'ชำนาญ' ชี้ มาตรการแจกเงินก่อนเลือกตั้ง โดยหลักไม่ควรทำ แถม 4 รมต.ยังอยู่ใน รบ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_1237296
“ชำนาญ” เย้ย รบ. คนรู้ทันแจกเงินผ่านบัตรคนจนใช้งบแผ่นดินหาเสียง บอกไม่ยั่งยืน แนะผลักดันรัฐสวัสดิการดีกว่า
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน นาย
ชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวถึง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แจกเงินผ่านบัตรคนจนของรัฐบาล คสช. ว่าไม่ต่างจากอดีตที่ผ่านมา เป็นประชานิยม ชัดเจนว่าเป็นการหาเสียง ซึ่งต้องคำนึงถึงการใช้เงินภาษีของประชาชนผ่านงบประมาณของแผ่นดิน ตนมองว่า ประชาชนในวันนี้ก็ไม่เหมือนที่ผ่านมา ที่ทุกคนต่างก็รู้หมดแล้วอะไรเป็นอะไร หากต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีการแบบนี้ ก็เป็นเพียงการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่ยั่งยืน ถ้ามีความจริงใจต่อการสร้างความเป็นอยู่ที่ดี ให้ประชาชน ก็ควรผลักดันในการสร้างรัฐสวัสดิการจะดีกว่า อีกทั้งตามหลักการแล้วมาตรการเหล่านี้ไม่ควรทำ เพราะ 4 รัฐมนตรีที่เข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็เป็นบุคคลในรัฐบาลรับผิดชอบกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งยังไม่ลาออก แล้วก็เตรียมตัวลงเลือกตั้งต้นปี 2562
นักวิชาการซัด รบ.แจกงบ ปชช.แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เรียกคะแนนนิยม หวังสืบทอดอำนาจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_1237066
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน นาย
โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวถึงกรณีที่ ครม.เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตรการช่วยเหลือข้าราชการบำนาญ และอนุมัติโครงการบ้านล้านหลัง ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 5 หมื่นล้านบาท ว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการดูแลประชาชนทั้งทางเศรษฐกิจและทุกด้าน ลักษณะของมาตรการนั้นดีแต่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง คือต้องดูแลตั้งแต่เกิดจนตายในฐานะที่เรียกว่า หลักการรัฐสวัสดิการ การดูแลคนยากจนเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่ คสช.ทำเป็นแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ควรจะมีวิธีสร้างกระบวนการในการดูแลคนระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงสร้างภาษี การปฏิรูปที่ดิน ปฏิรูปโครงสร้างพยาบาล ปฏิรูปโครงสร้างการศึกษา ปฏิรูปเรื่องการกระจายอำนาจ เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลจากรัฐบาลตั้งแต่เกิดจนตาย เข้าใจว่ารัฐบาลคงมองจากมิติปัญหาด้านเศรษฐกิจตกต่ำที่คนอยู่ในสภาวะยากลำบากจึงมีมาตรการนี้ แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ที่กำลังจะมีการเลือกตั้ง และก่อนหน้านี้ก็มีเหตุที่ คสช.ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีความพยายามที่จะสืบทอดอำนาจ ทั้งจากกระบวนการแบ่งเขตเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคต่างๆ ที่เป็นแนวร่วม คสช.ยังไม่พร้อม การมีมาตรการนี้ออกมายิ่งทำให้สังคมตั้งคำถามได้ง่ายๆ ว่าเป็นการเอาเงินจำนวนมากมาสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองหรือไม่
นาย
โอฬารกล่าวต่อว่า ในสถานการณ์ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เราไม่มีวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ถูกวิธี และยั่งยืน มีแต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ถึงแม้จะช่วยได้ส่วนหนึ่ง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกส่วนหนึ่งถูกมองว่าเป็นการสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองเพื่อดึงความนิยมของคนเหล่านี้ไปสนับสนุนพรรค สนับสนุนเครือข่าย หรือกลุ่มการเมืองที่ คสช.หนุนหลังอยู่ มาตรการนี้จึงเป็นอีกวิถีทางในการพยายามสืบทอดอำนาจเพื่อจะได้รับคะแนนนิยม หรือมีผลต่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
“คิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ คสช.ทุ่มไม่อั้น เพราะการเลือกตั้งครั้งหน้า คสช.แพ้ไม่ได้ เนื่องจากมีต้นทุนสูงมาก เมื่อแพ้ไม่ได้จึงจำเป็นต้องทำทุกวิถีทาง ถ้าดูก่อนหน้านี้ก็มีการปรับเขต มีการพยายามดึงดูดต่างๆ ทั้งกลุ่มก๊วนทางการเมือง กลุ่มสามมิตรเหล่านี้เข้ามาเยอะมาก ตอนนี้มีการอัดเงินกับคนรากหญ้าเข้าไปอีก คิดว่าถ้าประเมินแล้วกระแสยังไม่ดีก็จะอัดเงินเข้าไปอีก ซึ่งน่ากังวลกับผลที่จะตามมาในภาพรวมของประเทศ ว่าจะอันตรายหรือไม่ถ้าเราใช้เม็ดเงินจำนวนนี้ในการดูแลคน การดูแลคนนั้นดี แต่ต้องดูแลให้ถูกวิธี ไม่ใช่ดูแลเพียงเพื่อหวังผลคะแนนเสียงทางการเมืองเฉพาะหน้า ถ้า คสช.อยากสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองก็สามารถทำได้ แต่ไม่สมควรทำในช่วงเวลานี้ ควรจะทำก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ ไม่ใช่มาทำเอาปลายน้ำ เพราะจะได้ไม่คุ้มเสีย” นาย
โอฬารกล่าว
JJNY : 4in1 ชำนาญชี้แจกเงินก่อนลต.โดยหลักไม่ควรทำ/นักวิชาการซัด รบ.แจกงบ/ท่องเที่ยวต.ค.ติดลบ/ราคาพริกดิ่งเหว!
