“ท่านมีนามว่า..อนันต์ภุชงค์ ท่านได้มีความรักเช่นเดียวกับมนุษย์ ทั่วไป และคนรักของท่านก็เป็นพญานาคด้วยเช่นกัน ท่านอยู่ครองคู่กันเป็นเวลาหลายร้อยปี”ชายหนุ่มหยุดคิด “และท่านเองก็มีลูกเฉกเช่นมนุษย์ทั่วไป จนถึงเวลาที่ พญานาคตัวเมียที่มีชื่อ อรุณวดี สิ้นอายุไขลง และก่อนที่นางจะสิ้นใจตายลงไปนั้น นางได้หลั่งน้ำตา นาคราชเม็ดนี้ไว้ให้แก่ชายคนรัก และหวังว่าวันหนึ่ง จะได้กลับมาครองรักกันอีกครั้งหนึ่ง ส่วนพญานาคตัวผู้นั้นเมื่อสูญเสียนางอันเป็นที่รักก็แต่เศร้าโศกเสียใจ กับการจากไปของนาง” เขาหยุดกลืนน้ำลายลงคอเหมือนว่าตัวเขาเองนั้นได้พบเห็นโศกนาฏกรรมรัก ครั้งนี้มาไม่เองกับตา “และก่อนที่ท่านจะสิ้นใจตามลงไป ท่านเองได้สั่งเอาไว้ว่า ให้เก็บน้ำตานาคราชทั้งสองเม็ดนี้ไว้คู่กัน และให้มอบน้ำตานาคราชให้กับลูกชายคนแรกของบ้านเป็นผู้ดูแล” เข้ามอบใบหน้าหล่อนอีกครั้งหนึ่งซึ่งดูเหมือนว่าหล่อนเองคงรู้สึกได้ถึงความเสียใจในครั้งเก่าก่อนน้ำตาหล่อนเริ่มคลอเบ้าตาแต่ชายหนุ่มก็ตัดสินใจที่จะเล่าต่อ “และท่านยังสั่งอีกว่า ต่อจากนี้ต่อไปให้นำน้ำตานาคราชของ นางอรุณวดี ออกมาโชว์ ให้คนเห็น และถ้าหากหญิงคนใดสามารถจับต้องน้ำตานาคราชนั้นไว้ได้ ให้ถือว่านางนั้นเป็นเจ้าของที่แท้จริง หรืออีกอย่างคืน นางอรุณวดี ได้กลับมาเกิดใหม่แล้ว” เขาหยุดพูดพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อของเขาส่งให้เอมอรเพราะบัดนี้ น้ำตาของหล่อนได้ไหลลงมาอาบแก้มนวลของหล่อนแล้ว
“ขอบคุณนะค่ะ ดิฉันเองก็ไม่ทราบว่าเป็นอะไรที่ทำไมจู่ ๆน้ำตามันก็ไหลออกมาอย่างนั้น” หล่อนกล่าวขึ้นพร้อมรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นขึ้นมาซับน้ำตา “เชิญคุณเล่าต่อเถอะค่ะ” เธอยิ้มให้กับเขาอีกครั้งหนึ่ง
“แต่บรรพบุรุษของผม ก็ได้ตามหากันเป็นเวลาหลายชั่วคน จนมาถึงรุ่นของผม นี้ จริง ๆ น้ำตานาคราชคู่นี้หาใช่ของผมไม่ แต่เป็นของคุณพ่อ ของผม เพราะท่านเป็นลูกชายคนแรกของบ้านนะครับ”
“แล้วของมีค่าอย่างนี้ ลูกหลานคนอื่นไม่อยากได้บ้างเหรอค่ะ”
“ครับ อยากนะ อยากได้กันครับ แต่ไม่มีใครได้เคยถือครองเกิน 3 วันเหรอครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมสีหน้าที่ครุ่มคิด “ก็ต้องนำกลับมาคืนกันทุกคนไป”
“ตอนแรกที่คุณมาหาผม ผมก็คิดว่าคุณคงถูกเล่นงานเหมือนคนอื่น ๆ ที่ผ่านมาแล้วชะอีก แต่ผมเพิ่งมาแน่ใจว่าคุณคือเจ้าของอัญมณีเม็ดนี้ ก็ต้อนที่คุณเล่าเกี่ยวกับความฝันของคุณให้ฟังนะครับชายหนุ่มกล่างพร้อมรับผ้าเช็ดหน้าคืนจากเธออย่างเบามือ “ผมเองคงต้องทำตามคำสั่งของบรรพบุรุษนะครับ คือต้องมอบของสิ่งนี้ให้แก่คุณ”
