กระทูนี้ขอมาแชร์ประสบการณ์เผื่อเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆที่กำลังหาข้อมูลนะคะ
จขกท. เป็นถุงน้ำรังไข่ หรือที่เรียกง่ายๆว่า ซีสต์รังไข่ค่ะ
เกริ่นก่อนนะคะว่า จขกท.อายุ 26 ปี ไม่เคยตรวจภายในมาก่อนเลย แต่งงานเมื่อปลายปี 60 ก็ทานยาคุมได้ 4 เดือน ตัดสินใจปล่อยให้มีน้องค่ะ (ก่อนหน้านี้ก็เคยมีทานยาคุมบ้าง แต่หยุดทานมานานแล้ว มีวินัยในการทานมากๆ ตรงเวลาเป๊ะ ไม่เคยลืม)
ตั้งแต่เดือนมีนาคม 61 เป็นต้นมา เริ่มปล่อยมีน้อง ไม่ท้องสักที เลยคิดว่าอาจจะมีฤทธิ์ยาคุมหลงเหลืออยู่เลยไม่คิดอะไรมากค่ะ ก็บำรุงร่างกายเตรียมตัวมีการทานโฟลิกมาเรื่อยๆ ก็ไม่ท้องเลยหยุด (ท้อ+ปลง 555) เปลี่ยนมาทานยาบำรุงไข่ น้ำมะกรูด ดื่มนม ปล่อยมาเรือยๆจนเดือนสิงหาคม 61 ลองไปตรวจภายในดู เพราะไม่เคยตรวจ ไม่ได้คิดอะไรมากเลยค่ะ เช็คดูเฉยๆ ไม่ได้ปวดหรือมีอาการอะไรเลย
ไปคลินิกสูติ รอคิวตรวจ หมอให้ถอดกางเกง ขึ้นขาหยั่ง หมอก็คลำภายในแล้วกดหน้าท้อง กดเจอก้อน หมอถามว่า " ถ่ายแล้วยังวันนี้ เหมือนเจอก้อนนะ อาจจะเป็นก้อนอุจจาระก็ได้" หมอเลยให้ออกไปดื่มน้ำรอจนปวดปัสสาวะแล้วไปอัลตร้าซาวด์อีกครั้ง
อัลตร้าซาวด์ทางหน้าท้อง เจอก้อนขนาดประมาณ 5cm. หมอบอกว่าเป็นถุงน้ำรังไข่นะ (เดอมอยซีส) ต้องผ่าตัด (ตอนนั้นคือเอ๋อเลย มึน ตรวจครั้งแรกในชีวิตแจ๊กพอตเลย) ก็เลยถามหมอว่า "แล้วหนูต้องทำไงคะ" หมอท่านนี้ให้ไปติดต่อโรงพยาบาลเอง และหมอไม่ผ่าให้นะจะเป็นนักศึกษาแพทย์ เราเลยเปลี่ยนหมอค่ะ
คราวนี้ไปอีกหมอนึงค่ะ ตรวจใหม่ แจ้งว่าไปมาแล้วจากคลีนิกอีกที่ หมอท่านนี้ซาวด์ทางช่องคลอด ก็เจอเช่นกันค่ะ แต่ขนาดไม่เท่ากันคลาดเคลื่อนเล็กน้อย ก็นัดวันผ่า เป็น 14 พ.ย.61 ใช้สิทธิ์ประกันสังคม หมอให้เลือกว่าจะผ่าแบบส่องกล้อง หรือ เปิดหน้าท้อง
"จขกท.เลือกแบบส่องกล้อง ใช้สิทธิ์ประกันสังคม"
14 ต.ค.61 นัดตรวจเพื่อดูขนาด 1 เดือนก่อนผ่า มันใหญ่ขึ้นค่ะ เกือบๆ 7 cm ระยะเวลาแค่ 2 เดือน จาก 5cm (เร็วมากๆ)
