ถอดรหัสหาหุ้นเติบโต …. “ทำไมหุ้นค้าปลีกท้องถิ่นราคาไม่ไปไหน”
ที่ผ่านมาผมสนใจหุ้นค้าปลีกขนาดเล็กตัวหนึ่ง ด้วยความที่หุ้นตัวนี้ดูเหมือนเติบโตดี มีสาขาหลายสิบสาขา และยอดขายก็เติบโต ทำให้รู้สึกสนใจลงทุนในหุ้นตัวนี้มากทีเดียว
ว่าที่จริงผมเคยซื้อ และถือลงทุนอยู่พักหนึ่ง แต่ก็พบว่าราคาไม่ใคร่ไปไหน ในทางกลับกันราคากลับปรับตัวลงสวนความคิดในหัวผมเสียด้วยซ้ำ ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ นายแว่นลงทุนขอเล่าให้ฟังนะครับ
ประการแรก “ตลาดร้านโชว์ห่วยในประเทศไทย”
ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าตลาดร้านโชว์ห่วยในประเทศไทยแท้จริงแล้วมันใหญ่ขนาดไหน แต่ประมาณจากยอดขายของ cpall ในตอนนี้ที่ทำยอดขายเกือบ 6 แสนล้านบาทต่อปี ประกอบกับผมเคยได้ยินนักลงทุนระดับเซียนอย่าง ดร.นิเวศน์ ท่านประมาณเอาไว้ว่าตลาดค้าปลีกแบบโชว์ห่วยน่าจะมีมูลค่าราว 1 ล้านล้านบาทต่อปี และมีการเติบโตอยู่สม่ำเสมอทุกปี
ด้วยการประมาณแบบนี้เท่ากับว่า cpall ได้กินตลาดไปแล้วเกินครึ่ง ตลาดที่เขายังเข้าไม่ถึงน่าจะเป็นร้านโชว์ห่วยระดับล่าง ที่มียอดขายต่อสาขาไม่มาก ทำให้ไม่จูงใจที่ยักษ์ใหญ่จะเข้าไปทำแข่ง
หากเราเป็นนักลงทุน แต่ติดตามการลงทุนอยู่ตลอดเวลาเราจะพบว่า มีหุ้นค้าปลีกประเภทโชว์ห่วยที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือตัวหนึ่ง ใช่แล้วครับ หุ้นตัวนั้นก็คือ TNP หรือ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) ถ้าเราติดตามหุ้นตัวนี้มาโดยตลอดเราจะพบว่าราคาไม่ยอมไปไหน แต่กลับตัวไปในทางลงเสียด้วยซ้ำ
ประการที่สอง “ธนพิริยะ ทำอะไรบ้าง”
สำหรับหุ้นธนพิริยะ มียอดขายต่อปีราว 1,600 – 2,000 ล้านบาท จำนวนสาขาที่จะเปิดครบในปี 2561 จะมีทั้งหมด 24 สาขา และมีสาขาที่เข้าร่วมบัตรประชารัฐราว 10 สาขา ได้แก่ สาขาบ้านดู่, สาขาหอนาฬิกา, สาขาบ้านใหม่, สาขาศรีทรายมูล, สาขาแม่ฟ้าหลวง, สาขาแม่สาย, สาขาท่าวังทอง, สาขาเทิง, สาขาเวียงป่าเป้า และสาขาเชียงแสน
จะเห็นว่า … ที่ผ่านมา TNP ทำการเติบโตได้ดีมาโดยตลอด แต่หลักใหญ่ใจความคงจะมาจากยอดขายที่เติบโตตามสาขาที่ขยายตัว แต่ยอดขายต่อสาขาดูเหมือนจะไม่เติบโต มีนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจเป็นเพราะ การขยายสาขาที่ใกล้เคียงกันทำให้ตัดยอดกันเอง
แต่ข้อสังเกตประการหนึ่งก็คือ การเกิดขึ้นของร้านธงฟ้าประชารัฐ จะส่งผลต่อร้านค้าปลีกท้องถิ่นที่ไม่เข้าร่วมโครงการนี้หรือไม่ … คำตอบในใจผมก็คือ มีผลกระทบแน่นอนครับ เพราะร้านธงฟ้าประชารัฐจะดึงดูดคนให้เข้าไปจับจ่าย และจะซื้อสินค้าอื่น ๆ ในร้านพ่วงไปด้วย เพราะต้องการความสะดวกนั่นเอง
