พรุ่งนี้......ไม่มี (01)

กระทู้สนทนา
คำชี้แจง

เรื่องนี้ ทั้ง ความคิด มุมมอง เหตุการณ์  เวลา  ความเชื่อ  และ อื่น ๆ
เป็นเพียง  เรื่องสมมุติ เท่านั้น
ถ้าบังเอิญ ไป  สอดคล้อง   แตกต่าง   คล้าย  ตรงกันข้าม  ขัดแย้ง   เห็นด้วย  เห็นต่าง  โมโห  ใจเย็น  รุนแรง อคติ  
ถือว่า  ไม่ตั้งใจ  เป็นเพียงความบังเอิญ   และขอโทษ มา ณ  ทีนี้

..........


พรุ่งนี้ไม่มี



ไม่มีจริง ๆ

             ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น  ไม่ใช่แกล้งอำ  หรือรายการแกล้งกันทางทีวี  พรุ่งนี้ไม่มี   ข้อความนี้ชัดเจนมาก  ครั้งแรกพบว่าไม่ได้มาจากสื่อทั่วไปอย่างที่เราพบเจอ  แต่มันลั่นสนั่นในหัวสมองของทุกชีวิต  ชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดของศาสนาองค์ใด

             พรุ่งนี้ ไม่มี

             ไม่มีชีวิต ไม่มีโลก ไม่มีจักรวาล ไม่มีอะไรทั้งนั้น

             ดังในหัว...ทุกคนบนโลก!

             พรุ่งนี้ไม่มี..  ไม่มีคำอธิบายจากนักวิทยาศาสตร์  ไม่มีคำชี้แจงจากนักไสยศาสตร์ หรือหมอดู  เพราะพวกเขาก็คงโดนเสียงดังกังวาน ในหัวเช่นกัน  คุณจะทำอย่างไรกับชีวิตล่ะครับ...  เมื่อรู้ว่าไม่มีวันพรุ่งนี้   ไม่มีใครทายอนาคตได้   อ๋อ...พวกหมอดูนะเหรอ... ลวงโลก  หากินกับคนจิตตก  คนขาดความมั่นใจในชีวิต    พูดถึงหมอดูผมยังขำไม่หาย   น่าสังเวชมากกว่า.. หลายคนเสียเงิน เสียทอง เสียตัว  เพราะความเชื่อไร้สาระ  ชีวิตเราทำไมต้องให้คนอื่นมากำหนด  ถ้าแน่จริง  ทำไมไม่ทายเลขท้าย หรือรางวัลที่หนึ่งให้เป็นที่ประจักษ์   มันก็แค่การหากินกันคนล้มละลายทางความเชื่อมั่นของตัวเอง  กลายเป็นเหยื่อของคนลวงโลก  และคนห่มเหลือง  แต่เอาคำว่า ทำบุญต่อทุนชาติหน้า  หลายคนก็ตัวสั่นงันงก  วิ่งเอาเงินไปบริจาค   สุดท้ายก็หายไปกลับความหวัง  เพียงมีสติ  คิดสักเล็กน้อย ก็คงไม่ต้องงมงาย
        
           พูดก็พูดเถอะ... ผมกระชากหน้ากากหมอดู  มามากนักต่อนักแล้ว  ต่อหน้าเพื่อนผู้หญิง   ที่เชื่อถือเหลือเกิน

           ช่างหัวเถอะ  ไม่ใช่ประเด็น แล้วประเด็นอยู่ตรงไหน

             ตรงที่พรุ่งนี้ไม่มี!



            อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้กันว่า ก่อนจะถึงวาระสุดท้าย  คนทั้งโลก  ไม่สิ... หมายถึงสิ่งมีชีวิตทั้งโลกต้องตายก่อน ไม่เว้นว่าอะไรทั้งนั้น แม้แต่พวกจุลินทรีย์ต่าง ๆ  ทุกอย่างที่มีชีวิตต้องตาย  ข้อแม้มีเพียงข้อเดียว วันพรุ่งนี้ ถ้าคุณหลับ...   จะหลับตลอดกาล  ไม่ว่าอะไรก็ตามอยู่เบื้องหลัง สิ่งนั้นก็ใจดีพอสมควร ให้ตายก่อนจะเห็นโลกเป็นครั้งสุดท้าย