12 พ.ย.61 นัดชำระเงิน (เพราะเราเลือกแบบผ่านคลินิกจะมีค่าหมอต่างหาก ประมาณว่าฝากพิเศษ ไม่สามารถเบิกได้ค่ะ ที่เลือกแบบนี้เพราะต้องการให้มีหมอเจ้าของไข้ มั่นใจว่าหมอคนนี้ผ่าให้ แต่ถ้าเลือกแบบไปโรงพยาบาลเลย ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ แต่เราไม่รู้ว่าใครเป็นคนผ่าให้ ง่ายๆซื้อความสบายใจ)
13 พ.ย.61 แอดมินก่อน 1 คืนค่ะ เริ่มนอนตั้งแต่เที่ยงวันที่ 13 เลือกแบบห้องพิเศษ ราคาคืนละ 1,500 บาท (จ่ายจริง 1,100 บาท ที่เหลือ ปกส.ออกให้) พยาบาลเข้ามาวัดความดัน วัดไข้เรื่อยๆค่ะ แทบทั้งคืน กลางคืนพยาบาลเข้ามาสวนอุจจาระให้ เริ่มงดน้ำ-อาหารตั้งแต่ 2 ทุ่ม จริงๆหลังเที่ยงคืนจ้า
14 พ.ย.61 แต่เช้าประมาณ 7.00 พยาบาลเข้ามาสวนอุจจาระให้อีกรอบ เจาะสายน้ำเกลือ โกนขนน้องสาว สวนสายปัสสาวะ (อันนี้กลัวเจ็บมาก ความดันขึ้นเลย กลัว) แต่ความจริงไม่เจ็บเลย จะแสบๆนิดๆ
8.30 เข็นเตียงไปห้องผ่าตัดแล้ววว ฮือ กลัว
9.15 เข้าห้องผ่าตัดแล้ว ถูกเปลี่ยนเตียงเป็นเตียงผ่าตัด วิสัญญีติดสายอะไรไม่รู้รุงรังไปหมด ยังแซวๆกันว่าพอดีเราไม่มีแบบใยแก้วนะคะ กลัวจะพันคอคนไข้ เราก็หัวเราะ 55 (โรงพยาบาลรัฐจ้า) และเอาแขนเราวางแนบกับตัว จะมีแท่นวางแขน แล้วเริ่มให้ดมอะไรไม่รู้เป็นหน้ากาก(ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นยาสลบ นึกว่าออกซิเจน 55 ) มีฉีดอะไรไม่รู้เข้าสายน้ำเกลือด้วย เราก็ดมไปลืมตาไป ตาเริ่มเบลอๆ ปุ๊บ หลับเลยจ้าาา ..
ตื่นอีกที วิสัญญีปลุกว่า "คนไข้คะ เสร็จแล้วค่ะ" และเข็นไปห้องพักฟื้น นี่ไม่รู้สึกตัวเลย เราเคยกังวลว่าหลับแล้วจะไม่รู้สึกอะไรจริงๆหรอ มีความสงสัย -*-
พอตื่นแล้วเราสั่นไปทั้งตัวเลยค่ะ จะหนาวก็ไม่ใช่ มันบอกไม่ถูก แต่ไม่เวียนหัว ไม่คลื่นไส้เลย (แปลว่าไม่แพ้ยาสลบ) แต่เจ็บคอมากกก เค้าบอกว่าเป็นเพราะใส่เครื่องช่วยหายใจกับฤทธิ์ยาสลบ พยาบาลผ้าที่เป่าลมร้อนมาห่มให้ค่ะ เพราะเราสั่น ก็ดีขึ้น แล้วก็เข็นกลับห้องพัก
ความรู้สึก ทำไมไม่เจ็บเลยอะ นี่ผ่าแล้วหรอ 55 มีปวดๆค่ะ ไม่รู้เพราะปวดแผลหรือปวดข้างใน ส่องกล้องมีแผล 3 จุด คือสะดือ และด้านข้างมี 2 จุด เอาผ้าก๊อซปิดด้วยแผ่นกันน้ำอีกที นอนปุ้บเราลุกเลยค่ะ ปวดฉี่มาก แม่เอาโถมาเราก็ไม่กล้าฉี่ แต่กว่าจะลุกขึ้นได้ำลบากเหมือนกัน มันปวด มือก็ค้ำไม่ได้เพราะเสียบเข็มน้ำเกลือ
