สวัสดีค่ะ หลังจากที่เราไม่ได้อัปเดตนาน วันนี้เลยอยากมาอัพเดตชีวิตช่วงที่ผ่านมมาจนถึงตอนนี้ให้ฟัง แล้วก็อยากเข้ามาขอบคุณทุกคนในกระทู้เก่าๆด้วยนะคะ หนูได้นำทุกอย่างไปปรับใช้แล้วก็มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้
จากกระทู้เก่าๆที่ผ่านมา มีเรื่องราวแย่ๆเกิดกับเราเยอะเลยค่ะต่อจากนั้น ช่วงที่เราปิดเทอม ม.6เทอม1 ตอนนั้นยายไม่สบายเดินไม่ได้พูดไม่ได้ ทุกคนในบ้านทำงานหมด งานเฝ้ายายที่โรงพยาบาลจึงตกเป็นของเรา เราก็ไม่เกี่ยง พยายามดูแลยายให้ดี ช่วงแรกนอนห้องรวมค่อนข้างลำบาก พอยายเริ่มดีขึ้น หมออนุญาติให้ขึ้นห้องพิเศษได้ ก็ยังคงเป็นเราอยู่ที่ดูแลยาย น้าสาวเราบางทีเขาเครียดๆ อารมณ์ขึ้นอารมณ์ลงใส่เราบ้าง เราก็ไม่อยากใส่ใจ พยายามไม่คิดอะไร เพราะมันจะเครียดกว่าเดิม
เหตุการณ์มันเหมือนจะดีไม่มีอะไรใช่มั้ยคะ พอมาช่วงปลายปี ตาเราป่วยปวดหลังปวดขาแบบไม่มีสาเหตุ ไปหาหมอนวดคนนั้นว่าดีคนนั้นหายไปมาหมด ไม่หาย หมอโรงพยาบาลประจำจังหวัดบอกว่าเป็นกระดูกทับเส้น รอผ่าตัด แต่ค่อนข้างมีความเสี่ยง ช่วงนั้นน้าเราเริ่มเครียดจัด พาลทุกอย่าง ว่าเราแบบไม่มีเหตุผล เหน็บแนมด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ตอนนั้เราก็เริ่มเครียดเรื่องมหาวิทยาลัย มันเครียดสะสมมากๆ จนต้องไปร้องไห้ที่โรงเรียน ไม่อยากให้น้ากลับบ้าน มันแย่ มันหดหู่สุดๆ
พอช่วงเดือนธันวาคม น้าเราส่งไลน์มาว่าเราว่าเป็น”เมียน้อย” ค่ะ เราเขียนไม่ผิด เมียน้อยในที่นี้คือ เมียน้อยตานะคะ เขาบอกว่าเราน่ะมีอะไรกับตาที่นอนป่วย เรารับไม่ได้ ร้องไห้เครียดจัด ปรึกษาคนนู้นคนนี้ จนตัดสินใจว่าบ้านมันอยู่ไม่ได้แล้ว ตอนนั้นเราสองจิตสองใจ เป็นห่วงตา เป็นห่วงยายด้วย เก็บเสื้อผ้าไปร้องไห้ไป จนตั้งใจว่าจะไปขออยู่บ้านญาติคนนึง แอบเก็บเสื้อผ้าไม่ให้ตาเห็น กลัวตาจะถามว่าไปไหน ตอนนั้นที่บ้านไม่มีใครรู้เรื่องเลยค่ะ มีแค่เพื่อนในกลุ่มที่เราปรึกษา พอมาอยู่บ้านญาติได้วันนึง ที่บ้านก็เริ่มออกตามหา น้าชายอีกคน ที่เป็นพี่ชายของน้าสาว เขาโทรมาตามเรา เราบอกเราไม่กลับ เราเล่าเรื่องให้เขาฟัง เขาก็อึ้งๆไปแต่ก็ไม่พูดอะไร