             เรามีเพียงยืดเวลาก่อนวันโลกแตก   ไม่..ไม่ใช่โลกแตก...ถ้าจะว่าให้ยาวนานออกไป คือต้องไม่หลับเท่านั้น  คนเราเพียงแต่ไม่ต้องหลับ เพราะถ้าหลับ  ก็จะไม่มีวันตื่น   แต่จะมีความหมายอะไร จะช้าจะเร็วคนเรา ต้องนอนหลับอยู่ดี แล้วจะยืดวันเวลาแห่งความทรมานไปทำไม  จะช้าหรือเร็วก็ตาม แต่ผมเข้าใจนะครับว่า  เราต้องฉกฉวยวันเวลาของเราไว้ให้มากที่สุด  แม้ว่ามันจะสลายไปต่อหน้าต่อตาก็ตาม

             พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าคุณหลับ จะไม่มีวันตื่น

             คุณจะหลับไปตลอดกาล เหมือนความตายใช่ไหม ... ความตาย....คืออะไร  ?   ความจริงก็คือ เป็นการหลับตลอดกาล  คุณรู้อยู่แก่ใจ  เพียงแต่พยายามปฏิเสธมัน  แต่คุณมองว่า ความตายเป็นการหลับตลอดกาล ก็คงจะช่วยดึงคุณออกมาจากความเจ็บปวดได้บ้าง  แม้สักนิด...

             โลกไม่ได้โคจรเข้าในกลุ่มแก๊สคลอรีน  ไม่มีตำอธิบายจากนักวิทยาศาสตร์ ไม่ได้มีอุกกาบาตวิ่งชนโลก อย่างในหนัง  แต่จักรวาลมีแนวทางในการจัดการปัญหาเอง

            ผมเองเชื่อมานานแล้วว่า  วันหนึ่งโลกจะแตก   ถ้าโลกไม่แตก จักรวาลก็ต้องมีวิธีจัดการ กับไวรัสของจักรวาล คนเรานี่เอง ไวรัสของจักรวาล ... และก็ ใช่...เป็นไวรัส อย่างไรก็ต้องถูกกำจัด ผมแทบจะระงับอาการตื่นเต้นดีใจไม่ได้   ให้มันได้อย่างนี้สิ...ไม่ว่าคนดีหรือคนชั่ว แค่หลับไปแล้วไม่ต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นานเท่าไรที่คิดแบบนี้

             ตื่นขึ้นมาเจอโลกอันโหดร้าย  ชีวิตคือความทุกข์ เพียงหลายคนลืมเลือนข้อนี้ไป หลงระเริงกับมายา แม้ว่าวันสุดท้ายกำลังยิ้มรอคอยก็ตาม

             อ้อ....ผมไม่เชื่อว่านี่เป็นผลงานของพระเจ้า หรือซาตาน อะไรก็ตาม   พระเจ้าหรือซาตานต่อให้มีจริง ผมก็จะไม่ยอมรับนับถือ  เพราะพวกท่าน ปล่อยให้หายนะเกิดขึ้นกับโลก  ถ้าพวกท่านมีจริงต้องจัดการผลงานที่ท่านสร้างขึ้นมา (ถ้าเป็นแบบนั้นนะ..) ให้ดีกว่านี้   ถ้าท่านสร้างมนุษย์ สร้างโลก สร้างจักรวาลขึ้นมา  พลังอานุภาพขนาดนั้น ท่านยังจัดการสิ่งที่ท่านสร้างขี้นมาไม่ได้

             ถ้าเป็นผลสร้างมากับมือ ยังไงก็ต้องดูแลผลงานของตัวเองให้ดีที่สุด เสียดายว่าผมไม่ใช่พระเจ้าหรือซาตาน

             ซาตานก็เหมือนกัน  ถ้าแน่จริงก็ยึดจักรวาล ออกมาจากพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าให้ได้ ไม่ใช่ปล่อย  ค้าง ๆ คาๆ แบบนี้   ครอบครองหัวใจของสิ่งมีชีวิต ที่เรียกว่า “มนุษย์”   ในชั่วร้าย  ทำลายโลกซะ...แต่เจ้าแห่งปีศาจก็ทำไม่ได้  ทำให้จำเป็นต้องยอมรับว่า พระเจ้าและซาตาน มีพลังพอกัน  พอฟัดพอเหวี่ยงกัน  โดยมีมนุษย์เป็นตัวเดินบนหมากกระดานของจักรวาล ที่มีการเคลื่อนหมากแต่ละตัวด้วยความเร็วแสง