ประการสุดท้าย “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
จากข้อสังเกตดังกล่าว จะพบว่า ร้านที่เข้าโครงการธงฟ้าประชารัฐ จะมีเครื่องมือที่จะดึงดูดคนเข้ามาจับจ่าย ตลาดโชว์ห่วยที่มียอดขายไม่จูงใจให้รายยักษ์เข้ามาแข่งยังคงเติบโต แต่อาจจะเติบโตจากร้านประชารัฐ และเริ่มที่จะกินร้านโชว์ห่วยท้องถิ่นที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ
สิ่งที่ส่งผลต่อ TNP หรือไม่ ผมเองก็ไม่แน่ใจครับ แต่ด้วยจำนวนสาขาของ TNP ที่เข้าร่วมโครงการยังไม่มาก หรือไม่ได้ทำทุกร้านค้า เราคงต้องไปเจาะลึกเพิ่มว่าร้านที่ไม่เข้าร่วมมียอดขายเป็นอย่างไร แต่ตลาดร้านค้าปลีกระดับล่าง น่าจะถูกทดแทนด้วยร้านประชารัฐอย่างแน่นอน หรือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในระดับท้องถิ่นนั่นเอง
ข้อสรุปก็คือ … ผมเองก็ไม่อยากฟันธงว่า ร้านประชารัฐจะมากินร้านค้าปลีกระดับล่าง หรือไม่อย่างไร และสิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อ TNP หรือไม่ จะเป็นอุปสรรค หรือโอกาสในการเติบโตของหุ้นตัวนี้อย่างไร ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกันนะครับ
#นายแว่นลงทุน
“ทำไมหุ้นค้าปลีกท้องถิ่นราคาไม่ไปไหน”
ถอดรหัสหาหุ้นเติบโต …. “ทำไมหุ้นค้าปลีกท้องถิ่นราคาไม่ไปไหน”
ที่ผ่านมาผมสนใจหุ้นค้าปลีกขนาดเล็กตัวหนึ่ง ด้วยความที่หุ้นตัวนี้ดูเหมือนเติบโตดี มีสาขาหลายสิบสาขา และยอดขายก็เติบโต ทำให้รู้สึกสนใจลงทุนในหุ้นตัวนี้มากทีเดียว
ว่าที่จริงผมเคยซื้อ และถือลงทุนอยู่พักหนึ่ง แต่ก็พบว่าราคาไม่ใคร่ไปไหน ในทางกลับกันราคากลับปรับตัวลงสวนความคิดในหัวผมเสียด้วยซ้ำ ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ นายแว่นลงทุนขอเล่าให้ฟังนะครับ
ประการแรก “ตลาดร้านโชว์ห่วยในประเทศไทย”
ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าตลาดร้านโชว์ห่วยในประเทศไทยแท้จริงแล้วมันใหญ่ขนาดไหน แต่ประมาณจากยอดขายของ cpall ในตอนนี้ที่ทำยอดขายเกือบ 6 แสนล้านบาทต่อปี ประกอบกับผมเคยได้ยินนักลงทุนระดับเซียนอย่าง ดร.นิเวศน์ ท่านประมาณเอาไว้ว่าตลาดค้าปลีกแบบโชว์ห่วยน่าจะมีมูลค่าราว 1 ล้านล้านบาทต่อปี และมีการเติบโตอยู่สม่ำเสมอทุกปี
ด้วยการประมาณแบบนี้เท่ากับว่า cpall ได้กินตลาดไปแล้วเกินครึ่ง ตลาดที่เขายังเข้าไม่ถึงน่าจะเป็นร้านโชว์ห่วยระดับล่าง ที่มียอดขายต่อสาขาไม่มาก ทำให้ไม่จูงใจที่ยักษ์ใหญ่จะเข้าไปทำแข่ง