มาอยู่บ้านญาติเราก็ช่วยเขาทำงานบ้านทุกอย่าง ตอนนั้นญาติเขาทราบเรื่องก็พยายามจะช่วยหาความจริงให้ พอดีกับที่มีคนแถวบ้านเขารู้จักกับป้า ป้าเล่าให้คนแถวบ้านฟัง คนแถวบ้านก็เอาไปพูดประมาณว่า ตัวเราอ่ะบอกว่าเราไม่ได้มีอะไรกับตา แต่น้าเขยต่างหากที่จะข่มขืนเรา ทั้งๆที่จริงเราพูดว่า น้าเขยชอบมาขอหอมแก้ม มีครั้งนึงในรถตอนกลับบ้าน เขามาส่งเมียเขาไปเฝ้ายาย แล้วรับเรากลับบ้าน เขาก็ขอเราหอมแก้ม เราก็ไม่ได้ให้ไป
น้าสาวพอได้ยินเรื่องนี้เขาโทรมาด่าเรา หาว่าเราต_แหล หลงตัวเอง แฟนเขาจะไปทำแบบนั้นกับเราได้ยังไง สวยก็ไม่สวย บลาๆ จนป้าต้องเรียกมาเคลียร์กันที่บ้านญาติ พอเขามาเขาก็ด่าเราไม่ยั้ง ตอนนั้นมีญาติทางฝั่งป้า แล้วก็พี่สาวเรา แล้วก็น้าสาวน้าเขย น้าสาวเหมือนคนบ้า ด่าว่าเราเหมือนผีเข้า หาว่าเราไปใส่ร้ายน้าเขย เราก็เครียดร้องไห้ พูดไม่ออกเลย ป้าเรางงไม่เคยเห็นน้าสาวเป็นคนแบบนี้ น้าเขยเองก็ออกปากปฎิเสธว่าไม่เคยขอ กลายเป็นเราไปใส่ร้ายเขา เชื่อมั้ยคะ พี่สาวเราไม่ช่วยเราซักอย่าง ไม่พูด ไม่ปกป้อง แต่เป็นป้าเราที่ช่วยพูด เพราะเขารู้ว่าเราไม่โกหกเขา
น้าสาวบอกกับว่าป้าคนแถวบ้านเห็นว่าเราปิดประตูบ้านปิดหน้าต่างอยู่กับตาสองคน เขาเล่าได้เป็นฉากๆเหมือนเห็นกับตา เราพูดไม่ออกเลย สภาพตาตอนนั้นคือเป็นผู้ป่วยตอนติดเตียง เดินไม่ได้ อึฉี่บนเตียง ป้าเราเห็นท่าไม่ดีเลยไล่น้ากลับบ้าน เพราะเขาเริ่มอาละวาด บอกให้เราไปตรวจบริสุทธิ์ เราบอกเราเต็มใจไปตรวจ แต่ตอนนั้นเป็นปจด. บอกว่าถ้าหายจะไปตรวจให้ เราไม่รู้ว่าตรวจได้มั้ย แต่อยากตรวจให้มันรู้ไป เพราะเราไม่ได้ทำจริงๆ
หลังจากทะเลาะกันตาเริ่มทรุดหนัก ต้องเข้ารพ. หมอที่มธ.เขาวินิจฉัยว่า ตาเป็นมะเร็งตับ แล้วลามไปกินกระดูกจนหมด ตอนนั้นน้าทำงาน ป้าเลยขอร้องให้เราไปเฝ้าตาให้ เราก็ไป เราสงสารตา เห็นเขาแล้วก็จะร้องไห้ ป้าเขาอยากให้ตารู้ เขาเลยเล่าให้ตาฟังว่าน้าคิดกับเราแบบนี้ ตาร้องไห้แล้วก็บอกว่ากอดยังไม่เคย จะให้ไปทำอะไรมัน เลี้ยงมาแต่เด็ก ตอนนั้นร้องไห้กันหมด เครียดเรื่องตา เรื่องเราด้วย เผอิญว่าวันนั้นป้าเสนอให้ไปตรวจ แต่หมอบอกว่าตรวจไม่ได้นะ เรื่องแบบนี้มันต้องมีใบแจ้งจากตำรวจ เรื่องมันเยอะมาก
