ตั้งอยู่บนถนนพระปกเกล้า ใกล้ประตูช้างเผือก





แรกสร้างมีชื่อว่า วัดลักขปุราคมาราม
ลักขบุราคม เป็นภาษาบาลีอ่านว่า ลัก-ขะ-บุ-รา-คะ-มะ + อาราม ภาษาสันสกฤต แปลว่าวัด
ลักข แปลว่า แสน, บุร แปลว่า เมือง, อาคม อา-คะ-มะ แปลว่า มา
เป็นชื่อของพญาแสนเมืองมา เนื่องจากตอนที่พญาแสนเมืองมาประสูติ
มีท้าวพญาต่างเมืองนำบรรณาการมาถวาย พระเจ้ากือนาผู้เป็นพระราชบิดา เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีนับแสนเมือง

วัดลักขปุราคมาราม หมายความว่า วัดของพระเจ้าแสนเมืองมา ... พระเจ้าแสนเมืองมาทรงสร้าง
หรือเรียกว่าวัดหัวข่วง
ข่วงคือสนามของเมืองเช่นสนามหลวง หัว คือ ทิศเหนือ อยู่ด้านทิศเหนือของสนามหลวง
ใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมในการประชุมทัพ

จาก พญากือนา > พญาแสนเมืองมา > พญาสามฝั่งแกน > พระเจ้าติโลก > พญายอด > ถึงพญาแก้ว
พ.ศ. 2063 พญาแก้ว กษัตริย์ล้านนาราชวงศ์มังรายพระองค์ที่ 11
ทรงโปรดให้บูรณะพระเจดีย์ของวัดหัวข่วงขึ้นใหม่ใหญ่กว่าเก่า และบรรจุพระบรมธาตุไว้ในเจดีย์
ทรงโปรดให้สร้างหอพระมณเฑียรธรรมเพื่อบรรจุคัมภีร์พระไตรปิฎก เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าแสนเมืองมา

เมื่อเกิดสงคราม วัดนี้ก็ทรุดโทรมลงและถูกปล่อยให้ทิ้งร้าง
จนกระทั่งพระครูปลัดทรงสวัสดิ์ ปัญญาวชิโรบูรณะฟื้นฟูวัดนี้ขึ้นมาอีกครั้งในปี พ.ศ. 2536





สร้างขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2544 แทนพระวิหารหลังเดิมที่ถูกไฟไหม้
พระประธานเป็นพระพุทธรูปโบราณ คือ พระพุทธรัตนบุรีสะหลีแสนเมืองมา ... วิหารปิด





มกรคายนาคปากนกแก้ว ... เหมือนวิหารวัดบวกครก





หอพระอุปคุต







สร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2537 ประดิษฐาน พระเจ้าศรีเมืองมา ... พระพุทธรูปโบราณ
พระพุทธรูปปางสมาธิขนาดเท่าพระองค์จริงของพระเจ้าแสนเมืองมา ... พระเจ้าค่าคิง





หอพระมณเฑียรธรรม





พระมหาธาตุเจดีย์วัดหัวข่วง





เป็นเจดีย์ล้านนาผสมสุโขทัย สิบสองเหลี่ยม
ฐานเขียงสามชั้น ถัดไปเป็นฐานบัว





บัวลูกแก้ว บัวปากระฆังรับเจดีย์องค์ระฆังกลม บัลลังก์ บัวลูกแก้ว ปลี ฉัตร





หอกลองข้างเจดีย์





กุฏิเจ้าอาวาส





เสื้อวัด