ขณะนี้ ไทยเข้าสู่ยุค เงินฝืด หรือการแข่งขันสูงกันแน่

ขณะนี้ ไทยเข้าสู่ยุค เงินฝืด หรือการแข่งขันสูง หรือ อำนาจอยู่ในมือผู้ซื้อกันแน่

1) หันไปทางไหน ก็เจอแต่คนบอกขายของไม่ค่อยได้
คนทำรับเหมา ก็บอกงานน้อย
สินค้าก็แข่งกันถูกลง เสื้อผ้ามือสอง ตัวละ 20.- ยังมี
เครื่องสำอาง น้ำหอม ขายแพ้คย่อย ในเซเว่น ราคาไม่เกิน 199.-
แปลกใจที่เห็นราคาสินค้าแข่งกันลดราคากว่าสมัยก่อน
  แม้เจ้าใหญ่อย่าง ทรูและ เอไอเอส ก็ยังแข่งกันลดราคาเน้ตบ้าน
ค่าตั๋วเครื่องบินก็ถูกกว่ายุคก่อน คนบินต่างประเทศกันจนเป็นธรรมดา

หรือคนหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ทำอาหารกินเองมากขึ้น ใช้เงินน้อยลง
เป็นเพราะเริ่มเข้าสู่ยุคเงินฝืด คนไม่อยากจับจ่ายรึเปล่าคะ
** ถ้าอีกสิบห้าปี ที่ ไทยเข้าสู่ยุคผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์แบบ จะไม่ยิ่งฝืดกว่านี้เหรอคะ **

2) อีกประเด็นคือ ที่ถูกสอนว่า เงินเก็บยามเกษียณ ควรบวกอัตราเงินเฟ้อเข้าไปด้วย
เพราะค่าเงินมันจะเฟ้อ 3-4% แต่ทำไม เรารู้สึกว่า ปัจจุบัน ทุกอย่างแข่งกันถูกหมดเลย เหมือนอัตราเงินเฟ้อ ไม่กระทบเลย
หรือเป็นเพราะยุคนี้คนหาเงินได้น้อยกว่ายุคพ่อแม่เรา  ทำให้คนจ่ายเงินยากขึ้น เพราะเงินในกระเป๋ามีน้อย สินค้าเลยต้องแข่งกันปรับราคาเป็นถูกลงเพื่อดึงเงินออกจากกระเป๋า

3) หรือความจริง ปัจจุบัน อำนาจอยู่ที่ผู้ซื้อ ไม่ใช่ผู้ขาย เช่น ยุคก่อน
ตราบเท่าที่เงินยังอยู่ในกระเป๋าเรา
อย่าง เพื่อนเรา จะไปซื้อ กระจกกันรอยแปะมือถือ ร้านบอก ราคา 450 บาท ไปๆมาๆ ลดราคาให้ บอก 250 ก็มีให้เลือก หรือทำตอนนี้ เลย ลดให้เหลือ 200 เรายังสะกิดเพื่อนบอก ซื้อที่ อาลีเอ็กซเพรสมั้ย ส่งตรงจากเซิ่นเจิ้นมาบ้านเลย แค่ 150 บาท
เรามาถึงยุคที่ ไม่ได้ขายแข่งกับร้านข้างๆ อีกต่อไป แต่ต้องขายแข่งกับร้านที่อยู่อีก ซึกโลกเลย 55555

4) ปัจจุบัน คู่แข่งอาจไม่ใช่ ร้านใกล้เคียง แต่เป็น โรงงานที่ผลิตและขายเองในจีน
อย่างขายอาหารข้าวแกง คู่แข่งก็อาจไม่ใช่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ข้างๆ หรือข้าวมันไก่ แต่เป็นร้านขนมหวานราคาแพง
เราก็เป็น นัดเจอเพื่อนๆ  กินอาหารคาวแค่ก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ สองร้อยบาท เพราะเผื่อท้องไปกินขนมหวาน ที่ราคา 600-700 บาท เพราะมันมีออกใหม่ให้น่าลิ้มลองเรื่อยๆ  อยากกินทีต้องชวนเพื่อนไปช่วยกันหาร เพราะไอติมแบบเกาหลีนี่แพง ถ้วยนึงขั้นต่ำ ก็สองร้อยห้าสิบ ฮันนี่โทส ก็อยากลอง ไหนจะพวกชีสเค้ก ชีสแพนเค้กอีกต่างๆนานา เครื่องดื่มชาไข่มุก สมูตตี้อีก  คือ ต้องช่วยกันหาร เพื่อลดค่าใช้จ่าย  สมัยนี้ต้องเรียกว่าขนมหวานขายราคาแพงกว่าอาหารคาว
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 40
ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก
กระทู้นี้ถูกลบโดยระบบอัตโนมัติทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาบรรยากาศการสนทนา ของเพื่อนสมาชิกโดยรวมค่ะ

ความคิดเห็นนี้ได้ถูก ppantip.com ลบออกไปจากระบบแล้ว หากเนื้อหาที่ถูกลบยังคงถูกนำไปแสดงใน application หรือเว็บไซต์ใดๆ
ทาง ppantip.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆด้วย การดำเนินการทางกฎหมายกรุณาติดต่อผู้พัฒนา application หรือเว็บไซต์นั้นๆโดยตรงค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
ผมเมื่อก่อนแอนตี้เรื่องซื้อของออนไลน์มากกกกก เพราะมันไม่ได้จับของก่อนซื้อ
แต่พอในที่ที่อยู่หาของไม่ได้ก็เริ่มลองสั่ง จากชิ้นสองชิ้น บัดนี้เป็นเรื่องปกติ
แถมพัฒนาขึ้นมา เปรียบเทียบราคาแต่ละเว็บ หาคูปอง ส่วนลด

