(ข่าวดาราศาสตร์) กาแล็คซี่สว่างสูงสุด อาจได้รับมวล-พลังงานจากกาแล็คซี่รอบข้าง

ดำดิ่งสูห้วงลึกสุดขอบจักรวาล ไปยังดินแดนที่ผู้โหยหาแสงสว่างจะเต็มไปด้วยความสุข
ถ้าหากมันลอยอยู่ใกล้เรามากกว่านี้ ท้องฟ้าจะไม่มีกลางคืนอีกต่อไป
แหล่งพลังงานของแสงสว่าง ที่สุดแสนจะไบรท์และทรงพลัง
บางครั้งตัวผมก็อธิฐานอยู่เสมอ อยากให้ท้องฟ้างามนั้นคงอยู่ตลอดไป

เจ้า WISE J224607.57-052635.0 อาจเป็นกาแล็คซี่ที่สุกสว่างที่สุด เท่าที่จักรวาลนี้เคยรู้จัก นักวิทยาศาสตร์ได้กล่าวเอาใว้ว่า มันอาจเปล่งแสงออกมารุนแรงร่วม 300 ล้านล้านเท่าของดวงอาทิตย์โอโห้เหอะ นั่นมันปีศาจดีๆ นี่เอง กาแล็คซี่แคระแคนิสเมเจอร์ดวาฟอยู่ห่างออกไปจากดาว
ของเราราวๆ 25,000 ปีแสง ซึ่งถ้าเอาปีศาจอย่างไวส์ไปวางเอาใว้ตรงนั้น มันจะสว่างราวๆ 50 % ของดวงอาทิตย์
และมีขนาดใหญ่โต จนกลืนกินท้องฟ้าทั้งหมด! นั่นหมายถึงว่าท้องฟ้าของโลกเรามันจะไม่มีกลางคืนอีกต่อไปครับ ถ้าไวส์ปรากฏตัวเหนิอฟากฟ้า
กลไกที่อยู่เบึ้อองหลังสุดยอดความสุกสกาว ของปีศาจอวกาศตัวนี้  อาจเป็นหลุมดำขนาดมหึมา ซึ่งไอ้เจ้าหลุมดำสัตว์ประหลาดที่ว่าเนี่ย
อาจซ่อนตัวอยู่ในใจกลางของกาแล็คซี่ส่วนมาก ถ้าไม่ใช่กาแล็คซี่ทั้งหมดละก็นะ วัสดุที่กำลังหมุนวนลงสู่หลุมดำด้วยสุดยอดความเร็วนี้จะถูกทำให้มีพลังงานความร้อนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล พลังงานความร้อนที่ว่านี่จะทำให้วัตถุปลดปล่อยทั้งแสงในช่วงที่มองเห็นได้ รังสีอุลตร้าไวโอเล็ท
และเอ็กซ์เรย์ออกมาอย่างรุนแรงเหลือเชื่อ ถ้านั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ กับเจ้ากาแล็คซี่ที่เรากำลังค้นพบใหม่นี้อย่างไวส์
มันจะสร้างคำถามสำคัญทางดาราศาสตร์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ว่าทำไมหลุมดำซูเปอร์แมสซีฟถึงได้มีขนาดใหญ่โต
ขึ้นได้ขนาดนั้นอย่างรวดเร็ว ในกาแล็คซี่ที่เป็นเหมือนแหล่งพลังงานเก่าแก่ ที่มีอายุเพียงไม่เกิน 500 ล้านปีดวงนี
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอนักวิจัยบางส่วนเชื่อว่าพวกเขามีคำตอบที่ดีสำหรับคำถามนี้ ที่จริงแล้วไม่มีอะไรน่าประหลาด อาจเป็นแค่หลุมดำที่ใหญ่ผิดปกติมา
ตั้งแต่ช่วงเวลา ที่พวกมันถือกำเนิดขึ้นมาในอวกาศก็มีความเป็นไปได้สูง "คุณเคยมองเห็นช้างใช่มั้ยละครับ" ผู้เขียนงามวิจัยร่วม อย่างปีเตอร์ ไอเซนฮาร์ท
แห่งสถาบันวิจัยเจ็ทและอุปกรณ์ขับเคลื่อนของนาซา ได้เอ่ยขึ้น"เราก็แค่เริ่มต้นที่ขนาดของลูกช้างเท่านั้นเอง มันไม่มีอะไรยากเย็น"
แต่แน่นอน ว่ามันยังมีคำอธิบาย ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในแนวทางอื่นอีก "อีกทางหนึ่งสำหรับหลุมดำที่จะขยายขนาดอย่างมหาศาลนี้ก็เพราะว่ามันได้รับมวลสารที่ตกเข้าไปเป็นพลังงานและวัตถุดิบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นได้ว่ามันกลืนกินกินสสารและพลังงานได้เร็วกว่าปกติที่คิดว่าเป็นไปได้" นายChao-Wei Tsai นักวิจัยจาก JPL กล่าว "สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้หากหลุมดำไม่ได้หมุนเร็ว"
อัตราการกลืนกินสสารของหลุมดำนั้นจะถูกจำกัดโดยพลังงานแสงที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากวัสดุที่อยู่ในสภาวะความร้อนสูงสุดยอด หรือซูเปอร์ฮีท
ที่ความร้อนนั้นจะผลักดันกลุ่มแก้สที่กำลังวนไปรอบหลุมดำ ยิ่งหลุมดำหมุนช้าลงเท่าไหร่ มันก็จะทำให้อาหารในอนาคตที่จะถูกเหวี่ยงออกไปในอวกาศก็จะมีน้อยลงเท่านั้น ในหลุมดำที่มีความหนาแน่นสูงเป็นพิเศษ ทำการกลืนกินและบีบอัดสสารมากขึ้น ในเวลาที่จะผ่านไป" แอนดรูว์ เบรียนผู้ติพิมพ์งานวิจัยร่วมมจากเลสเตอร์ซิตี้ สหราชอาณาจักรได้กล่าวใว้ว่ามันเหมือนกับการแข่งขันกินฮอกดอกในระยะเวลานับร้อยล้านปีละครับ"

