รีวิว ขอวีซ่าเรียนต่อญี่ปุ่น (ฉบับเด็กต่างจังหวัด)

รีวิวข้อมูล ณ เดือน พฤศจิกายน 2018

เกริ่นนำนิดหน่อย เราวางแผนจะไปเรียนต่อสถาบันสอนภาษา ที่ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ช่วงเดือน เมษายน ตอนนั้นก็ทำเอกสารที่ใช้ยื่นสมัคร และเรียนภาษาญี่ปุ่นไปพร้อมๆ กัน โดยระยะเวลาที่จะไปเรียนคือ 1 ปี 6 เดือน ตรงนี้ขอไม่ลงรายละเอียดมาก เพราะกระทู้นี้ จะมารีวิว เรื่องการขอวีซ่าเรียนต่อ ก่อนหน้านี้ เราเสิร์จหาข้อมูลหนักมาก แต่ไม่ค่อยเจอข้อมูลเท่าไหร่ วันนี้เลยมาแชร์ประสบการณ์ของเราค่ะ

หลังจากที่ส่งเอกสารสมัครเรียนไปให้ทางสถาบันสอนภาษาที่ญี่ปุ่นแล้ว ทางโรงเรียนก็จะดำเนินการเอกสารให้เรา โดยจะส่งใบ C.O.E (Certificate of Eligibility) หรือเรียกว่าใบรับรองสถานภาพการพำนักมาให้ที่ไทย ซึ่งของโรงเรียนเรากว่าจะส่งมาให้ก็นานมาก โดยปกติ น่าจะใช้เวลา 2-3 เดือน (ขึ้นอยู่กับโรงเรียนที่สมัครไปด้วยค่ะ)


หน้าตาของใบ C.O.E. เราขอไป ปีครึ่ง แต่เขาให้มา 2ปีเลย
ระยะเวลาที่ได้ขึ้นอยู่กับโรงเรียนที่เราไปเรียนด้วยว่าสามารถขอให้ได้มาก หรือน้อย

ขั้นตอนต่อมา คือการเตรียมเอกสารขอวีซ่า
ซึ่งวีซ่าเรียน จะใช้เอกสารคือ
1. หนังสือเดินทาง (มีหน้าว่างที่ไม่มีตราประทับมากกว่า 2 หน้าขึ้นไป หากมีเล่มเก่า กรุณานำมาแสดงด้วย)
2. ใบคำร้องขอวีซ่า
3. รูปถ่าย (ขนาด 2x2 นิ้ว สีหรือขาวดำ)
4. แบบสอบถามเพื่อการยื่นขอวีซ่า
5. ใบรับรองสถานภาพการพำนัก (Certificate of Eligibility)
6. ทะเบียนบ้าน
7. ใบเปลี่ยนชื่อตัว, ใบสำคัญการสมรส, ใบหย่า (ถ้ามี)

ด้วยความที่อยู่ต่างจังหวัด เราเลยไปยื่นใกล้จังหวัดเราสุด คือยื่นที่ขอนแก่น ณ ที่ทำการไปรษณีย์ขอนแก่น พอไปถึงก็ขึ้นไปชั้น 2 ได้เลย บอกเจ้าหน้าที่ว่ามายื่นขอวีซ่า ทางเจ้าหน้าที่ก็จะเอาซองเพื่อใส่เอกสารมาให้ อย่าลืมเอาสำเนาทะเบียนบ้าน, ใบเปลี่ยนชื่อตัวจริงไปแสดงให้เจ้าหน้าที่ดูด้วยนะคะ เพื่อความรวดเร็วเอกสารควรกรอกข้อมูลให้เรียบร้อยไปจากที่บ้านเลย พอไปถึงจะได้ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่เช็คความเรียบร้อย ก่อนนำส่ง เมื่อเช็คเอกสารว่าครบทุกอย่างแล้วก็ชำระเงิน


ค่าใช้จ่าย 1,515 ฿ เจ้าหน้าที่จะจดเลขแทร็คของเอกสารที่ส่งไป และเลขแทร็คสำหรับส่งวีซ่ากลับมาให้ ยังที่อยู่ที่เรากรอกไว้ สามารถเช็คสถานะได้ในเว็บไซต์ไปรษณีย์เลยค่ะ ของเราใช้เวลาส่งถึงสถานทูต 2 วัน เพราะติดวันหยุด

