ระบบราชการอาวุโส ทำร้ายระบบราชการไทย
จริง ๆ แล้วระบบราชการไทยถือเป็นระบบที่ดีพอสมควร แน่ตัวข้าราชการเองทำให้ระบบดูว่าไม่เป็น
เอาระบบอาวุโสมาใช้ในระบบราชการ ซึ่งถามว่าดีไหมก็มีส่วนดี นั้นคือเป็นธรรมเนียมของไทยมาตั้งเเต่อดีตที่ให้ความเคารพผู้อาวุโส แต่เมื่อเอามารวมกับระบบราชการ เช่นปัจจุบันทำให้ผู้อาวุโสในระบบราชการไม่ค่อยน่าเคารพเท่าไหร่ ด้วยจริงเเล้วการที่เราเคารพผู้อาวุโสถือเป็นสิ่งหนึ่งแต่การทำตัวให้ควรเคารพก็คือสิ่งหนึ่งเช่นกัน ถือว่าสองสิ่งนี้มันคู่กัน
***และสิ่งที่ทำให้ระบบราชกาาไทยดูเเย่น่าเบื่อ ทำให้คนรุ่นใหม่ที่เข้าสู่ระบบราชการ ระอากันไปนักต่อนักคือ ระบบเงินเดือนตามอายุงาน นั้นคือทำงานมานานเงินเดือนเยอะในขณะที่คนทำงานใหม่เงินเดือนน้อย จริง ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ถ้ามันเป็นประเทศอื่น ที่ไม่ใช่ประเทศไทย ทำงานนานเท่ากับอาวุโส ทำให้ท่านอาวุโสทั้งหลายมักคิดว่าเงินที่ได้คือการตอบเเทนการทำงานมานาน ซึ่งความคิดส่วนตัวแล้วมันไม่ใช่เงินเดือนที่มาก็คือการตอบเเทนการทำงานหนักในเเต่ละงานนั้น รัฐให้เงินเดือนเยอะรัฐก็มั่งหวังว่าท่านจะทำงานอย่างหนักให้คุ้มกับที่รักเชื่อมั่นการทำงานของท่านมาอย่างยาวนาน รัฐเชื่อมั่นว่าท่านจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เหมือนในประเทศอื่น ๆ ที่ท่านทำงานเยอะก็ได้เยอะ ทำงานดีได้เยอะ เเต่ในสังคมไทยนั้นเหรอ คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ มักอ้างว่า พี่ทำมาเยอะทำมาก่อน แล้วมักโยนงานให้กับรุ่นน้อง บ้างหรือรับงานน้อยบ้าง อ้างว่าทำไม่ได้บ้าง ในเเต่วันเข้ามาเซ็นชื่อ ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ มีงานมาปฏิเสธที่จะทำ แม้ผู้บริหารสั่งยังเพิกเฉย อาศัยความอาวุโส C เยอะกว่าอายุงานเยอะกว่า ผบ.ระบบใหม่ ๆเข้ามาก็ไม่รับ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง นั่งเป็นปูชนียบุคคลในหน่อยงาน
ั***ในทางกลับกัน รุ่นน้องที่เป็นคนที่พึ่งเริ่มเข้าสู่ระบบราชการ ประสบการณ์ยังไม่มีที่น้องอาศัยระยะเวลาในการเรียนรู้การปฏิบัติงานในระบบราชการ ต้องการการสั่งสมความรู้ เพื่อนปฏิบัติงานอย่างสุดความสามรถ คนเหล่านี้จำเป็นต้องเรียนรู้งานจากผู้อาวุโสเหล่านั้น ถ่ายทอดประสบการณ์ทำงานเอามาต่อยอดกับความรู้ใหม่ ๆ ที่ตนร่ำเรียนมาเพื่อพัฒนาประเทศ ให้เจริญก้าวหน้าต่อไป กลับต้องได้ภาระงานที่หนักอึ้ง จนล้นมือไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพกลับต้องทำงานให้ผ่าน ๆ เสร็จ ๆ เพื่อส่ง ๆ ไป หนำซ้ำยังได้รับงานตกทอดจากท่านผู้อาวุโสมาทำอีก และที่สำคัญมักจะไม่ทราบเเนวทางที่ต้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