พอฉี่เสร็จซับด้วยทิชชู่มีเลือดติดมาค่ะ ปานกลาง เป็นเลือดจากการผ่าตัดข้างใน 2-3 วันเลือดจะค่อยๆเปลี่ยนจากสีแดงเป็นคล้ำขึ้นแล้วก็ไม่ออกอีกเลยค่ะ
ปวดแผลอยู่แค่ 2 วัน วันที่ 3 เดินได้แล้วจ้า สรุปๆคือ ภายใน 7 วันไปทำงานได้ปกติ เดินได้ นั่งรถได้ ไม่รู้สึกอะไรเลย หมอนัดฟังผลชิ้นเนื้อว่าเป็นเนื้อร้ายไหม กับดูแผล ครบ 1 อาทิตย์หลังผ่า
สรุปค่าใช้จ่าย ทั้งหมด 47,3xx บาท จ่ายเองแค่ 3,300 บาท ค่าห้องพิเศษ ที่เหลือประกันสังคมออกให้ มาแชร์ประสบการณ์เพราะก่อนเข้ารับผ่าตัด เรากังวลเหมือนกัน หาข้อมูลก็ไม่มี โทรไปปกส.ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับมา เพราะเลือกแบบส่องกล้อง (มันแพง กลัวปกส.ไม่จ่าย ไปลุ้นตอนจ่ายตังค์ 55)
ส่องกล้อง ข้อดีคือ ผลกระทบน้อย ไม่มีแผล หายเร็ว / ข้อเสียคือ แพงงงจ้า ถ้าเอกชนก็เป็นแสนอะ
เราถูกตัดรังไข่กับท่อนำไข่ข้างขวาไปนะคะ ต่อไปนี้บอกกับตัวเองว่าจะตรวจภายในทุกๆ 6 เดือนเลย
แชร์ประสบการณ์ผ่าตัดถุงน้ำรังไข่
จขกท. เป็นถุงน้ำรังไข่ หรือที่เรียกง่ายๆว่า ซีสต์รังไข่ค่ะ
เกริ่นก่อนนะคะว่า จขกท.อายุ 26 ปี ไม่เคยตรวจภายในมาก่อนเลย แต่งงานเมื่อปลายปี 60 ก็ทานยาคุมได้ 4 เดือน ตัดสินใจปล่อยให้มีน้องค่ะ (ก่อนหน้านี้ก็เคยมีทานยาคุมบ้าง แต่หยุดทานมานานแล้ว มีวินัยในการทานมากๆ ตรงเวลาเป๊ะ ไม่เคยลืม)
ตั้งแต่เดือนมีนาคม 61 เป็นต้นมา เริ่มปล่อยมีน้อง ไม่ท้องสักที เลยคิดว่าอาจจะมีฤทธิ์ยาคุมหลงเหลืออยู่เลยไม่คิดอะไรมากค่ะ ก็บำรุงร่างกายเตรียมตัวมีการทานโฟลิกมาเรื่อยๆ ก็ไม่ท้องเลยหยุด (ท้อ+ปลง 555) เปลี่ยนมาทานยาบำรุงไข่ น้ำมะกรูด ดื่มนม ปล่อยมาเรือยๆจนเดือนสิงหาคม 61 ลองไปตรวจภายในดู เพราะไม่เคยตรวจ ไม่ได้คิดอะไรมากเลยค่ะ เช็คดูเฉยๆ ไม่ได้ปวดหรือมีอาการอะไรเลย
ไปคลินิกสูติ รอคิวตรวจ หมอให้ถอดกางเกง ขึ้นขาหยั่ง หมอก็คลำภายในแล้วกดหน้าท้อง กดเจอก้อน หมอถามว่า " ถ่ายแล้วยังวันนี้ เหมือนเจอก้อนนะ อาจจะเป็นก้อนอุจจาระก็ได้" หมอเลยให้ออกไปดื่มน้ำรอจนปวดปัสสาวะแล้วไปอัลตร้าซาวด์อีกครั้ง