             ไม่..ผมยังเชื่อมั่นว่าความดีอยู่  หัวใจของคนเราส่วนมาก  ยังมีคำว่า “ คุณความดี” ไม่ว่าจะเพราะอะไร  แต่นี่ คือสิ่งที่จรรโลง สิ่งมีชีวิต ที่เรียกว่า มนุษย์   ส่วนคนแตกแถวนอกคอกก็ช่างหัวมันแกว

             และน้ำใจไม่เคยแห้งเหือดจากมนุษยชาติ


             ก็บอกแล้วไง พรุ่งนี้โลกไม่มี  ผมถึงไม่ต้องกลัวอะไร ไม่ว่าจะผิดหรือถูก พอพรุ่งนี้มาถึง ทุกอย่างก็ไร้ความหมาย พระเจ้าหรือซาตาน จะมีจริงหรือไม่จริง ไม่สำคัญอีกต่อไป ถ้าจะพวกท่านส่งพระเพลิงแห่งความพิโรธ มาเผาผลาญโลกก็ไม่เป็นไร แต่เรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับพระองค์ท่านแน่นอน

             ผมนั่งดูข่าวทางทีวี  รายงานถึงผู้คนที่หายไปในอัตราน่าตกใจ  พวกเขาหายตัวไปจากบ้าน ที่พัก หรือแม้แต่ที่ทำงาน  นี่เป็นความจริงที่สัมผัสรับรู้ได้  ทุกคนรู้ว่าพรุ่งนี้โลกจะแตก!

             ถนนหน้าบ้านปราศจากยวดยานพาหนะ ผมฉวยเสื้อคลุม เพราะอากาศเย็น แต่ทำไมต้องกลัวล่ะ...  ในเมื่อพรุ่งนี้ไม่มี

             ถ้าโลกจะแตก ผมควรจะทำอะไรบางอย่าง สิ่งที่ผมไม่กล้าทำมาก่อนเลยในชีวิต ก่อนออกจากบ้าน ผมกำลังจะเดินไปปิดประตูบ้านให้เรียบร้อย แต่แล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีจริง จะไปแคร์อะไร

             แต่อย่างไรก็ต้องปิดประตู...
             พรุ่งนี้ ไม่มี ทำไมต้องปิดประตู
             เพราะผมอยู่กับวันนี้..

             บ้านเมืองไม่ได้เกิดจราจลวุ่นวายเหมือนในภาพยนตร์หลายเรื่องที่สื่อออกมา  ไม่ใช่อย่างนั้น..นั่นเป็นเพียงความคาดการณ์ของผู้กำกับ  เมื่อคนเรารู้ว่าพรุ่งนี้ไม่มี  มันทำให้ผู้คนพากันคิดได้  ต่อให้ทำดี หรือทำชั่วอย่างไร ก็แค่นั้น ผู้คนพากันเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้าน
พากันหันมามอง ‘ภายใน’  วิญญาณของตัวเอง

             เดินออกมาจากบ้าน และไม่คิดจะกลับเข้าไปอีก บ้านใกล้เรือนเคียงเงียบกริบ ผู้คนคงใช้เวลาสุดท้ายให้มีค่ามากที่สุด   ไม่มีสัญญาณแห่งการกรีดร้องคร่ำครวญอย่างที่คิดเอาไว้  ถ้ามีซอมบี้ผีดิบวิ่งกรีดร้องออกมา บางทีคงทำให้ความรู้สึกดีกว่านี้

           สายลมเย็นพัดผ่าน ผมกระชับคอเสื้อ นึกดีใจว่าขอบคุณที่วันสุดท้ายไม่โดนเผาผลาญด้วยความร้อน แสงไฟตามเสาไฟฟ้าส่องสว่างทำหน้าที่เป็นคืนสุดท้าย  แว่วเสียงแมลงร้องดังมาจากสองฝั่งฟากข้างทาง สุนัขหลายตัววิ่งไล่กันไปตามถนน  ตามประสาที่เกิดมาเป็นสุนัขไร้สังกัด ไม่แน่ใจว่าเสียงแห่งความแตกดับจะแว่วเข้าไปในหัวสัตว์เลี้ยงพวกนั้นหรือเปล่า  แต่จะว่าไปก็คงไม่มีความหมายอะไร  จะเป็นแมวหมา แมลง ผู้คน ถ้าวันสุดท้ายมาถึง คงบอกยาก ว่าใครเห็นใจใคร  แมวสีดำตัวเขื่อง ยืนอยู่บนกำแพง  ทุกวันพอเดินผ่าน มันจะกระโจนหนี   เพียงแต่วันนี้ไม่ใช่   เจ้าแมวจ้องมองมาด้วยแววตาแปลกประหลาด  ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ แต่เชื่อว่า เจ้าเหมียวรู้ว่า พรุ่งนี้ไม่มี