***ที่สำคัญไปกว่าการับงานที่มากโขคือการให้ค่าตอบแทนที่ดูเหมือนจะไม่เท่าภาระงานที่มีจริง ๆ หากคิดทำงานเพื่อราชการก็ไม่ควรพูดเรื่องเงิน
แต่มองมุมกลับกันมันก็มีส่วนทำให้ลดทอนภาวะการอยากทำงายของคนเหล่านี้ เพราะมันดูไม่ยุติธรรมเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับผู้อาวุโส ทำให้มีหลายคนถึงขั้นลาออกเพื่อไปทำงานส่วนตัว ทำให้ราชการต้องเสียคนเก่งคนดีไปไม่น้อย
***จริงอยุ่ที่มีระบบประเมินงานเเต่ด้วยระบบอาวุโสระบบประเมินจึงไม่ได้ผลในระบบราชการไทยเท่าที่ควร
***หากระบบค่าตอบเเทนยึดโยงกับภาระงาน และประสิทธิภาพงานไม่ยึดโยงกับอายุงาน เเละระบบอาวุโส เชื่อว่าจะสร้างประโยชน์ต่อราชการมากกว่า ข้าราชการจะเกิดการเเข่งขันกันทำงานและงานจะมีประสิทธิภาพ
ทุกวันนี้ข้าราชการอาวุโสเริ่มมีมากขึ้นเนื่องจากสังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หากไม่รีบเเก้ไขระบบราชการจะไม่มีคนเก่งคนมีความสามารถมาทำงานจะถูกระบบเดิมกลืนกินไปจะไม่สามารถพัฒนาก้าวหน้าขึ้นไปสุดท้ายระบบเดิมจะหมุนวนเป็นวัฏจักรเมื่อคนหนั่มสาวเหล่านี้เติบโตในทางอายุการทำงาน ก็จะมีพฤติกรรมแบบนี้กลับมาอีก
สาเหตุความเบื่อหน่ายระบบราชการ
จริง ๆ แล้วระบบราชการไทยถือเป็นระบบที่ดีพอสมควร แน่ตัวข้าราชการเองทำให้ระบบดูว่าไม่เป็น
เอาระบบอาวุโสมาใช้ในระบบราชการ ซึ่งถามว่าดีไหมก็มีส่วนดี นั้นคือเป็นธรรมเนียมของไทยมาตั้งเเต่อดีตที่ให้ความเคารพผู้อาวุโส แต่เมื่อเอามารวมกับระบบราชการ เช่นปัจจุบันทำให้ผู้อาวุโสในระบบราชการไม่ค่อยน่าเคารพเท่าไหร่ ด้วยจริงเเล้วการที่เราเคารพผู้อาวุโสถือเป็นสิ่งหนึ่งแต่การทำตัวให้ควรเคารพก็คือสิ่งหนึ่งเช่นกัน ถือว่าสองสิ่งนี้มันคู่กัน
***และสิ่งที่ทำให้ระบบราชกาาไทยดูเเย่น่าเบื่อ ทำให้คนรุ่นใหม่ที่เข้าสู่ระบบราชการ ระอากันไปนักต่อนักคือ ระบบเงินเดือนตามอายุงาน นั้นคือทำงานมานานเงินเดือนเยอะในขณะที่คนทำงานใหม่เงินเดือนน้อย จริง ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ถ้ามันเป็นประเทศอื่น ที่ไม่ใช่ประเทศไทย ทำงานนานเท่ากับอาวุโส ทำให้ท่านอาวุโสทั้งหลายมักคิดว่าเงินที่ได้คือการตอบเเทนการทำงานมานาน ซึ่งความคิดส่วนตัวแล้วมันไม่ใช่เงินเดือนที่มาก็คือการตอบเเทนการทำงานหนักในเเต่ละงานนั้น รัฐให้เงินเดือนเยอะรัฐก็มั่งหวังว่าท่านจะทำงานอย่างหนักให้คุ้มกับที่รักเชื่อมั่นการทำงานของท่านมาอย่างยาวนาน