อัลตร้าซาวด์ทางหน้าท้อง เจอก้อนขนาดประมาณ 5cm. หมอบอกว่าเป็นถุงน้ำรังไข่นะ (เดอมอยซีส) ต้องผ่าตัด (ตอนนั้นคือเอ๋อเลย มึน ตรวจครั้งแรกในชีวิตแจ๊กพอตเลย) ก็เลยถามหมอว่า "แล้วหนูต้องทำไงคะ" หมอท่านนี้ให้ไปติดต่อโรงพยาบาลเอง และหมอไม่ผ่าให้นะจะเป็นนักศึกษาแพทย์ เราเลยเปลี่ยนหมอค่ะ
คราวนี้ไปอีกหมอนึงค่ะ ตรวจใหม่ แจ้งว่าไปมาแล้วจากคลีนิกอีกที่ หมอท่านนี้ซาวด์ทางช่องคลอด ก็เจอเช่นกันค่ะ แต่ขนาดไม่เท่ากันคลาดเคลื่อนเล็กน้อย ก็นัดวันผ่า เป็น 14 พ.ย.61 ใช้สิทธิ์ประกันสังคม หมอให้เลือกว่าจะผ่าแบบส่องกล้อง หรือ เปิดหน้าท้อง
"จขกท.เลือกแบบส่องกล้อง ใช้สิทธิ์ประกันสังคม"
14 ต.ค.61 นัดตรวจเพื่อดูขนาด 1 เดือนก่อนผ่า มันใหญ่ขึ้นค่ะ เกือบๆ 7 cm ระยะเวลาแค่ 2 เดือน จาก 5cm (เร็วมากๆ)
12 พ.ย.61 นัดชำระเงิน (เพราะเราเลือกแบบผ่านคลินิกจะมีค่าหมอต่างหาก ประมาณว่าฝากพิเศษ ไม่สามารถเบิกได้ค่ะ ที่เลือกแบบนี้เพราะต้องการให้มีหมอเจ้าของไข้ มั่นใจว่าหมอคนนี้ผ่าให้ แต่ถ้าเลือกแบบไปโรงพยาบาลเลย ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ แต่เราไม่รู้ว่าใครเป็นคนผ่าให้ ง่ายๆซื้อความสบายใจ)
13 พ.ย.61 แอดมินก่อน 1 คืนค่ะ เริ่มนอนตั้งแต่เที่ยงวันที่ 13 เลือกแบบห้องพิเศษ ราคาคืนละ 1,500 บาท (จ่ายจริง 1,100 บาท ที่เหลือ ปกส.ออกให้) พยาบาลเข้ามาวัดความดัน วัดไข้เรื่อยๆค่ะ แทบทั้งคืน กลางคืนพยาบาลเข้ามาสวนอุจจาระให้ เริ่มงดน้ำ-อาหารตั้งแต่ 2 ทุ่ม จริงๆหลังเที่ยงคืนจ้า
14 พ.ย.61 แต่เช้าประมาณ 7.00 พยาบาลเข้ามาสวนอุจจาระให้อีกรอบ เจาะสายน้ำเกลือ โกนขนน้องสาว สวนสายปัสสาวะ (อันนี้กลัวเจ็บมาก ความดันขึ้นเลย กลัว) แต่ความจริงไม่เจ็บเลย จะแสบๆนิดๆ
8.30 เข็นเตียงไปห้องผ่าตัดแล้ววว ฮือ กลัว
9.15 เข้าห้องผ่าตัดแล้ว ถูกเปลี่ยนเตียงเป็นเตียงผ่าตัด วิสัญญีติดสายอะไรไม่รู้รุงรังไปหมด ยังแซวๆกันว่าพอดีเราไม่มีแบบใยแก้วนะคะ กลัวจะพันคอคนไข้ เราก็หัวเราะ 55 (โรงพยาบาลรัฐจ้า) และเอาแขนเราวางแนบกับตัว จะมีแท่นวางแขน แล้วเริ่มให้ดมอะไรไม่รู้เป็นหน้ากาก(ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นยาสลบ นึกว่าออกซิเจน 55 ) มีฉีดอะไรไม่รู้เข้าสายน้ำเกลือด้วย เราก็ดมไปลืมตาไป ตาเริ่มเบลอๆ ปุ๊บ หลับเลยจ้าาา ..