https://www.matichon.co.th/politics/news_1237296
“ชำนาญ” เย้ย รบ. คนรู้ทันแจกเงินผ่านบัตรคนจนใช้งบแผ่นดินหาเสียง บอกไม่ยั่งยืน แนะผลักดันรัฐสวัสดิการดีกว่า
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวถึง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แจกเงินผ่านบัตรคนจนของรัฐบาล คสช. ว่าไม่ต่างจากอดีตที่ผ่านมา เป็นประชานิยม ชัดเจนว่าเป็นการหาเสียง ซึ่งต้องคำนึงถึงการใช้เงินภาษีของประชาชนผ่านงบประมาณของแผ่นดิน ตนมองว่า ประชาชนในวันนี้ก็ไม่เหมือนที่ผ่านมา ที่ทุกคนต่างก็รู้หมดแล้วอะไรเป็นอะไร หากต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีการแบบนี้ ก็เป็นเพียงการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่ยั่งยืน ถ้ามีความจริงใจต่อการสร้างความเป็นอยู่ที่ดี ให้ประชาชน ก็ควรผลักดันในการสร้างรัฐสวัสดิการจะดีกว่า อีกทั้งตามหลักการแล้วมาตรการเหล่านี้ไม่ควรทำ เพราะ 4 รัฐมนตรีที่เข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็เป็นบุคคลในรัฐบาลรับผิดชอบกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งยังไม่ลาออก แล้วก็เตรียมตัวลงเลือกตั้งต้นปี 2562
นักวิชาการซัด รบ.แจกงบ ปชช.แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เรียกคะแนนนิยม หวังสืบทอดอำนาจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_1237066
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน นายโอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวถึงกรณีที่ ครม.เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตรการช่วยเหลือข้าราชการบำนาญ และอนุมัติโครงการบ้านล้านหลัง ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 5 หมื่นล้านบาท ว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการดูแลประชาชนทั้งทางเศรษฐกิจและทุกด้าน ลักษณะของมาตรการนั้นดีแต่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง คือต้องดูแลตั้งแต่เกิดจนตายในฐานะที่เรียกว่า หลักการรัฐสวัสดิการ การดูแลคนยากจนเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่ คสช.ทำเป็นแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ควรจะมีวิธีสร้างกระบวนการในการดูแลคนระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงสร้างภาษี การปฏิรูปที่ดิน ปฏิรูปโครงสร้างพยาบาล ปฏิรูปโครงสร้างการศึกษา ปฏิรูปเรื่องการกระจายอำนาจ เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลจากรัฐบาลตั้งแต่เกิดจนตาย เข้าใจว่ารัฐบาลคงมองจากมิติปัญหาด้านเศรษฐกิจตกต่ำที่คนอยู่ในสภาวะยากลำบากจึงมีมาตรการนี้ แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ที่กำลังจะมีการเลือกตั้ง และก่อนหน้านี้ก็มีเหตุที่ คสช.ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีความพยายามที่จะสืบทอดอำนาจ ทั้งจากกระบวนการแบ่งเขตเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคต่างๆ ที่เป็นแนวร่วม คสช.ยังไม่พร้อม การมีมาตรการนี้ออกมายิ่งทำให้สังคมตั้งคำถามได้ง่ายๆ ว่าเป็นการเอาเงินจำนวนมากมาสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองหรือไม่
นายโอฬารกล่าวต่อว่า ในสถานการณ์ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เราไม่มีวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ถูกวิธี และยั่งยืน มีแต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ถึงแม้จะช่วยได้ส่วนหนึ่ง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกส่วนหนึ่งถูกมองว่าเป็นการสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองเพื่อดึงความนิยมของคนเหล่านี้ไปสนับสนุนพรรค สนับสนุนเครือข่าย หรือกลุ่มการเมืองที่ คสช.หนุนหลังอยู่ มาตรการนี้จึงเป็นอีกวิถีทางในการพยายามสืบทอดอำนาจเพื่อจะได้รับคะแนนนิยม หรือมีผลต่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
“คิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ คสช.ทุ่มไม่อั้น เพราะการเลือกตั้งครั้งหน้า คสช.แพ้ไม่ได้ เนื่องจากมีต้นทุนสูงมาก เมื่อแพ้ไม่ได้จึงจำเป็นต้องทำทุกวิถีทาง ถ้าดูก่อนหน้านี้ก็มีการปรับเขต มีการพยายามดึงดูดต่างๆ ทั้งกลุ่มก๊วนทางการเมือง กลุ่มสามมิตรเหล่านี้เข้ามาเยอะมาก ตอนนี้มีการอัดเงินกับคนรากหญ้าเข้าไปอีก คิดว่าถ้าประเมินแล้วกระแสยังไม่ดีก็จะอัดเงินเข้าไปอีก ซึ่งน่ากังวลกับผลที่จะตามมาในภาพรวมของประเทศ ว่าจะอันตรายหรือไม่ถ้าเราใช้เม็ดเงินจำนวนนี้ในการดูแลคน การดูแลคนนั้นดี แต่ต้องดูแลให้ถูกวิธี ไม่ใช่ดูแลเพียงเพื่อหวังผลคะแนนเสียงทางการเมืองเฉพาะหน้า ถ้า คสช.อยากสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองก็สามารถทำได้ แต่ไม่สมควรทำในช่วงเวลานี้ ควรจะทำก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ ไม่ใช่มาทำเอาปลายน้ำ เพราะจะได้ไม่คุ้มเสีย” นายโอฬารกล่าว