. “ ให้ดิฉันเหรอค่ะ” เอมอรทำท่าทางตกใจขึ้นทันที “แต่ว่ามัน...” ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไรออกมาชายหนุ่มก็เชิงกล่าวขึ้นเสียก่อน
“คุณไม่สังเกตเลยเหรอครับว่า ทำไม่ของมีค่าอย่างนี้ถึงได้ตั้งโชว์ในร้านโดยไม่สูญหาย” เขากลับไปพูดกับหล่อนด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นครั้งแรกอีกแล้วหญิงสาวคิดในใจ นี่ทำไมอารมณ์ของผู้ชายคนนี้ถึงได้เปลี่ยนแปลงไว้นักหนา
“ค่ะ ฉันก็คิดจะถามคุณอยู่เหมือนกัน ว่าทำไม่?... อย่างคนงาน หรือคนที่รู้ว่ามันมีค่ามหาศาลขนาดไหนก็น่าที่จะมาขโมยไปได้ก็เป็นได้”
“ใช่ครับ ถ้ามันเป็นแค่เพชร หรือพลอยน้ำดีหาใช่น้ำตานาคราชไม่” เขาเริ่มเล่าเรื่องราวที่เคยมีคนงานคู่หนึ่งที่คิดขโมยไปเช่นกัน “ถ้าใครที่ไม่ใช่เจ้าของหรือมีความผูกพันกันมา ถ้าจับต้องน้ำตานาคราชนั้นไซ้ มือของเขานั้นจะไหม้ เหมือนถูกไฟเผาเอาเลยล่ะครับ ขนาดคนที่ทำความสะอาด ก่อนจะยกกล่องที่ใส่ยังต้องขออนุญาตท่านก่อนเลย ถ้าอย่างนั้น ก็อาจยกไม่ขึ้น”
“แล้วคุณให้ฉันเฉย ๆ ไม่กลัวฉันนำมันไปขายเหรอค่ะ”
“ในเมื่อน้ำตานาคราชเม็ดนี้ได้เลือกคุณแล้วไม่ว่าอย่างไร คุณคงจะทิ้งมันไปไม่ได้อย่างเด็จขาดครับ ผมเชื่ออย่างนั้นนะครับ”แล้วชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่ข้างพนังห้อง“ผมเห็นว่าวันนี้เราคุยกันมานานแล้วให้โอกาสผมเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อได้ไหมครับ” หล่อนพลิกข้อมือเพื่อดูเวลา
“โธ่ นี่มันจะบ่ายโมงแล้วนี่ ดิฉันขอโทษด้วยนะคะที่มารบกวนคุณ” หล่อนกล่าวขอโทษเขาอีกครั้งหนึ่ง
“ไม่เป็นไรเหรอครับ ถ้าอย่างไง เชิญที่ห้องอาหารดีกว่านะครับ” เขาผายมือเพื่อนำหล่อนไปยัง ห้องอาหารที่อยู่มุมหนึ่งของห้องทำงานที่เพิ่งเดินผ่านมาทางด้านหลังร้านนี่เอง ในขณะที่เขาเดินนำหล่อนไปเขาก็ได้กล่าวขึ้น “ถ้าคุณว่างหรืออยากรู้ อยากเห็นอะไรก็ลองเก็บมันไว้นะครับถ้าสงสัย ก็มาหาผมได้ตลอดเลยนะครับ”เขาหยิบนามบัตรของเขาให้แก่หล่อน
“ค่ะ...”หล่อนเอ่ยพร้อมรับนามบัตรของเขามาแบบ งง งง ที่จู่ ๆ หล่อนก็ได้รับของที่มีค่า กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานนัก
นิยาย "น้ำตานาคราช" ตอน2/2
“ขอบคุณนะค่ะ ดิฉันเองก็ไม่ทราบว่าเป็นอะไรที่ทำไมจู่ ๆน้ำตามันก็ไหลออกมาอย่างนั้น” หล่อนกล่าวขึ้นพร้อมรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นขึ้นมาซับน้ำตา “เชิญคุณเล่าต่อเถอะค่ะ” เธอยิ้มให้กับเขาอีกครั้งหนึ่ง
“แต่บรรพบุรุษของผม ก็ได้ตามหากันเป็นเวลาหลายชั่วคน จนมาถึงรุ่นของผม นี้ จริง ๆ น้ำตานาคราชคู่นี้หาใช่ของผมไม่ แต่เป็นของคุณพ่อ ของผม เพราะท่านเป็นลูกชายคนแรกของบ้านนะครับ”
“แล้วของมีค่าอย่างนี้ ลูกหลานคนอื่นไม่อยากได้บ้างเหรอค่ะ”
