สวัสดีคะ ... วันนี้เรามานำเสนอการทำนา คะ
โดยส่วนตัว  ครอบครัวเราทำนาเป็นอาชีพอยู่แล้วคะ  เรามีอาชีพประจำอยู่แล้ว แต่ 2 ปีหลังมานี้  
แม่แบ่งนามาให้ทำ 10 ไร่
ปีที่ แล้ว (2560) ย่อยยับไม่เป็นท่า  ราคาถูก ปุ๋ยแพง  มาดูปีนี้กันคะ

นาทั้งหมด 10 ไร่  อยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง  

                                        สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่         ผ้าไหมงาม            
                                        ปะคำสวย                     ร่ำรวยปราสาท              
                                        ผักกาดหวาน                 ข้าวสารหอม
                                                      งามพร้อมวัฒนธรรม

สุรินทร์  คือบ้านเราเองคะ  มาดูการทำนาของเรากันเลยนะคะ

การลงทุน :
เมล็ดพันธุ์ มะลิ 105     300 กก.          6,000   บาท
ค่าไถ                       450 บาท         4,500   บาท
ปุ๋ย 27-12-6              4 กระสอบ        3,000   บาท
ค่าจ้างหว่าน                                    1,000   บาท
ค่าน้ำมันตัดข้าว                                  300   บาท
ค่ารถเกี่ยว  ไร่ละ 650                        6,500  บาท
ค่ารถขนข้าว                                       300  บาท

รวมต้นทุน  21,600 บาท

ปีนี้ค่อนข้างแล้ง  ฝนไม่ตกตามฤดูกาล  แทบจะไม่ตกเลยด้วยซ้ำ
ต้นเดือนเมษายน ได้เวลา ไถ่  ตากแดด  
กลางดือน  เริ่มหว่านเมล็ดข้าว แล้วคะ



แห้งแล้ง  หว่านเสร็จ ลุ้นแต่ละวันขอให้ฝนตก

ผ่านไป 3 เดือน ฝนตก 2 ครั้ง  "ปลูกข้าว  ได้หญ้า"  ทำยังไงดี  พ่อบอกให้ตัดหญ้า  ไม่มีเวลาด้วย  
ประกาศบอกชาวบ้าน  แจกหญ้าฟรีคะ  เชิญตัดได้ที่ทุ่งนา  ปรากฏว่า ....



มากันเต็มเลยคะ  ชาวบ้านมาเกี่ยวหญ้าไปให้วัว  หญ้าหาย   รอฝนและใส่ปุ๋ยกัน

เมื่อน้ำเริ่มมา  เตรียมตัวใส่ปุ๋ย  คำนวณไว้ว่า 4 กระสอบ  ไม่เน้นยี่ห้อปุ๋ย  เพราะแต่ละยี่ห้อ ราคาก็ค่อนข้างแพงเหลือเกิน  
รอบนี้  ปุ๋ยกระสอบละ  750 บาท  ปกติ  ชาวนาจะใส่ปุ๋ย 2 รอบนะคะ คือรอบที่น้ำมาและก่อนข้าวตั้งท้อง 30 วัน
แต่เราประหยัดต้นทุนใส่แค่รอบเดียว



หลังนั้นก็รอๆๆๆๆคะ  จนกระทั้ง กลางเดือนพฤศจิกายน  ได้เวลาเกี่ยวสักที




แหมๆๆ ข้าวเรานี้  ช่างหุ่นดีเหลือเกิน  ผอมเชี่ยว  
ราคาค่ารถเกี่ยว  ไร่ละ 650 บาท  ค่ารถขน  ตันละ 300 บาท
ที่เราวางแผนไว้  คือจะไม่ขายข้าว  รอให้เงินที่รัฐบาลจะช่วยเหลือ  มาจ่ายค่าเกี่ยว  แต่รอแล้วรอเล่า ก็ไม่มาสักที
จึงต้องขายข้าวเพื่อจ่ายค่ารถเกี่ยว  ....  สรุปแล้ว
ข้าว 10 ไร่  ได้ 2 ตัน  
นำไปขาย 1 ตัน  ราคากก. 13.30 บาท  เป็นเงิน  14,364 บาท
จ่ายค่ารถเกี่ยวไป 6,500 + 300 บาท
เหลือเงินทั้งสิ้น 7,564 บาท

เมื่อนำข้าวที่ได้ ประมาณ 2 ตัน  ถ้านำขาย  
จะได้ประมาณ 26,600 บาท
มีต้นทุน 21,600  บาท
มีเงินคงเหลือทั้งสิ้น 5,000  บาท

นี่คือยอดเงินทั้งสิ้นในแต่ละปีคะ  ปีนี้ได้ข้าวน้อย  เนื่องจากแห้งแล้ง  บางที่แทบจะไม่ได้เลย  ต้องตัดทิ้งก็มี
ราคาข้าวเปลือกปีนี้ถือว่าแพงคะ  แต่ก็ไม่น่าดีใจ  เพราะไม่มีข้าวขายเลย
ปีนี้ชาวนาบางคนเครียดมาก  ไม่มีข้าวขาย  ไม่มีเงินใช้หนี้ บางคนแทบจะไม่มีข้าวไว้เหลือกิน  เพราะ 1 ปี  เขาสามารถทำนาได้แค่ 1 ครั้ง
1 ปีนี้  เป็นรายได้ของทั้งครอบครัวที่ต้องนำมาใช้หนี้  ค่าเล่าเรียนลูก รายจ่ายอื่นๆอีก
บางครัวเรือน  เลือกที่จะสีข้าวมาขายเองตามตลาดต่างๆ ก็จะขายได้ในราคาที่สูงขึ้น ประมาณ กก.ละ 35 บาท

.
.
.
ปีหน้าเราก็จะลองใหม่คะ  จะพยายามลดต้นทุน  เปลี่ยนแปลงวิธีการปลูกไปเรื่อยๆคะ  
อยากให้ชาวนาไทย ยิ้มได้ อยู่ได้ คะ  เพราะถ้าไม่มีพวกเขา  เราคงไม่มีข้าวกิน


ขอบคุณคะ