ยานอวกาศสำรวจอวกาศอินฟราเรด (WISE) ของนาซาซึ่งเป็นถูกใช้งานโดยไอเซนฮาร์ทนักวิทยาศาสตร์ด้านโครงการได้ค้นพบ WISE J224607.57-052635.0 พร้อมกับ "กาแลคซีที่ส่องแสงสว่างในคลื่นอินฟราเรดที่ส่องสว่างมากถึง 19 แห่ง" หรือ ELIRG อีก 19 ชนิด แสงที่มีพลังจากแกนของ ELIRGs ทำให้เกิดเมฆฝุ่นล้อมรอบซึ่งปล่อยรังสีอินฟราเรดที่ WISE ตรวจพบ
"เราพบว่าในการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับ WISE ว่ามีกาแลคซีที่ส่องสว่างมากที่สุดเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่แสดงให้เห็นได้ดีในแสงอินฟราเรด" Tsai กล่าว
https://img.purch.com/h/1400/aHR0cDovL3d3dy5zcGFjZS5jb20vaW1hZ2VzL2kvMDAwLzA4MC84MzIvb3JpZ2luYWwvYnJpZ2h0ZXN0LWdhbGF4eS11bml2ZXJzZS1mZWVkcy1vbi1vdGhlcnMuanBn
กาแล็คซี่ที่สุดสว่างที่สุด แห่งจักรวาล มันอาจกลืนกินมวลจากกาแล็คซี่รอบข้าง มาทำให้กลายเป็นอาหารอันโอชะก็เป็นได้ มันล่องลอยอยู่ที่ระยะ 12.5 พันล้านปีแสง ซึ่ง 1 ปีแสงมีระยะทางร่วม 10 ล้านกิโลเมตรแล้ว 1 กิโลเมตรมี 1000 เมตร คำนวนดูจะได้ตัวเลขที่ 125,000,000,000,000,000,000 เมตร โอ้โหเฮอะ เจ้าตัวเลขบ้านี้มันมีเลข 0 ตั้ง 18 ตัว คิดว่าถ้านับระยะทางด้วยการวัดแบบปกติคงจะตายก่อนเป็นแน่ หลักฐานล่าสุดมันได้บอกเราเอาใว้ว่า
เจ้าพรีเดเตอร์อวกาศยักษ์ตัวนี้ อาจกลืนกินมวลจากกาแล็คซี่ที่เล็กกว่าจำนวนสามอันพร้อมกัน นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมมันจึงมีหลุมดำขนาดมหึมาที่ใจกลางนั้นเองซึ่งหลุมดำของมันก้าวข้ามขนาดปกตืในประวัติศาสตร์ของจักรวาลไปเรียบร้อยแล้ว หลุมดำยักษ์ที่มีมวลตั้งแต่ระดับล้านจนถึงพันล้านเท่าของดวงอาทิตย์ กำลังถูกทำให้ซ่อนตัวอยู่ที่ใจกลางของกาแล็คซี่ส่วนมาก ถ้าไม่ใช่กาแล็คซี่ทั้งหมด เมื่อเจ้ายักษ์ใหญ่แห่งจักรวาลเหล่านี้