ตื่นอีกที วิสัญญีปลุกว่า "คนไข้คะ เสร็จแล้วค่ะ" และเข็นไปห้องพักฟื้น นี่ไม่รู้สึกตัวเลย เราเคยกังวลว่าหลับแล้วจะไม่รู้สึกอะไรจริงๆหรอ มีความสงสัย -*-
พอตื่นแล้วเราสั่นไปทั้งตัวเลยค่ะ จะหนาวก็ไม่ใช่ มันบอกไม่ถูก แต่ไม่เวียนหัว ไม่คลื่นไส้เลย (แปลว่าไม่แพ้ยาสลบ) แต่เจ็บคอมากกก เค้าบอกว่าเป็นเพราะใส่เครื่องช่วยหายใจกับฤทธิ์ยาสลบ พยาบาลผ้าที่เป่าลมร้อนมาห่มให้ค่ะ เพราะเราสั่น ก็ดีขึ้น แล้วก็เข็นกลับห้องพัก
ความรู้สึก ทำไมไม่เจ็บเลยอะ นี่ผ่าแล้วหรอ 55 มีปวดๆค่ะ ไม่รู้เพราะปวดแผลหรือปวดข้างใน ส่องกล้องมีแผล 3 จุด คือสะดือ และด้านข้างมี 2 จุด เอาผ้าก๊อซปิดด้วยแผ่นกันน้ำอีกที นอนปุ้บเราลุกเลยค่ะ ปวดฉี่มาก แม่เอาโถมาเราก็ไม่กล้าฉี่ แต่กว่าจะลุกขึ้นได้ำลบากเหมือนกัน มันปวด มือก็ค้ำไม่ได้เพราะเสียบเข็มน้ำเกลือ
พอฉี่เสร็จซับด้วยทิชชู่มีเลือดติดมาค่ะ ปานกลาง เป็นเลือดจากการผ่าตัดข้างใน 2-3 วันเลือดจะค่อยๆเปลี่ยนจากสีแดงเป็นคล้ำขึ้นแล้วก็ไม่ออกอีกเลยค่ะ
ปวดแผลอยู่แค่ 2 วัน วันที่ 3 เดินได้แล้วจ้า สรุปๆคือ ภายใน 7 วันไปทำงานได้ปกติ เดินได้ นั่งรถได้ ไม่รู้สึกอะไรเลย หมอนัดฟังผลชิ้นเนื้อว่าเป็นเนื้อร้ายไหม กับดูแผล ครบ 1 อาทิตย์หลังผ่า
สรุปค่าใช้จ่าย ทั้งหมด 47,3xx บาท จ่ายเองแค่ 3,300 บาท ค่าห้องพิเศษ ที่เหลือประกันสังคมออกให้ มาแชร์ประสบการณ์เพราะก่อนเข้ารับผ่าตัด เรากังวลเหมือนกัน หาข้อมูลก็ไม่มี โทรไปปกส.ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับมา เพราะเลือกแบบส่องกล้อง (มันแพง กลัวปกส.ไม่จ่าย ไปลุ้นตอนจ่ายตังค์ 55)
ส่องกล้อง ข้อดีคือ ผลกระทบน้อย ไม่มีแผล หายเร็ว / ข้อเสียคือ แพงงงจ้า ถ้าเอกชนก็เป็นแสนอะ
เราถูกตัดรังไข่กับท่อนำไข่ข้างขวาไปนะคะ ต่อไปนี้บอกกับตัวเองว่าจะตรวจภายในทุกๆ 6 เดือนเลย