ป้าเลยโทรไปหาพี่สาวเรา พี่สาวเราก็โทรไปบอกน้าสาว ว่ามันต้องแจ้งความนะ ว่าพ่อเราไปทำหลาน หมายถึงจะเอาพ่อเข้าคุก เขาบอกจะเเจ้งก็แจ้งเลย อยากทำอะไรทำเลย เราอึ้งเลยค่ะ คนเป็นลูกคิดกับพ่อแบบนี้หรอ ? เผอิญออกมาหน้าห้องตรวจ เราเดินไปเจอคนแถวบ้านคนที่น้าบอกว่าเขาเห็นเรากับตามีอะไรกัน เราเลยเดินไปถาม เขาบอกเขาไม่เคยพูด ไม่เคยพูดแบบนั้นเลย ป้าเราเลยบอกว่า อย่าโกหกนะ จะแจ้งความ เขาบอกเขาไม่เคยพูดจริงๆ สาบานได้ ตอนนั้นเราเลยงง ตกลงใครโกหกกันแน่ น้าสาว หรือ คนแถวบ้าน ?
เรื่องมันคาราคาซังจนต้นกุมภาพันธ์ ตาเราเสียค่ะ พอไปร่วมงานเราก็ช่วยงานเต็มที่เลยค่ะ แต่ไม่ยุ่งไม่สุงสิงกับน้าสาวน้าเขย ไหว้แต่ไม่มองหน้า จนเสร็จงาน คนมาเยอะมากเพราะตาเราค่อนข้างช่วยเหลือคนไว้เยอะ ได้ซองเป็นแสนๆบาท เขาใช้หนี้แล้วเอาไปหมด หลังๆม่ได้ยินว่าเอาไปเที่ยว นั่งเครื่องบินกันไป พ่อแม่ลูก ทิ้งยายเราอยู่บ้าน ซองเป็นแสนให้เรามา400 เราก็ไม่อะไร ไม่สนใจด้วย ตอนนั้นเริ่มติดมหาลัยเลยไม่โฟกัสแล้ว ตาก็เสียไปแล้ว ยายน้าก็รับไปเลี้ยง พอดีกับตอนนั้นที่บ้านทะเลาะกัน แย่งสมบัติเหมือนในละคร เราไม่ขอลงลายละเอียดนะคะ
ป้ามาเล่าให้ฟัง เราก็บอกให้เขาปลงๆไปค่ะ หนูไม่สนใจแล้ว ขอเอาตัวเองก่อน พอดีจังหวะดวงเราดีมากค่ะ ยายที่อยู่อีกจังหวัดนึง เขารู้ข่าว เขาเลยมารับเราไปอยู่ด้วย (เราเคยอยู่กับเขาตอนเด็กๆ แม่ไปฝากไว้) ชีวิตเราเกิดใหม่เลยค่ะ เขาดีกับเราทุกอย่าง อยากกินอะไรได้กิน อยากไปไหนก็พาไป ให้ตังใช้ เราก็ช่วยทำงานบ้าน ช่วยขายของ มีความสุขมากๆเลยค่ะ เหมือนเรามีครอบครัวจริงๆ เราเลยเริ่มหางานทำ อยากมีเงินเก็บไปเรียน เลยสมัครงานโรงงานแถวๆวังน้อย เงินก็ดีค่ะ ทำได้เรื่อยๆจนเริ่มมีเงิน ซื้อของให้ตัวเองได้ ตอบแทนยายได้ จนพอสอบติดมหาลัยที่นึงแถวๆอโศก