หลังจากนั้นประมาณ 2 วัน ก็ได้รับโทรศัพท์จากทางสถานทูตญี่ปุ่นโทรมา ( 022078500 / 026963000 ) บันทึกลงเครื่องไว้เลย ของเรารับไม่ทันด้วย เลยรีบโทรกลับไป เป็นเจ้าหน้าที่จากทางสถานทูตสัมภาษณ์เราสั้นๆ มาถึงคำถามส่วนใหญ่ที่ถาม (รวบรวมจากของเรา และของเพื่อนๆ ที่ถูกถาม)
- ชื่อ นามสกุล
- อายุ
- เรียนจบจากที่ไหน
- ทำไมถึงไปเรียนที่ญี่ปุ่น
- ได้สอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นไหม
- ใครเป็นคนออกค่าใช้จ่ายที่ญี่ปุ่นให้
- ผู้ปกครองทำงานอะไร
- มีญาติ คนรู้จักที่ญี่ปุ่นไหม
คำถามส่วนใหญ่ก็เป็นคำถามพื้นฐาน เจ้าหน้าที่ถามเราเป็นภาษาไทย (แต่ก่อนหน้านี้รุ่นพี่บอกว่าถูกสัมภาษณ์ภาษาญี่ปุ่น) เพื่อความพร้อมก็เตรียมตัวซ้อมไว้เยอะมาก เจอจริงๆ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลย หลังจากพูดคุยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็วางสายไป และภายในวันเดียวกันก็จะได้ทราบว่า กลุ่มเราที่จะไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ทุกคน ต้องลงไปสัมภาษณ์กับทางสถานทูตญี่ปุ่น ที่กรุงเทพฯ

มีเวลา 4 วันก่อนการสัมภาษณ์ เด็กตจว. อย่างเราก็รีบจองตั๋วไปกทม. ขาไปไปรถไฟ งบไม่พอ 555 เราจองที่พักใกล้ๆ สถานทูตเพื่อความสะดวกในการเดินทาง เลยอยู่แถวๆ สีลม สถานทูตญี่ปุ่นอยู่ใกล้ๆ สวนลุม คืนก่อนสัมภาษณ์ก็เตรียมตัวซ้อมสัมภาษณ์กันเยอะมาก ทั้งเรื่องมารยาท การวางตัว การตอบคำถาม

เช้าวันสัมภาษณ์ แต่งกายชุดสุภาพ เราเดินทางไปก่อนเวลาพอสมควร เวลาทำการ 08.30 น. นะ พี่ยามใจดีเปิดประตูให้เข้าไปรอด้านใน นั่งรอจน 08.00 ก็ได้เข้าไปด้านใน ผ่านประตู สแกนกระเป๋า เนื่องจากด้านในไม่ให้ถ่ายรูป จึงไม่มีรูปมาให้ดู พอเข้าไปข้างใน ให้มองทางขวา จะเห็นป้ายเขียนบอกว่า VISA เดินตามป้ายไปเลยค่ะ เดินไปด้านข้างจนสุดท้าย ซ้ายมือจะมีประตูให้เปิดเข้าไป เป็นห้องเล็กๆ ไปถึงแล้วกดกริ่งเรียกเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ แจ้งว่า มาสัมภาษณ์จากทางโทรศัพท์ ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่มาบอกให้ไปสัมภาษณ์ได้เลย

กลุ่มเราไปพร้อมกัน 7 คน ห้องที่ใช้สัมภาษณ์ของเราเป็นห้องรับรองที่อยู่ด้านหน้า มองจากด้านนอกเห็นชัดเจนเพราะเป็นกระจก เจ้าหน้าที่จะมาเรียกให้สัมภาษณ์ทีละคน ประมาณคนละ 15 นาทีค่ะ บวกลบไม่เกิน 5 นาที ระหว่างรอก็ตื่นเต้นมาก แอบเครียดเบาๆ แต่พอสัมภาษณ์เสร็จนี่โล่งมาก มาที่คำถามสัมภาษณ์ เป็นคำถามพื้นฐานเลยค่ะ สัมภาษณ์เป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ ถ้าไม่เข้าใจจะมีเจ้าหน้าที่อีกคนแปลเป็นภาษาไทยให้

