ตำนาน ความเชื่อของฝรั่ง และข้อเท็จจริงทางประวัติศาตร์

สวัสดีครับห่างหายจากการเขียนบทความไปนาน พอดีไปเห็นกระทู้นี้เข้าของคุณ น้าลีโอ http://ppantip.com/topic/32165793
ตามจริงจะตอบในกระทู้นั้นแล้วแต่พอดีไม่ว่าง  ก็เลยติดไว้ก่อน แต่ไหนๆก็เขียนแล้วก็เลยรวมๆมาหมดทีเดียวเลยดีกว่า ประกอบกับกระทู้ตกไปแล้วด้วย
ชอบก็กดโหวตได้เลยครับ
ลัทธิบูชาซาตาน คืออะไร

ก่อนอื่น ต้องเข้าใจว่าซาตานคือใคร


ในอดีตตามตำนานเล่าว่า  มีเทพอยู่องค์หนึ่งชื่อว่า ลูซิเฟอร์(หรืออีกชื่อซาตาน) ซึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดและพระเจ้าทรงรักมาก  มีอำนาจเป็นรองแค่พระเจ้าเท่านั้น  โดยลูซิเฟอร์ทำหน้าที่นำขับร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า  ต่อมา ยามเมื่อพระเจ้าสร้างมนุษย์นั้น ลูซิเฟอร์อิจฉามนุษย์ที่ได้รับความรักจากพระเจ้า บางตำนานก็ว่า ลูซิเฟอร์ไม่พอใจที่พระเจ้า สร้างมนุษย์ โดยให้มีรูปกายแบบเดียวกับตน เลยไปบอกพระเจ้าว่า  หากมนุษย์บูชาพระเจ้าก็ควรนับถือตนด้วย เพราะมนุษย์  ถูกสร้างมาให้เหมือนตน ก็เลยโดนอัปเปหิออกจากสวรรค์  บางตำนานก็ว่าลูซิเฟอร์ถูกล่อลวง-ยั่วยุโดยซาตาน (ซาตานกับลูซิเฟอร์ บางตำนานว่าเป็นคนล่ะคนกัน  โดยซาตานเดิมทีก็เป็นอัครเทวทูตในสวรรค์ นามว่า satamel)

แต่อย่างไรก็ตามทุกตำนานเล่าตรงกันหมดว่า  ท้ายสุดหลัง ลูซิเฟอร์  ก็ถูกขับจากสวรรค์ และด้วยความหยิ่งผยองของลูซิฟเฟอร์จึงได้ นำเทวดาบนสวรรค์ ครึ่งนึง บ้างก็ว่า  3/5 ที่หลงเชื่อลูซิเฟอร์ ทำการก่อกบฏต่อพระเจ้า แต่ก็ได้พ่ายแพ้ทัพเทวดาที่นำโดยมหาเทพมิคาเอลไป และเทวดาเหล่านี้ ก็ถูกขับออกจากสวรรค์ทั้งหมด  หลังจากตกสวรรค์เทวดาเหล่านี้ก็สูญเสียรูปลักษณ์อันงดงาม และกลายเป็นเหล่าปีศาจไป  ซึ่งรวมถึงลูซิเฟอร์ด้วยที่เปลี่ยนทั้งรูปลักษณ์และนามใหม่ว่าซาตาน สงครามนี้เรียกว่า สงครามเทวดาตกสวรรค์ (fallen angel)  (คุ้นๆไหมเออ ไปคล้ายกับตำนานของทางอินเดีย แต่เทวดาของอินเดียเมาเหล้า ก็เลยกลายเป็นเหล่ายักษ์) แต่อย่างไรก็ตาม  ลูซิเฟอร์ก็ยังเฝ้ารอ และไม่เชื่อว่ามนุษย์มีดีพอที่จะให้พระเจ้าทรงมอบความรักให้ จึงทำการล่อลวงและยั่วยุ ให้มนุษย์ตกอยู่ในบาป เพื่อสร้างสมกำลังรอวันที่จะทำสงครามอีกครั้ง ในวันสิ้นโลก(amagadon)





ลูซิเฟอร์ในพระคัมภีร์ไบเบิล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ในปี 1474  องค์กรทางศาสนาโรมันคาทอลิก ประกาศว่า ผู้ใดก็ตามที่ไม่ไช่สมาชิกของศาสนาแต่ปฏิบัติพิธีกรรม การใช้เวทมนตร์ คาถา และมีพลังเหนือธรรมชาติ ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับซาตานและปีศาจ พลังที่ได้มาไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่ได้มาจากซาตานและปีศาจ องค์กรศาสนาพยามเผยแพร่ศัตรูของพระเจ้าและสร้างภาพลักษณ์ให้ชัดเจน  ในช่วงปลายยุคกลาง ปีศาจเริ่มมีรูปร่างชัดเจนมากขึ้น โดยเห็นได้จาก ภาพวาดของพี่น้องลิมเบอร์ก( Limbourg) แสดงให้เห็นว่า ปีศาจนั้น มีเขา มีหาง มีเท้าเป็นกีบ ปีศาจอาจจะออกมาในรูปลักษณ์อื่นเพื่อหลอกลวง