แต่เราพลาดคณะที่อยากเข้า เลยสมัครอีกรอบนึง ติดคณะที่ไม่ได้ชอบมาก แล้วต้องไปเรียนอีกที่นึง ตอนนั้นเงินเก็บเรามีไม่มากค่ะ เราเลยติดสินใจซิ่วลงมหาวิทลัยเปิดเเห่งนึง ยายเราก็เห็นใจอยากให้เรียนดีๆ แต่เขาก็ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น เราบอกเราโอเคค่ะ
ช่วงทำงานเรามีแฟนค่ะ คบกันมาซักพักเลยย้ายมาอยู่กับเขา เขาก็ดีกับเรามาก เพราะเขาโตกว่าหลายปีค่ะ ที่บ้านเขาก็ดีกับเรา เพราะเองช่วยทำงานบ้านทุกอย่าง ตอนนี้เราก็พยายามช่วยกันสร้างตัวกัน เก็บเงินซื้อบ้านซื้อรถ พยายามจะกลบปมตัวเองที่เคยผ่านมา อยากขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจเราในกระทู้เก่าๆ ตอนนี้ชีวิตเราดีขึ้นมากแล้ว ไม่เครียดไม่ร้องไห้เหมือนตัวเองในวันเก่า เราสัญญาจะใช้ชีวิตตัวเองให้ดี ตั้งใจเรียนให้จบ
สุดท้ายนี้เราอยากเป็นกำลังใจให้คนที่ท้อแท้นะคะ วันนึงเรื่องร้ายๆมันจะผ่านไปเองค่ะ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป หมื่นทางตัน ยังมีทางนึงมห้ออกเสมอนะคะ อย่าคิดว่าชีวิตไม่มีค่า วันนี้ยังมีข้าวกิน มีที่นอน มีกำลังก็สู้กันไปค่ะ สู้จนนกว่าฟ้าจะเห็นใจเรา วันนึงมันต้องเป็นวันของเราจริงๆค่ะ สู้ๆนะคะ ท้อได้แต่อย่าถอย💖
ปล.พิมพ์ผิดพลาดยังไงขอภัยด้วยนะคะ เนื่องจากเจ้าของกระทู้ไม่ได้ยืนยันตัวตนเลยขอนุญาติตั้งเป็นกระทู้คำถามแทนนะคะ
(เรื่องที่เล่าเป็นเรื่องจริง100% ทุกคนในเหตุการณ์มีตัวตนทุกคนค่ะ)
โดนใส่ร้าย เครียดมากจนเกือบฆ่าตัวตาย
จากกระทู้เก่าๆที่ผ่านมา มีเรื่องราวแย่ๆเกิดกับเราเยอะเลยค่ะต่อจากนั้น ช่วงที่เราปิดเทอม ม.6เทอม1 ตอนนั้นยายไม่สบายเดินไม่ได้พูดไม่ได้ ทุกคนในบ้านทำงานหมด งานเฝ้ายายที่โรงพยาบาลจึงตกเป็นของเรา เราก็ไม่เกี่ยง พยายามดูแลยายให้ดี ช่วงแรกนอนห้องรวมค่อนข้างลำบาก พอยายเริ่มดีขึ้น หมออนุญาติให้ขึ้นห้องพิเศษได้ ก็ยังคงเป็นเราอยู่ที่ดูแลยาย น้าสาวเราบางทีเขาเครียดๆ อารมณ์ขึ้นอารมณ์ลงใส่เราบ้าง เราก็ไม่อยากใส่ใจ พยายามไม่คิดอะไร เพราะมันจะเครียดกว่าเดิม