เดินเข้าไป ก็ทักทายปกติค่ะ เราก็ตอบกลับไป พร้อมพูด しつれいします。どうぞよろしくおねがいします。ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ ต่อไปจะเป็นบทสัมภาษณ์คร่าวๆ นะคะ

: お名前は何ですか。ถามชื่อ

: 今何歳ですか。 ถามอายุ

: どこで来ましたか。มาจากที่ไหน

: どうやって来ましたか。มายังไง

: どのぐらい来ましたか。 ใช้เวลามาประมาณเท่าไหร่

: どうして日本へいきますか。ทำไมถึงจะไปญี่ปุ่น

หลังจากคำถามนี้เราขอตอบเป็นภาษาไทยค่ะ ก็เลยได้ตอบภาษาไทยในคำถามต่อมา

- ใครเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายที่ญี่ปุ่นให้

- คนที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเราทำงานอะไร

- จะทำงานพิเศษไหม

หลังจากนั้นจะเป็นการทดสอบความสามารถด้านภาษาญี่ปุ่น โดยการอ่านประโยค ก็จะมีแฟ้มมาเปิดให้อ่าน เขาก็จะบอกให้เราอ่านข้อไหนบ้าง เช่น 十一番、三十五番 มีทั้งประโยคที่เป็นตัวฮิรากานะ คาตาคานะ และคันจิ สำหรับเราไม่เป็นปัญหาอะไร เพียงแต่ไม่ถนัดอ่านคาตาคานะ เลยมีติดขัดบ้าง โดยรวมพอเสร็จแล้ว เขาก็จะให้ใบเรามากรอกค่ะ ให้ไปกรอกที่ห้อง VISA ห้องเดิม (ปล.ใครที่จะเอาเอกสารไปให้เขาดู ยื่นให้ก่อนนั่งเลยค่ะ เราเอาใบผลสอบวัดระดับไปให้เขาดูค่ะ)

ใบที่เราต้องกรอกก็คือแบบสอบถามสำหรับนักศึกษาต่างประเทศ (กรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ) โดยข้อมูลที่ต้องกรอกคือ ชื่อ สกุล ที่อยู่ปัจจุบัน อายุ สถานภาพ ประวัติการศึกษา ระดับมัธยมศึกษา มหาวิทยาลัย ประวัติการทำงาน (ถ้ามี) ประวัติการเรียนภาษาญี่ปุ่นกับสถาบันสอนภาษาที่ไทย (ข้อมูลคือชื่อโรงเรียน ที่อยู่ เบอร์โทร เวลาที่เรียน วันไหนถึงวันไหน) ชั่วโมงเรียน เคยให้ทางสถาบันสอนภาษายื่นขอวีซ่าหรือไม่ กรณีไม่เคย ให้ระบุชื่อที่อยู่ของสถาบันที่เป็นตัวแทนในการยื่นวีซ่า ผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย (ชื่อ ความสัมพันธ์ ชื่อบริษัท ที่อยู่ ตำแหน่งงาน ทำงานตั้งแต่วันไหนถึงวันไหน) โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นที่จะเข้าเรียน มีการสอบเข้าหรือไม่ (สัมภาษณ์, ข้อเขียน)

เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ควรเตรียมเอกสาร หรือข้อมูลไปด้วยค่ะ จะได้กรอกเลย กรอกเสร็จก็กดกริ่งยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ของเราพอกำลังออกมาก็มีโทรศัพท์จากทางสถานทูตโทรมาแจ้งว่าจะใช้เวลา 2-3 วันในการดำเนินการ

เร็วมากค่ะ ของเราใช้เวลา 2 วันเอกสารก็ส่งถึงที่อยู่ที่เรากรอกไว้แล้วค่ะ


ตอนนี้ก็ได้วีซ่ามาเรียบร้อยแล้วค่ะ จบการรีวิว หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อย ขอบคุณค่ะ ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่