อยากแก้ไขวัฒนธรรมองค์กรแบบนี้ให้หมดไปจากสังคมไทย


เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจริง โดยคนที่ตกเป็นเหยื่อคือญาติผู้ใหญ่ของตัวผู้เขียนเอง
เรื่องมันมีอยู่ว่า

ญาติของผมได้เข้าไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง เป็นบริษัทโรงโม่หิน ญาติของผมทำงานในตำแหน่ง
พนักงานขับรถสิบล้อ ก็ตามความรู้ความสามารถ ญาติผมเรียนถึงแค่ชั้น ป.4 ด้วยการแนะนำชักจูงจาก
คนที่รู้จักให้เขาได้เดินมาทางนี้  ตามการอนุญาตของโลก

สาเหตุที่ผู้เขียนมาเล่าพร้อมกับตั้งคำถามไปด้วย ก็เพราะว่าเมื่อวันรวมญาติเราได้นั่งสนทนากัน
ญาติของผมบอกว่า ตอนนี้เขาเริ่มแก่แล้ว เริ่มขับรถไม่ไหว บริษัทเลยเลิกจ้างตอนนี้นอนรองานอยู่ที่บ้าน
เงินเก็บก็ไม่มีทั้งที่ทำงานมากว่า 30 ปี

หลังจากที่ได้ฟังผมก็เกิดความสงสัยและอยากหาเหตุผลที่แท้จริงว่าเพราะอะไรถึงทำงานมา 30 ปี
แล้วไม่มีเงินเก็บ จากที่ญาติเล่ามาผู้เขียนสรุปใจความได้ว่า

ที่บริษัทของเขาจะใช้นโยบายให้พนักงานอยู่กินแบบสบาย โดยมีวิธีการที่เจ้าของใช้เพื่อหลอกเหยื่อ
ให้ติดกับก็คือที่ออฟฟิตเขาจะมีร้านค้าที่เป็นร้านของบริษัทเลย  ขายสินค้าปลีกเอากำไรบาทสองบาท
สินค้าที่ขายก็พวกเครื่องดื่มชูกำลัง เหล้า เบียร์ บุหรี่ ยาเส้น กับแกล้ม เอาเป็นว่ามีครบทุกอย่าง  
แบบว่าเลิกงานมาแล้วฉลองได้ทุกวัน

เจ้าของกิจการก็ใจดีเหลือเกิน เรื่องไม่มีเงินไม่ใช่ปัญหาทุกคนสามารถใช้เครดิตซื้อของได้
แบบว่าเซ็นของไว้ก่อนพอเงินเดือนออกค่อยไปหักจากเงินเดือนแทน

อ่าวแล้วทำงานแบบนี้ก็หมดดิเมื่อไหร่จะรวยหละ ไม่ต้อง ไม่ต้อง ที่บริษัทนี้เขามีเจ้ามือรับแทงหวย
สำหรับคนที่อยากจะรวยแล้วไม่รู้จะหาวิธีรวยแบบไหน  ส่วนคนที่รับเป็นเจ้ามือก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
ก็เป็นญาติของเข้าของบริษัทนี่แหละ เอาเป็นว่าครบวงจรเลยบริษัทนี้

ญาติของผู้เขียนใช้ชีวิตวนลูปอยู่ที่นี่ 30 ปี เช้าทำงาน ตกเย็นใช้เครดิตซื้อเหล้ามากินกัน กลางเดือนเล่นหวย
พอไม่ถูกหวยก็กินเหล้าย้อมใจ หลังจากผ่านกลางเดือนก็กลับมาทำงาน เช้าทำงาน ตกเย็นใช้เครดิตกินเหล้าเหมือนเดิม
สิ้นเดือนเงินเดือนออกหักค่านู่นนี่นั่นหักค่าแทงหวยสิ้นเดือนอีก ตกเหลือเงินจากการทำงานทั้งเดือนแค่ 2,000 บาท

ลูปนี้น่ากลัวมากยากที่จะออกมา ญาติของผมติดอยู่ในลูปนี้กว่า 30 ปี มีเงินติดตัวแค่เงินประกันสังคมที่ทำไว้
ประมาณหลักแสน(ถ้าไม่มีนโยบายเก็บเงินประกันสังคมจะทำยังไงต่อผู้เขียนไม่อยากจะคิด)

อยากจะถามคนที่เข้ามาอ่านลองตอบดูว่าเป็นความผิดใครครับ

มีคนในครอบครัวของใครบ้างที่เจอกับเหตุการณ์แบบนี้
มาแชร์กันหน่อย แล้วอยู่ในลูปนี้มากี่ปี

การให้เครดิตกับพนักงานแบบนี้ดีไหมครับ

แบบนี้เรียกว่าบริษัทเอาเปรียบหรือเปล่าครับ

แล้วจะทำอย่างไรดีครับถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้



ขอบคุณ ขอบคุณ ล่วงหน้าสำหรับความคิดเห็นทุกความคิดเห็นนะครับ
กดติดตามเรื่องราวที่ให้เพื่อนๆมาร่วมกันแสดงความคิดเห็น
เพราะเราต่างยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน

ได้ที่    ได้ที่    ได้ที่  

https://web.facebook.com/penproud.writer/?modal=admin_todo_tour
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่