ทำการกลืนกินสสารเข้าไป งานวิจัยก่อนหน้าที่แสดงให้เห็นว่า มันจะปลดปล่อยพลังงานแสงออกมา ในอัตราที่เหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่งยวด
และปรากฏการ์ณอันนี้เอง ที่เป็นเบึ้องหลังของปรากฏการณ์ดาราศาสตร์อย่างควอซาร์ผู้เป็นไดนาโมอวกาศและหนึ่งในวัตถุที่สว่างที่สุดในจักรวาล
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอนักดาราศาสตร์สามารถจับแสงสว่างของควอซาร์ได้จากระยะทางที่ห่างใกลอย่างเหลือเชื่อ แม้แต่อีกด้านของจักรวาลนี้ก็ตามทำให้พวกมันเป็นยหนึ่งในวัตถุที่อยู่ห่างใกลที่สุด เท่าที่เราเคยรู้จักกันมา ยิ่งควาซาร์อยู่ใกลมากเท่าไหร่ นั้นยิ่งหมายถึงว่ามันกำลังเข้าใกล้จุดกำเนิดของจักรวาลมากเท่านั้น ซึ่งด้วยความเร็วของแสงที่จำกัด ควอซาร์ที่ยิ่งอยู่ใกล ก็ต้องใช้เวลามากมายมหาศาล กว่าที่แสงสว่างจะเดินทางข้ามอวกาศมาหาเรา เพื่ออธิบายว่าทำไมหลุมดำถึงสามารถเติบโตอย่างรวดเร็ว ถึงขั้นซูเปอร์แมสสีฟ ในช่วงแรกๆ ของประวัติศาสตร์จักรวาลมันไดพิสูจน์ตัวเองแล้ว ว่าเป็นคำท้าทายที่ไม่ธรรมดา จากจักรวาลนี่ ที่มอบเข้ามาให้กับดาวเคราะห์ของเรา เหล่านักวิจัยเองก็พยายามหาตัวอย่างควอซาร์ให้มากเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อเอามาอธิบายปรากฏการณ์นี้
ในกรณีของงานวิจัยล่าสุด นักดาราศาสตร์ได้ทำการโฟกัสไปที่ตัวของปีศาจอวกาศอย่างไวส์ ที่อยู่ห่างจากโลกไปอย่างมหาศาลนับหมื่นล้านปีแสง
ไวส์มีขนาดที่เล็กอย่างมาก อาจมีเส้นผ่าศูนย์กลางแค่ 10 % ของทางช้างเผือก แต่แสงสว่างที่ทำให้ปรากฏออกมานั้นมันไม่มีใครเทียบใด้
ด้วยแสงสว่างที่มากถึง 10,000 เท่าของทางช้างเผือก และมากกว่าดวงอาทิตย์นับ 100,000,000,000,000 เท่า มันถูกศึกษาด้วยฝืมือของนักวิจัยร่วม
โครงการอย่างชอว์ เบรียน ผู้ตีพิมพ์งานวิจัยร่วมจากเลสเตอร์ซิตี้ และนักดาราศาตร์คนสำคัญ