             "เหมียว..."   ผมร้องเรียกมันสั้น ๆ   เจ้าแมวกระโดดลงมายืนอยู่เบื้องหน้า สายตาจ้องมองเงียบเฉย   แต่นั่นล่ะคือนิสัยของเจ้าแมวตัวนี้  มันคงจะพยายามบอกลาอย่างเงียบสงบ พอมองลึกเข้าไปในสายตาตู่นั้น ทำให้มองเห็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญกับเราทุกคน

               ชีวิต

             เพียงแต่

             ถ้าทุกคน ทุกชีวิตต้องตายพรุ่งนี้  รวมทั้งเจ้าหมาหิวโซจากกองชยะนั่นด้วย

             แต่นั่นละนะ...เจ้าหมาหิวโซที่เห็นเดินป้วนเปี้ยนหากินแถวกองขยะหมู่บ้าน เกิดเป็นหมาแมวก็ควรมีความสุขตามประสาหมาแมว  ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น

             พรุ่งนี้คงเป็นการปลดปล่อยอย่างหนึ่ง  ขณะที่เดินผ่าน พวกหมาแมวจ้องมองตาแป๋ว ราวกับจะอยากสื่อหรือถามอะไรบางอย่าง แต่ผมไม่มีเวลาสนใจมากนัก  เพราะเวลาของผมก็เหลือไม่มากเช่นกันเงยหน้ามองท้องฟ้า ดวงดาวยังคงระยิบระยับ  ทำให้รู้สึกว่าโลกของเราไร้ความหมาย รวมทั้งสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ

             แค่ก็ช่างศีรษะมารดามันเถอะ!

            ถัดออกไปไม่ถึงสามสี่หลังของอาคาร เป็นบ้านของมิสเตอร์จอห์นสัน ผมไม่เคยชอบหน้าเขาก่อนหน้านี้แม้แต่วินาทีเดียว เพราะความหยิ่งยะโสของเขานั่นเอง ทั้งที่ความจริงเขาก็เป็นอะไร ไม่ได้มากกว่าผู้ชายโชคดี แต่งงานกับผู้หญิงฐานะดีเท่านั้น แต่ก็อย่างว่าลางเนื้อชอบลางยา  เขาไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ก็ทำไม่ถูกสักอย่างกับหนี้สินชีวิตของตนเอง ต่อจักรวาล  แต่วันนี้เขาดูแปลกออกไป

             เขากำลังเช็ดถูรถคันงาม ท่ามกลางแสงไฟสลัว กับรถตันงามที่เพิ่งซื้อได้ไม่ถึงสามวัน ไม่แน่ใจว่าระหว่างภรรยาผู้แสนดีกับรถคันโปรด เขาใส่ใจอะไรมากกว่ากัน  เพราะวันแรกที่ซื้อรถ แทบจะมองเห็นเขาหอบเสื้อผ้าที่นอน ลงมานอนเป็นเพื่อนรถตันงาม  ถ้าเขารู้ว่าพรุ่งนี้ไม่มี  เขาก็ไม่ควรจะมาดูแลรถอย่างนี้  เพราะสุดท้ายมันก็จะไร้เจ้าของ แค่ช่วงคืนตื่น !

             แววตาของมิสเตอร์จอห์นสัน  ไม่ได้แสดงความแปลกใจ เมื่อพบผู้มาเยือน  แต่เขาก็มีแก่ใจหันมายิ้มทักทาย

             "ทำไมคุณไม่หาอะไรทำ"  เขาถามเสียงเรียบ จนเกินกว่าจะมองเป็นการประชด "พรุ่งนี้ไม่มีแล้วนะ  คุณควรให้รางวัลกับตัวเองในวันสุดท้าย"



.......จบบทครับ......
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่