หากเราเป็นนักลงทุน แต่ติดตามการลงทุนอยู่ตลอดเวลาเราจะพบว่า มีหุ้นค้าปลีกประเภทโชว์ห่วยที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือตัวหนึ่ง ใช่แล้วครับ หุ้นตัวนั้นก็คือ TNP หรือ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) ถ้าเราติดตามหุ้นตัวนี้มาโดยตลอดเราจะพบว่าราคาไม่ยอมไปไหน แต่กลับตัวไปในทางลงเสียด้วยซ้ำ
ประการที่สอง “ธนพิริยะ ทำอะไรบ้าง”
สำหรับหุ้นธนพิริยะ มียอดขายต่อปีราว 1,600 – 2,000 ล้านบาท จำนวนสาขาที่จะเปิดครบในปี 2561 จะมีทั้งหมด 24 สาขา และมีสาขาที่เข้าร่วมบัตรประชารัฐราว 10 สาขา ได้แก่ สาขาบ้านดู่, สาขาหอนาฬิกา, สาขาบ้านใหม่, สาขาศรีทรายมูล, สาขาแม่ฟ้าหลวง, สาขาแม่สาย, สาขาท่าวังทอง, สาขาเทิง, สาขาเวียงป่าเป้า และสาขาเชียงแสน
จะเห็นว่า … ที่ผ่านมา TNP ทำการเติบโตได้ดีมาโดยตลอด แต่หลักใหญ่ใจความคงจะมาจากยอดขายที่เติบโตตามสาขาที่ขยายตัว แต่ยอดขายต่อสาขาดูเหมือนจะไม่เติบโต มีนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจเป็นเพราะ การขยายสาขาที่ใกล้เคียงกันทำให้ตัดยอดกันเอง
แต่ข้อสังเกตประการหนึ่งก็คือ การเกิดขึ้นของร้านธงฟ้าประชารัฐ จะส่งผลต่อร้านค้าปลีกท้องถิ่นที่ไม่เข้าร่วมโครงการนี้หรือไม่ … คำตอบในใจผมก็คือ มีผลกระทบแน่นอนครับ เพราะร้านธงฟ้าประชารัฐจะดึงดูดคนให้เข้าไปจับจ่าย และจะซื้อสินค้าอื่น ๆ ในร้านพ่วงไปด้วย เพราะต้องการความสะดวกนั่นเอง
ประการสุดท้าย “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
จากข้อสังเกตดังกล่าว จะพบว่า ร้านที่เข้าโครงการธงฟ้าประชารัฐ จะมีเครื่องมือที่จะดึงดูดคนเข้ามาจับจ่าย ตลาดโชว์ห่วยที่มียอดขายไม่จูงใจให้รายยักษ์เข้ามาแข่งยังคงเติบโต แต่อาจจะเติบโตจากร้านประชารัฐ และเริ่มที่จะกินร้านโชว์ห่วยท้องถิ่นที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ
สิ่งที่ส่งผลต่อ TNP หรือไม่ ผมเองก็ไม่แน่ใจครับ แต่ด้วยจำนวนสาขาของ TNP ที่เข้าร่วมโครงการยังไม่มาก หรือไม่ได้ทำทุกร้านค้า เราคงต้องไปเจาะลึกเพิ่มว่าร้านที่ไม่เข้าร่วมมียอดขายเป็นอย่างไร แต่ตลาดร้านค้าปลีกระดับล่าง น่าจะถูกทดแทนด้วยร้านประชารัฐอย่างแน่นอน หรือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในระดับท้องถิ่นนั่นเอง
ข้อสรุปก็คือ … ผมเองก็ไม่อยากฟันธงว่า ร้านประชารัฐจะมากินร้านค้าปลีกระดับล่าง หรือไม่อย่างไร และสิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อ TNP หรือไม่ จะเป็นอุปสรรค หรือโอกาสในการเติบโตของหุ้นตัวนี้อย่างไร ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกันนะครับ
#นายแว่นลงทุน