เหตุการณ์มันเหมือนจะดีไม่มีอะไรใช่มั้ยคะ พอมาช่วงปลายปี ตาเราป่วยปวดหลังปวดขาแบบไม่มีสาเหตุ ไปหาหมอนวดคนนั้นว่าดีคนนั้นหายไปมาหมด ไม่หาย หมอโรงพยาบาลประจำจังหวัดบอกว่าเป็นกระดูกทับเส้น รอผ่าตัด แต่ค่อนข้างมีความเสี่ยง ช่วงนั้นน้าเราเริ่มเครียดจัด พาลทุกอย่าง ว่าเราแบบไม่มีเหตุผล เหน็บแนมด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ตอนนั้เราก็เริ่มเครียดเรื่องมหาวิทยาลัย มันเครียดสะสมมากๆ จนต้องไปร้องไห้ที่โรงเรียน ไม่อยากให้น้ากลับบ้าน มันแย่ มันหดหู่สุดๆ
พอช่วงเดือนธันวาคม น้าเราส่งไลน์มาว่าเราว่าเป็น”เมียน้อย” ค่ะ เราเขียนไม่ผิด เมียน้อยในที่นี้คือ เมียน้อยตานะคะ เขาบอกว่าเราน่ะมีอะไรกับตาที่นอนป่วย เรารับไม่ได้ ร้องไห้เครียดจัด ปรึกษาคนนู้นคนนี้ จนตัดสินใจว่าบ้านมันอยู่ไม่ได้แล้ว ตอนนั้นเราสองจิตสองใจ เป็นห่วงตา เป็นห่วงยายด้วย เก็บเสื้อผ้าไปร้องไห้ไป จนตั้งใจว่าจะไปขออยู่บ้านญาติคนนึง แอบเก็บเสื้อผ้าไม่ให้ตาเห็น กลัวตาจะถามว่าไปไหน ตอนนั้นที่บ้านไม่มีใครรู้เรื่องเลยค่ะ มีแค่เพื่อนในกลุ่มที่เราปรึกษา พอมาอยู่บ้านญาติได้วันนึง ที่บ้านก็เริ่มออกตามหา น้าชายอีกคน ที่เป็นพี่ชายของน้าสาว เขาโทรมาตามเรา เราบอกเราไม่กลับ เราเล่าเรื่องให้เขาฟัง เขาก็อึ้งๆไปแต่ก็ไม่พูดอะไร
มาอยู่บ้านญาติเราก็ช่วยเขาทำงานบ้านทุกอย่าง ตอนนั้นญาติเขาทราบเรื่องก็พยายามจะช่วยหาความจริงให้ พอดีกับที่มีคนแถวบ้านเขารู้จักกับป้า ป้าเล่าให้คนแถวบ้านฟัง คนแถวบ้านก็เอาไปพูดประมาณว่า ตัวเราอ่ะบอกว่าเราไม่ได้มีอะไรกับตา แต่น้าเขยต่างหากที่จะข่มขืนเรา ทั้งๆที่จริงเราพูดว่า น้าเขยชอบมาขอหอมแก้ม มีครั้งนึงในรถตอนกลับบ้าน เขามาส่งเมียเขาไปเฝ้ายาย แล้วรับเรากลับบ้าน เขาก็ขอเราหอมแก้ม เราก็ไม่ได้ให้ไป