แม่มด ปรากฏครั้งแรกในหน้าประวัติศาตร์เมื่อ  ปี คศ 1600 พระเจ้าเจมส์ ที่ 6 แห่งสก็อต ได้รับทราบแผนลอบปลงพระชนม์ที่เอิร์ล แห่งโบธเวลล์ ( Bothwell) เป็นผู้วางแผนโดยใช้คุณไสยของแม่มดเป็นเครื่องมือ พระเจ้าเจมส์มีความเชื่อในอำนาจของปีศาจอยู่แล้ว จึงสืบสวนแม่มดฐานเป็นกบฏ แอกเนส ซิมพ์สัน ( Agnes Simpson) หัวหน้าแม่มดถูกนำมาพิจารณาคดีที่ นอร์ธ เบอร์วิก( North Berwick) หลังจากถูกทรมาน

แอกเนสสารภาพถึงกรรมวิธีต่างๆที่ใช้เพื่อพยายามปลงประชนม์แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากพระเจ้าเจมส์ ทรงเป็นสาวกของพระผู้เป็นเจ้า เป็นผลให้พลังอำนาจของปีศาจไม่สามารถทำอันตรายต่อพระองค์ได้ จากคำสารภาพ ทำให้เหล่าแม่มดมีความผิดจริง จึงถูกประหารโดยการ เผาที่ เอดินเบิร์ก ( Edinberg) ส่วน เอิร์ล แห่ง โบธเวลล์ ผู้เป็นราชนัดดาที่ก่อการทั้งหมดได้ลี้ภัยไปอยู่ประเทศชิลี  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ นอร์ธ เบอร์วิก เป็นจุดเริ่มต้นของการล่าแม่มด แม่มดกลายเป็นคนชั่วร้าย สมควรแก่การล่า สังหารโดยการแขวนคอหรือเผาทั้งเป็น

ภาพการพิจารณาคดี


นั่นแสดงให้เห็นว่า  ก่อนหน้าจะมีการล่าแม่มด มีแม่มดและพวกนอกรีตมาก่อนแล้ว  แล้วพวกนอกรีตและบูชาซาตานก่อนหน้านั้น คืออะไร

อนึ่ง  ต้องเข้าใจว่า  

ในอดีตก่อนที่จะมีศาสนาคริสตร์  ในดินแดนยุโรปมีมากมายหลากหลายศาสนา นึกไม่ออกก็ประมาณพวกนับถือเทพอย่างพวกโรมันโดยในแต่ล่ะท้องถิ่นก็จะมี  การนับเทพเจ้าต่างๆแตกต่างกันไป  จนกระทั่งการมาถึงของศาสนาคริสตร์ และไม่ใช่ว่าปุบปับหลังการสิ้นของพระเยซุ  ศาสนาคริสตร์จะเฟื่องฟูในทันทีทันใด  ยุคแรกๆ ศานาคริสตร์เป็นศาสนาเถื่อนไม่ได้รับการยอมรับในอาณาจักรโรมัน ซึ่งมีอยู่ยุคหนึ่ง  ผู้ที่นับถือศาสนาคริสตร์เคยโดนไล่จับมาเผาทั้งเป็นด้วยซ้ำ แต่ค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในโรมันเนื่องจากนโยบายของโรมันในยุคหลังๆ  ต่อมากาลเวลาผ่านไปศานาคริสตร์ ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในอาณาจักรโรมัน และเฟื่องฟูที่สุดในสมัย  จักรพรรดิคอนแตนตินมหาราช (คนที่สร้างนครคอสแตนติโนเบิล)  แล้วศาสนาเก่าเหล่านี้ หายไปไหนล่ะ ?

ก็ไม่ได้หายไปไหนก็ยังมีผู้ที่นับถืออยู่  เพียงแต่ว่าน้อยลงกว่าแต่ก่อนมาก  แต่ทีนี้การคงอยู่ของมันค่อนข้างตรงกันข้ามกับศาสนาคริสตร์ที่เชื่อว่ามีพระเจ้าผู้เป็นใหญ่เพียงองค์เดียว  ศาสนาเหล่านี้ก็เลยถูกเรียกอย่างดูถูกว่า  พวกนอกรีต หรือ ศาสนาหรือลัทธิเพกิน (Paganism) มาจากภาษาละติน paganus แปลว่า “ผู้ที่อยู่ในชนบท” หรือพวกคนบ้านนอกนั่นแหละ (ยกตัวอย่าง ศาสนาฮินดู ก็เป็นศาสนาเพกินอย่างหนึ่ง)

ต่อมานานๆไป  เทพเจ้าองค์เก่า  ก็กลายเป็นปีศาจในพระคัมภีร์ที่เขียนขึ้นในยุคหลังไปยกตัวอย่าง Mammon (ความโลภ)หนึ่งในตัวแทนบาปทั้ง 7 ในศาสนาคริสตร์ คาแรคเตอร์ก็เอามาจาก เทพเจ้าองค์หนึ่ง ในทางแถวๆซีเรีย  วิธีนี้พวกกรีกก็เคยเอามาใช้ในยุคหนึ่ง คือไปตีเมืองไหนก็รับเอาเทพของทางแถบนั้น  มาผนวกในปาร์ตี้เทพเจ้าตัวเอง  เทพเจ้ากรีกก็เลยเยอะอย่างที่เห็น
ดังนั้นผู้ที่นับถือซาตานหรือพวกนอกรีตในสายตาคริสเตียนในสมัยก่อน   ก็คือพวกนับถือศาสนาเก่านั่นเอง  ต่อมากาลเวลาผ่านไปด้วยอิทธิพลของสื่อต่างๆ ก็กลายเป็นอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้  


จักรพรรดิ คอนแตนตินมหาราช รูปนี้อยู่ที่มหาวิหารโซเฟีย

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่