สัตว์ประหลาดอวกาศอย่างไวส์ถือเป็นหนึ่งในควาซาร์ที่เก่าแก่ที่สุด มันมีอายุมากกว่า 12.4 พันล้านปี ซึ่งเกิดหลังเอกภพแค่ 1.3 พันล้านปี

นักวิทยาศาสตร์ได้วิเคราะห์ WISE J224607.57-052635.0 โดยใช้กล้องโทรทรรศน์ที่สามารถตรวจจับรังสีในระดับมิลลิเมตรและซับมิลลิเมตร Atamama ขนาดใหญ่ (ALMA) ในชิลีและ Array Array ขนาดใหญ่ Karl G. Jansky ในนิวเม็กซิโก รายละเอียดการค้นพบของพวกเขาออนไลน์วันนี้ (15 พฤศจิกายน) ในวารสารวิทยาศาสตร์


กลุ่มของ Blain ค้นพบกาแลคซีเล็ก ๆ สามแห่งที่เชื่อมโยงกับเควซาร์ผ่านสะพานของฝุ่นและก็าซที่อุดมด้วยคาร์บอนคล้ายกับเขม่าของดีเซนดีเซล "กาแลคซีและสะพานเหล่านี้แผ่ขยายไปทั่วพื้นที่รอบ W2246 ซึ่งตรงกับขนาดของทางช้างเผือก" เบลนกล่าว

ปริมาณฝุ่นละอองในพึ้นที่ของควอซาร์เพียงอย่างเดียวก็มีมวลเท่ากับ 1.7 พันล้านเท่าของดวงอาทิตย์และกาแลคซีบริวารของควอซาร์มีปริมาณฝุ่นละอองน้อยที่สุด "เราเชื่อว่านี่เป็นครั้งแรกในการตรวจจับกระแสฝุ่นที่เชื่อมต่อระหว่างกาแลคซีในเหตุการณ์การเข้าชนแหลมหลิอมรวมตัวของกาแล็คซี่ช่วงเวลาที่จักรวาลเริ่มต้น" Díazกล่าว

องค์ประกอบในฝุ่นนี้เกิดขึ้นและกระจัดกระจายไปทั่วกาแลคซีโดยปฏิกิริยานิวเคลียร์ภายในดาวยักษ์ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าก๊าซที่พบในบริเวณควาซาร์นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อตัวของดาวฤกษ์ก่อนที่จะเกิดแสงจากปรากฏการ์ณนิวเคลียร์ฟิวชั่นซึ่งเป็นข้อค้นพบที่สามารถช่วยให้กระจ่างได้ว่าก๊าซและฝุ่นช่วยสร้างกาแลคซีอย่างไร

นักวิจัยชี้ให้เห็นว่าการเข้าชนกันของและหลอมรวมกาแล็คซี่ระหว่างกาแลคซีหลักกับบริวารที่มีขนาดเล็กอาจไม่เพียงให้กับสนับสนุนด้านวัตถุดิบพึ้นฐานมาให้กับการกำเนิดควอซาร์ที่สุกสว่างและทรงพลัง แต่ยังมีฝุ่นจำนวนมากที่จะบดบังและครอบงำมัน เช่นนี้การค้นพบนี้อาจช่วยอธิบายการปรากฏตัวของกาแลคซีที่เต็มไปด้วยฝุ่นเหล่านี้ในช่วงต้นของประวัติศาสตร์จักรวาล









ขอบคุณที่มาบทความจาก
https://www.space.com/29463-brightest-galaxy-in-universe-found.html
https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_nearest_galaxies
https://en.wikipedia.org/wiki/Canis_Major_Dwarf_Galaxy
https://www.space.com/27873-supermassive-black-hole-mass-eye-of-sauron.html
https://www.space.com/15166-milky-center-black-hole-sagittariusastar.html
https://www.space.com/39580-behold-the-mighty-quasar.html
https://www.space.com/26765-supermassive-black-holes-rapid-growth.html
https://www.space.com/13347-big-bang-origins-universe-birth.html
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่