น้าสาวพอได้ยินเรื่องนี้เขาโทรมาด่าเรา หาว่าเราต_แหล หลงตัวเอง แฟนเขาจะไปทำแบบนั้นกับเราได้ยังไง สวยก็ไม่สวย บลาๆ จนป้าต้องเรียกมาเคลียร์กันที่บ้านญาติ พอเขามาเขาก็ด่าเราไม่ยั้ง ตอนนั้นมีญาติทางฝั่งป้า แล้วก็พี่สาวเรา แล้วก็น้าสาวน้าเขย น้าสาวเหมือนคนบ้า ด่าว่าเราเหมือนผีเข้า หาว่าเราไปใส่ร้ายน้าเขย เราก็เครียดร้องไห้ พูดไม่ออกเลย ป้าเรางงไม่เคยเห็นน้าสาวเป็นคนแบบนี้ น้าเขยเองก็ออกปากปฎิเสธว่าไม่เคยขอ กลายเป็นเราไปใส่ร้ายเขา เชื่อมั้ยคะ พี่สาวเราไม่ช่วยเราซักอย่าง ไม่พูด ไม่ปกป้อง แต่เป็นป้าเราที่ช่วยพูด เพราะเขารู้ว่าเราไม่โกหกเขา
น้าสาวบอกกับว่าป้าคนแถวบ้านเห็นว่าเราปิดประตูบ้านปิดหน้าต่างอยู่กับตาสองคน เขาเล่าได้เป็นฉากๆเหมือนเห็นกับตา เราพูดไม่ออกเลย สภาพตาตอนนั้นคือเป็นผู้ป่วยตอนติดเตียง เดินไม่ได้ อึฉี่บนเตียง ป้าเราเห็นท่าไม่ดีเลยไล่น้ากลับบ้าน เพราะเขาเริ่มอาละวาด บอกให้เราไปตรวจบริสุทธิ์ เราบอกเราเต็มใจไปตรวจ แต่ตอนนั้นเป็นปจด. บอกว่าถ้าหายจะไปตรวจให้ เราไม่รู้ว่าตรวจได้มั้ย แต่อยากตรวจให้มันรู้ไป เพราะเราไม่ได้ทำจริงๆ
หลังจากทะเลาะกันตาเริ่มทรุดหนัก ต้องเข้ารพ. หมอที่มธ.เขาวินิจฉัยว่า ตาเป็นมะเร็งตับ แล้วลามไปกินกระดูกจนหมด ตอนนั้นน้าทำงาน ป้าเลยขอร้องให้เราไปเฝ้าตาให้ เราก็ไป เราสงสารตา เห็นเขาแล้วก็จะร้องไห้ ป้าเขาอยากให้ตารู้ เขาเลยเล่าให้ตาฟังว่าน้าคิดกับเราแบบนี้ ตาร้องไห้แล้วก็บอกว่ากอดยังไม่เคย จะให้ไปทำอะไรมัน เลี้ยงมาแต่เด็ก ตอนนั้นร้องไห้กันหมด เครียดเรื่องตา เรื่องเราด้วย เผอิญว่าวันนั้นป้าเสนอให้ไปตรวจ แต่หมอบอกว่าตรวจไม่ได้นะ เรื่องแบบนี้มันต้องมีใบแจ้งจากตำรวจ เรื่องมันเยอะมาก
ป้าเลยโทรไปหาพี่สาวเรา พี่สาวเราก็โทรไปบอกน้าสาว ว่ามันต้องแจ้งความนะ ว่าพ่อเราไปทำหลาน หมายถึงจะเอาพ่อเข้าคุก เขาบอกจะเเจ้งก็แจ้งเลย อยากทำอะไรทำเลย เราอึ้งเลยค่ะ คนเป็นลูกคิดกับพ่อแบบนี้หรอ ? เผอิญออกมาหน้าห้องตรวจ เราเดินไปเจอคนแถวบ้านคนที่น้าบอกว่าเขาเห็นเรากับตามีอะไรกัน เราเลยเดินไปถาม เขาบอกเขาไม่เคยพูด ไม่เคยพูดแบบนั้นเลย ป้าเราเลยบอกว่า อย่าโกหกนะ จะแจ้งความ เขาบอกเขาไม่เคยพูดจริงๆ สาบานได้ ตอนนั้นเราเลยงง ตกลงใครโกหกกันแน่ น้าสาว หรือ คนแถวบ้าน ?