รัฐเชื่อมั่นว่าท่านจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เหมือนในประเทศอื่น ๆ ที่ท่านทำงานเยอะก็ได้เยอะ ทำงานดีได้เยอะ เเต่ในสังคมไทยนั้นเหรอ คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ มักอ้างว่า พี่ทำมาเยอะทำมาก่อน แล้วมักโยนงานให้กับรุ่นน้อง บ้างหรือรับงานน้อยบ้าง อ้างว่าทำไม่ได้บ้าง ในเเต่วันเข้ามาเซ็นชื่อ ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ มีงานมาปฏิเสธที่จะทำ แม้ผู้บริหารสั่งยังเพิกเฉย อาศัยความอาวุโส C เยอะกว่าอายุงานเยอะกว่า ผบ.ระบบใหม่ ๆเข้ามาก็ไม่รับ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง นั่งเป็นปูชนียบุคคลในหน่อยงาน
ั***ในทางกลับกัน รุ่นน้องที่เป็นคนที่พึ่งเริ่มเข้าสู่ระบบราชการ ประสบการณ์ยังไม่มีที่น้องอาศัยระยะเวลาในการเรียนรู้การปฏิบัติงานในระบบราชการ ต้องการการสั่งสมความรู้ เพื่อนปฏิบัติงานอย่างสุดความสามรถ คนเหล่านี้จำเป็นต้องเรียนรู้งานจากผู้อาวุโสเหล่านั้น ถ่ายทอดประสบการณ์ทำงานเอามาต่อยอดกับความรู้ใหม่ ๆ ที่ตนร่ำเรียนมาเพื่อพัฒนาประเทศ ให้เจริญก้าวหน้าต่อไป กลับต้องได้ภาระงานที่หนักอึ้ง จนล้นมือไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพกลับต้องทำงานให้ผ่าน ๆ เสร็จ ๆ เพื่อส่ง ๆ ไป หนำซ้ำยังได้รับงานตกทอดจากท่านผู้อาวุโสมาทำอีก และที่สำคัญมักจะไม่ทราบเเนวทางที่ต้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
***ที่สำคัญไปกว่าการับงานที่มากโขคือการให้ค่าตอบแทนที่ดูเหมือนจะไม่เท่าภาระงานที่มีจริง ๆ หากคิดทำงานเพื่อราชการก็ไม่ควรพูดเรื่องเงิน
แต่มองมุมกลับกันมันก็มีส่วนทำให้ลดทอนภาวะการอยากทำงายของคนเหล่านี้ เพราะมันดูไม่ยุติธรรมเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับผู้อาวุโส ทำให้มีหลายคนถึงขั้นลาออกเพื่อไปทำงานส่วนตัว ทำให้ราชการต้องเสียคนเก่งคนดีไปไม่น้อย
***จริงอยุ่ที่มีระบบประเมินงานเเต่ด้วยระบบอาวุโสระบบประเมินจึงไม่ได้ผลในระบบราชการไทยเท่าที่ควร
***หากระบบค่าตอบเเทนยึดโยงกับภาระงาน และประสิทธิภาพงานไม่ยึดโยงกับอายุงาน เเละระบบอาวุโส เชื่อว่าจะสร้างประโยชน์ต่อราชการมากกว่า ข้าราชการจะเกิดการเเข่งขันกันทำงานและงานจะมีประสิทธิภาพ
ทุกวันนี้ข้าราชการอาวุโสเริ่มมีมากขึ้นเนื่องจากสังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หากไม่รีบเเก้ไขระบบราชการจะไม่มีคนเก่งคนมีความสามารถมาทำงานจะถูกระบบเดิมกลืนกินไปจะไม่สามารถพัฒนาก้าวหน้าขึ้นไปสุดท้ายระบบเดิมจะหมุนวนเป็นวัฏจักรเมื่อคนหนั่มสาวเหล่านี้เติบโตในทางอายุการทำงาน ก็จะมีพฤติกรรมแบบนี้กลับมาอีก