โรคของคนยุคใหม่ : ไม่อยากอยู่ แต่ก็ไม่อยากตาย

ขอแชร์บทความดีๆ จาก ศ.ดร.นพ.วิทยา นาควัชระ  อาจเป็นแง่คิดและเกิดประโยชน์กับหลายๆท่านที่สนใจ

โรคของคนยุคใหม่ : ไม่อยากอยู่ แต่ก็ไม่อยากตาย


ระยะนี้มีผู้ทุกข์มาปรึกษาด้วยอาการคล้ายๆ กันหลายๆ ราย

ต่างก็บอกว่า ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม ไม่มีอะไรตื่นเต้นอีกแล้ว แต่ก็ยังไม่อยากตาย โดยเฉพาะ...ยังไม่ได้คิดถึงการฆ่าตัวตายด้วย

จึงถือว่าไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้าหรืออยากฆ่าตัวตาย

ผู้ทุกข์เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงโสด วัย 30 ต้นๆมีการศึกษาดี มีการงานทำ มีเงินเดือนดี พอใช้สบายๆ อยู่กับครอบครัวไม่มีเรื่องทะเลาะให้หมางใจ บางรายอยู่คอนโดฯตามลำพัง ร่างกายแข็งแรง มีเพื่อนและไม่เดือดร้อนเรื่องเศรษฐกิจเลย บางคนมีแฟน บางคนก็ไม่มี

เขาบอกว่าในแต่ละวันก็ไปทำงาน เย็นไปออกกำลังกาย หรือไปเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้า กลับบ้าน กินข้าวเย็นกับพ่อ-แม่หรือกินคนเดียว ดูทีวี. อ่านหนังสือ คุยโทรศัพท์กับเพื่อน แล้วก็นอน...เช้าก็ตื่นไปทำงานอย่างเดิม

ถ้าเป็นวันหยุดก็อาจจะนัดเพื่อนสนิทไปต่างจังหวัด หรือไปกินข้าวนอกบ้าน ได้หัวเราะเฮฮาบ้าง

ดูๆ ชีวิตก็ลงตัวดี ไม่มีทุกข์ร้อนอะไร มีอิสระและสามารถทำอะไรๆ ได้คล่องตัว

แล้วจู่ๆ ก็มีประโยคนี้ผุดขึ้นมาในสมองของพวกเขาบ่อยๆว่า...“ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ไม่มีอะไรตื่นเต้นแล้ว แลดูเฉยๆ เหมือนเดิม”

คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนดี ไม่มีความประพฤติเสียหาย

ผมวิเคราะห์ว่า คนเหล่านี้กำลังขาดสิ่งที่สำคัญยิ่งในชีวิตบางอย่าง คือ

1.ความเชื่อ บุคคลเหล่านี้ไม่เชื่อถือในปรัชญาหรือศาสนาอย่างลึกซึ้ง พอที่จะใช้เป็นเครื่องนำทางชีวิต เช่น ถ้าเขาเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมและวัฏสงสารได้จริงๆ เขาก็จะรู้ว่าเขามีชีวิตอยู่เพื่อใช้กรรมเก่า ซึ่งมีกันทุกคน และต้องสร้างกรรมใหม่ที่ดีๆ ให้มากขึ้นเพื่อจะมีชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคตและในชาติต่อๆ ไป ความเชื่อนี้จะทำให้เขากระตือรือร้นและอยากทำหน้าที่ชีวิตที่ดีๆ ต่อไป

2.ความรัก มักขาดความรักมาตั้งแต่วัยเด็ก จึงอยู่กับความแห้งแล้ง เขาไม่ได้รักพ่อ-แม่อย่างแท้จริง และก็ไม่รักตัวเองหรือรักใครอื่นๆ ด้วย

แล้วชีวิตจะซาบซ่านได้อย่างไร ถ้าขาดการให้และการรับความรัก...

3.ความหวัง ขาดความเชื่อในเรื่องอนาคต มักจะไม่กล้าหวัง ทำให้ชีวิตไม่ตื่นเต้น ไม่ท้าทาย

4.การอภัย มักจำข้อบกพร่องของตนเองและคนอื่นได้แม่นยำ ทำให้มองตัวเองและคนอื่นในแง่ไม่ดี โลกจึงไม่ค่อยสดชื่นน่าอภิรมย์นัก

คนที่ขาดทั้ง 4 ข้อนี้ บางคนเป็นคนฉลาดมีการศึกษาดี ร่ำรวย แต่มีชีวิตอยู่แบบซังกะตายเหมือนขาดความมีชีวิตชีวา

ลองลดตัวเองลง ถ่อมตัวเองลงบ้าง และเริ่มสร้างความเชื่อ-ความรัก-ความหวัง และรู้จักอภัยให้มากขึ้นซิ

จะพบว่าตัวเองอยากมีชีวิตอยู่แบบมีชีวิตชีวา (Alive& Lively) มากขึ้นก็ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่