เรื่องมันคาราคาซังจนต้นกุมภาพันธ์ ตาเราเสียค่ะ พอไปร่วมงานเราก็ช่วยงานเต็มที่เลยค่ะ แต่ไม่ยุ่งไม่สุงสิงกับน้าสาวน้าเขย ไหว้แต่ไม่มองหน้า จนเสร็จงาน คนมาเยอะมากเพราะตาเราค่อนข้างช่วยเหลือคนไว้เยอะ ได้ซองเป็นแสนๆบาท เขาใช้หนี้แล้วเอาไปหมด หลังๆม่ได้ยินว่าเอาไปเที่ยว นั่งเครื่องบินกันไป พ่อแม่ลูก ทิ้งยายเราอยู่บ้าน ซองเป็นแสนให้เรามา400 เราก็ไม่อะไร ไม่สนใจด้วย ตอนนั้นเริ่มติดมหาลัยเลยไม่โฟกัสแล้ว ตาก็เสียไปแล้ว ยายน้าก็รับไปเลี้ยง พอดีกับตอนนั้นที่บ้านทะเลาะกัน แย่งสมบัติเหมือนในละคร เราไม่ขอลงลายละเอียดนะคะ
ป้ามาเล่าให้ฟัง เราก็บอกให้เขาปลงๆไปค่ะ หนูไม่สนใจแล้ว ขอเอาตัวเองก่อน พอดีจังหวะดวงเราดีมากค่ะ ยายที่อยู่อีกจังหวัดนึง เขารู้ข่าว เขาเลยมารับเราไปอยู่ด้วย (เราเคยอยู่กับเขาตอนเด็กๆ แม่ไปฝากไว้) ชีวิตเราเกิดใหม่เลยค่ะ เขาดีกับเราทุกอย่าง อยากกินอะไรได้กิน อยากไปไหนก็พาไป ให้ตังใช้ เราก็ช่วยทำงานบ้าน ช่วยขายของ มีความสุขมากๆเลยค่ะ เหมือนเรามีครอบครัวจริงๆ เราเลยเริ่มหางานทำ อยากมีเงินเก็บไปเรียน เลยสมัครงานโรงงานแถวๆวังน้อย เงินก็ดีค่ะ ทำได้เรื่อยๆจนเริ่มมีเงิน ซื้อของให้ตัวเองได้ ตอบแทนยายได้ จนพอสอบติดมหาลัยที่นึงแถวๆอโศก แต่เราพลาดคณะที่อยากเข้า เลยสมัครอีกรอบนึง ติดคณะที่ไม่ได้ชอบมาก แล้วต้องไปเรียนอีกที่นึง ตอนนั้นเงินเก็บเรามีไม่มากค่ะ เราเลยติดสินใจซิ่วลงมหาวิทลัยเปิดเเห่งนึง ยายเราก็เห็นใจอยากให้เรียนดีๆ แต่เขาก็ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น เราบอกเราโอเคค่ะ
ช่วงทำงานเรามีแฟนค่ะ คบกันมาซักพักเลยย้ายมาอยู่กับเขา เขาก็ดีกับเรามาก เพราะเขาโตกว่าหลายปีค่ะ ที่บ้านเขาก็ดีกับเรา เพราะเองช่วยทำงานบ้านทุกอย่าง ตอนนี้เราก็พยายามช่วยกันสร้างตัวกัน เก็บเงินซื้อบ้านซื้อรถ พยายามจะกลบปมตัวเองที่เคยผ่านมา อยากขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจเราในกระทู้เก่าๆ ตอนนี้ชีวิตเราดีขึ้นมากแล้ว ไม่เครียดไม่ร้องไห้เหมือนตัวเองในวันเก่า เราสัญญาจะใช้ชีวิตตัวเองให้ดี ตั้งใจเรียนให้จบ
สุดท้ายนี้เราอยากเป็นกำลังใจให้คนที่ท้อแท้นะคะ วันนึงเรื่องร้ายๆมันจะผ่านไปเองค่ะ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป หมื่นทางตัน ยังมีทางนึงมห้ออกเสมอนะคะ อย่าคิดว่าชีวิตไม่มีค่า วันนี้ยังมีข้าวกิน มีที่นอน มีกำลังก็สู้กันไปค่ะ สู้จนนกว่าฟ้าจะเห็นใจเรา วันนึงมันต้องเป็นวันของเราจริงๆค่ะ สู้ๆนะคะ ท้อได้แต่อย่าถอย💖
ปล.พิมพ์ผิดพลาดยังไงขอภัยด้วยนะคะ เนื่องจากเจ้าของกระทู้ไม่ได้ยืนยันตัวตนเลยขอนุญาติตั้งเป็นกระทู้คำถามแทนนะคะ
(เรื่องที่เล่าเป็นเรื่องจริง100% ทุกคนในเหตุการณ์มีตัวตนทุกคนค่ะ)