสยังโอเคอยู่ เวลาจะดื่มก็เติมน้ำร้อนหรือน้ำเย็นมากน้อยตามความชอบ หรือน้ำแข็งจะใส่นมใส่น้ำตาลก็ตามใจชอบ

ขวดข้างบนโยนทิ้งได้เลยหรือจะเคาะๆ ผงกาแฟใส่แปลงต้นไม้ ล้างขวดเก็บไว้ทำครั้งหน้าก็ได้
วิธีนี้ได้น้ำกาแฟเยอะกว่าแบบ cold brew ลงมือน้อยกว่า เก็บล้างน้อยกว่า ใช้เวลาเติมน้ำแข็งสัก 2-3 ครั้งรวมทั้งกระบวนการลงมือไม่ถึง 10 นาที เดือนละ 2 ครั้ง ไม่ต้องทำทุกวันไม่ต้องล้างทุกวันเหมือนใช้ครื่องชงกาแฟอื่น

แค่นี้ก็มีกาแฟกินแก้ขัดรายวันแล้ว ประหยัดแรง ประหยัดเวลา จะดื่มก็เทออกจากขวดผสมน้ำ ง่ายพอๆ กับชงกาแฟสำเร็จรูปนั่นแหละ

.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่