พฤติกรรมการซื้อของผมเปลี่ยนไปจริง (จากหนึ่งเสียงในหกสิบกว่าล้านคน 5555)
ความคิดเห็นที่ 78
มาดูด้านมืดของการค้า online กัน..มันไม่ได้สนุกหรือสวยสดงดงามเหมือนที่คิด อยากทำก็ต้องหาสินค้าที่แปลกกว่าชาวบ้านและมีกลุ่มเฉพาะที่ลอกเลียนกันได้ยากหรือคู่แข่งมีน้อย เช่น ปลากัด ไก่ชน สินค้าเครื่องจักรสาน เครื่องถม คุณถึงจะอยู่ได้

ขอยืนยันคำเดิมว่า.. สินค้าออนไลน์นั้น
1. เป็นสินค้าสีเทาหรือสีดำ มีอัตราส่วนกำไรสูง จึงสามารถขายได้ดี
2. ถ้าเป็นสินค้าสามัญทั่วๆไป ก็ตัดราคา ตัดกำไร กันจนไม่เหลืออะไรเลย..กำไรบางเฉียบ
3. ผู้ขายสินค้าอุปโภคบริโภค-เจ้าใหญ่- หลายๆเจ้า พบว่าสินค้าคงค้างสต๊อกเยอะ เงินทุน วงรอบหมุน เงินสด กลับมาเป็น เงินสด มันช้า ก็เลย
แอบ "ขายของหลังบ้าน" ผ่าน e-commerce ในรูปแบบต่างๆ ในราคาเท่าทุนหรือต่ำกว่าทุนเพื่อระบายสินค้า (ร่วมกันซ้ำเติมผู้ขายรายย่อย)
4. คุณๆ รู้ไหม? ขายของออนไลน์ไม่ใช่ว่าลูกค้าสั่งมาแล้วขายได้หมด มีสินค้าประมาณร้อยละ30ของคำสั่งซื้อทั้งหมดจะถูกตีกลับมาหาผู้ขายเพราะผู้ซื้อขอยกเลิกการสั่งซื้อ (บางเจ้าอัตราการคืนสินค้าคือ 50%-70% -พวกครีมโง่ๆ อาหารเสริมโง่ๆ ทั้งหลาย) นี่คือต้นทุนค่าขนส่ง ค่าแพ๊ก ค่ากล่อง ค่าแรง ค่าเสียโอกาสที่มองข้ามไม่ได้เลย
5. สินค้าสีเทา สีดำ และพวก ครีมโง่ๆ อาหารเสริมโง่ๆ ทั้งหลายมีค่า SEO ที่ต้องจ่ายสูงมากๆ  บางเจ้าต้องจ่ายถึงสองแสนถึงห้าแสนบาทต่อเดือน ซึ่งถ้ายอดขายเยอะก็ดีไป แต่ถ้าสินค้าเหล่านี้กลับต้องมาอยู่ในตลาดเดียวกับ 2และ 3 เตรียมล่มจมได้เลยครับ เพราะคู่แข่งเยอะ กำไรน้อย ของตีกลับมาก แถมต้องจ่ายค่า SEO สูงๆ..บรรเทิงเลยครับ 555+

เรื่องสินค้าจากจีน ทุกคนรู้อยู่แล้ว มีคนพูดเยอะแล้วข้างบน ผมไม่พิมพ์ซ้ำนะครับ

การจำใจต้องขายของตัดราคา การซื้อของยาก อัตราการคืนของที่สูง(เจอหมดทั้งรายย่อย รายใหญ่ที่ต้องการระบายสินค้า) บอกได้เลยว่า ผู้ซื้อ"ไม่มีกำลังซื้อ-กำลังซื้อหดหาย" ไปอย่างมาก.. ที่เขียนๆมา ก็จะบอกว่าออนไลน์ก็ได้รับผลกระทบจาก ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ค่าใช้จ่ายของประชาชนที่สูง แต่รายได้น้อย มีคนตกงานเยอะ พืชผลการเกษตรที่ขายไม่ได้ราคา

คนซื้อน่ะสนุกกับการซื้อของออนไลน์เพราะมันถูก แต่ไม่นาน..ไม่นานเกินรอ มันจะถึงจุดที่พ่อค้าขนาดเล็กและขนาดกลางต้องล้มหายตายจากไปเยอะมากๆ และจะมีคนล้มละลายอีกเยอะ สำหรับหลายๆคน การขายของออนไลน์ถือเป็นทางเลือกเกือบๆสุดท้ายของพวกเขาแล้ว ถ้าต้องล้ม ก็คงจะลำบากมากๆ... ผมก็หวังแต่ว่าเศรษฐกิจจะตีกลับ แต่ดูภาพรวมเศรษฐกิจโลก..ตอบได้เลยว่า ยากมากๆ และคงไม่เห็นเศรษฐกิจโลกตีกลับ+สดใส ภายใน 1-2ปีข้างหน้านี้แน่ๆ  ก็ได้แต่ขออวยพรให้ พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลาย รวมถึงน้องๆ พนักงานกินเงินเดือน ผ่านปี 2562ไปได้ด้วยดีแร๊ะกัน
ความคิดเห็นที่ 11
ปัญหามาจากข้อหลักใหญ่  คือ  ช่วง  15  ปีนี้  รายได้สวนทางกับครองชีพครับ
คือ  เวลาผ่านไปรายได้เพิ่มขึ้นน้อยมาก  แต่ข้าวของแพงมากขึ้น  กำลังซื้อก็น้อยลง

อีกประเด็นรองต่อมา  คือ  เงินไหลไปอยู่กับเจ้าใหญ่หมด  และก็พวก  Online
เพี้ยนนักทดลอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่