“ครับ อยากนะ อยากได้กันครับ แต่ไม่มีใครได้เคยถือครองเกิน 3 วันเหรอครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมสีหน้าที่ครุ่มคิด “ก็ต้องนำกลับมาคืนกันทุกคนไป”
“ตอนแรกที่คุณมาหาผม ผมก็คิดว่าคุณคงถูกเล่นงานเหมือนคนอื่น ๆ ที่ผ่านมาแล้วชะอีก แต่ผมเพิ่งมาแน่ใจว่าคุณคือเจ้าของอัญมณีเม็ดนี้ ก็ต้อนที่คุณเล่าเกี่ยวกับความฝันของคุณให้ฟังนะครับชายหนุ่มกล่างพร้อมรับผ้าเช็ดหน้าคืนจากเธออย่างเบามือ “ผมเองคงต้องทำตามคำสั่งของบรรพบุรุษนะครับ คือต้องมอบของสิ่งนี้ให้แก่คุณ”
. “ ให้ดิฉันเหรอค่ะ” เอมอรทำท่าทางตกใจขึ้นทันที “แต่ว่ามัน...” ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไรออกมาชายหนุ่มก็เชิงกล่าวขึ้นเสียก่อน
“คุณไม่สังเกตเลยเหรอครับว่า ทำไม่ของมีค่าอย่างนี้ถึงได้ตั้งโชว์ในร้านโดยไม่สูญหาย” เขากลับไปพูดกับหล่อนด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นครั้งแรกอีกแล้วหญิงสาวคิดในใจ นี่ทำไมอารมณ์ของผู้ชายคนนี้ถึงได้เปลี่ยนแปลงไว้นักหนา
“ค่ะ ฉันก็คิดจะถามคุณอยู่เหมือนกัน ว่าทำไม่?... อย่างคนงาน หรือคนที่รู้ว่ามันมีค่ามหาศาลขนาดไหนก็น่าที่จะมาขโมยไปได้ก็เป็นได้”
“ใช่ครับ ถ้ามันเป็นแค่เพชร หรือพลอยน้ำดีหาใช่น้ำตานาคราชไม่” เขาเริ่มเล่าเรื่องราวที่เคยมีคนงานคู่หนึ่งที่คิดขโมยไปเช่นกัน “ถ้าใครที่ไม่ใช่เจ้าของหรือมีความผูกพันกันมา ถ้าจับต้องน้ำตานาคราชนั้นไซ้ มือของเขานั้นจะไหม้ เหมือนถูกไฟเผาเอาเลยล่ะครับ ขนาดคนที่ทำความสะอาด ก่อนจะยกกล่องที่ใส่ยังต้องขออนุญาตท่านก่อนเลย ถ้าอย่างนั้น ก็อาจยกไม่ขึ้น”
“แล้วคุณให้ฉันเฉย ๆ ไม่กลัวฉันนำมันไปขายเหรอค่ะ”
“ในเมื่อน้ำตานาคราชเม็ดนี้ได้เลือกคุณแล้วไม่ว่าอย่างไร คุณคงจะทิ้งมันไปไม่ได้อย่างเด็จขาดครับ ผมเชื่ออย่างนั้นนะครับ”แล้วชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่ข้างพนังห้อง“ผมเห็นว่าวันนี้เราคุยกันมานานแล้วให้โอกาสผมเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อได้ไหมครับ” หล่อนพลิกข้อมือเพื่อดูเวลา
“โธ่ นี่มันจะบ่ายโมงแล้วนี่ ดิฉันขอโทษด้วยนะคะที่มารบกวนคุณ” หล่อนกล่าวขอโทษเขาอีกครั้งหนึ่ง
“ไม่เป็นไรเหรอครับ ถ้าอย่างไง เชิญที่ห้องอาหารดีกว่านะครับ” เขาผายมือเพื่อนำหล่อนไปยัง ห้องอาหารที่อยู่มุมหนึ่งของห้องทำงานที่เพิ่งเดินผ่านมาทางด้านหลังร้านนี่เอง ในขณะที่เขาเดินนำหล่อนไปเขาก็ได้กล่าวขึ้น “ถ้าคุณว่างหรืออยากรู้ อยากเห็นอะไรก็ลองเก็บมันไว้นะครับถ้าสงสัย ก็มาหาผมได้ตลอดเลยนะครับ”เขาหยิบนามบัตรของเขาให้แก่หล่อน
“ค่ะ...”หล่อนเอ่ยพร้อมรับนามบัตรของเขามาแบบ งง งง ที่จู่ ๆ หล่อนก็ได้รับของที่มีค่า กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานนัก