สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้พอมีเวลาว่างเลยเขียนเรื่องสั้นขึ้นมาเรื่องหนึ่ง และเนื่องจากเป็นวันฮาโลวีน ดันนึกพล็อตแนวผี (มั้ง) ขึ้นมาได้ซะงั้น ลองอ่านกันนะครับว่าแนวผีของผมจะเป็นอย่างไร
=====================================================================================
ผีฝึกหัด
ทันทีที่สายตาโฟกัสภาพได้ชัดเจน ผมมองเห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้รูปร่างหน้าตาจัดว่าสวย แววตาดูมีเสน่ห์น่าดึงดูด รอยยิ้มของเธอแอบซ่อนด้วยความลึกลับหลายประการ
เธอช่างน่ามองเสียเหลือเกิน
หญิงสาวก้มมองร่างผมที่นอนแอ้งแม้งกลางบ้านหลังนี้ สายตาอันน่าดึงดูดยิ่งพาผมตกอยู่ในภวังค์ ริมฝีปากที่คลี่ยิ้มเพิ่มความเร้นลับให้มากขึ้นอีก ผมรู้สึกหลงใหลเธอโดยทันที
เมื่อเธอเข้าใกล้ผมมากขึ้น สายตาของผมก็ละออกจากเธอไม่ได้ หญิงสาวย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ ตัวของผม จ้องมองมาที่ร่างผม แล้วค่อย ๆ ก้มหน้าลงมา
ใบหน้าอันสวยได้รูปขยับเข้ามาใกล้ใบหน้าของผมจนน้อยกว่าหนึ่งคืบ สายตาสองเราประสานเชื่อมโยง แล้วเธอก็เอ่ยขึ้นว่า
“คุณตายแล้วนะ”
พลันเมื่อสิ้นเสียงพูดใบหน้าของหญิงสาวค่อย ๆ ปรากฏบาดแผลบางอย่างขึ้นมาด้วย
ผมร้องไม่ได้ศัพท์ทันทีที่เห็นบาดแผลนั้น แม้จะไม่เข้าใจที่เธอพูด แต่ก็พยายามผลักตัวของหญิงสาวออกไป เพราะว่าทุกอย่างที่ผมเห็นจากคลองจักษุตอนนี้มันเป็นคำตอบอย่างชัดเจน
บาดแผลบนใบหน้าของเธอนั้นน่าสยดสยองเกินกว่าจะเป็นมนุษย์ปกติได้ จะมีมนุษย์ที่ไหนที่อยู่ ๆ ก็มีบาดแผลขึ้นมาเต็มอย่างนี้
ผมพยายามใช้มือผลักร่างของเธอให้ออกห่าง แต่ว่าสองมือของผมกลับทะลุผ่านร่างของเธอไปอีก
ชัดเจนเป็นที่สุด เธอเป็นผีแน่นอน
เสียงร้องของผมเริ่มดังขึ้นอีก แต่ว่าเหมือนเธอจะไม่ได้สนใจ ไม่ทราบว่าเธอทำอย่างไร ใบหน้าของเธอกลับมาสวยตามเดิม เธอยิ้มให้ผมอีกครั้ง แล้วพูดขึ้นมาว่า
“ไม่ต้องกลัวหรอก คุณน่ะตายแล้ว เป็นผีเหมือนกันนั่นแหละ”
“หา!!” ผมร้องขึ้นอีก พยายามตั้งสติเท่าที่ตัวเองทำได้ พยายามประมวลจากสิ่งที่เธอพูด แต่ว่าเหมือนหญิงสาวจะรู้ว่าผมยังสงสัยอยู่เลยพูดต่อว่า
“คุณน่ะเสียชีวิตในบ้านหลังนี้ ถ้าไม่เชื่อลองเอามือแตะที่หัวตัวเองดูสิ”
ผมรีบทำตามที่เธอบอก แต่พอมือของผมสัมผัสกับศีรษะของตัวเอง ของเหลวเหนียวหนืดสีแดงก็ติดมือขึ้นมา แน่นอนว่ามันคือ เลือดของผมเอง!!
ผมร้องขึ้นอีกครั้ง แต่ก็เข้าใจที่เธอพูดแล้ว ผมมีบาดแผลที่ศีรษะจริง ๆ
ผมตายแล้วสินะ
“คุณน่ะตายแล้ว” หญิงสาวพูดเรื่องเดิมอีกครั้ง “ตอนนี้คุณเป็นผีเหมือนเราแล้วนะ ยินดีด้วย”
เธอพูดพร้อมรอยยิ้มกันเลยทีเดียว
ผมยังยิ้มไม่ออกหรอก แต่ก็พอเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองล่ะ ผมตายไปแล้วนี่เอง แล้วเธอก็ตายแล้วเช่นกัน เราทั้งคู่เป็นวิญญาณแล้ว
หรือจะเรียกว่าเป็นผีก็คงได้
“เอ่อ ผมตายแล้วจริง ๆ เหรอ” ผมถามอีกครั้งเพื่อย้ำเตือนตัวเอง
เธอพยักหน้ารับ “ใช่สิ คุณน่ะตายไปแล้ว แรก ๆ อาจจะไม่ชินกับร่างนี้หรอกนะ แต่เดี๋ยวฉันจะสอนให้ คุณจะได้รู้ว่าโลกหลังความตายมันก็ดีเหมือนกัน”
“งั้นเหรอ” ผมรับคำ พยายามนึกจากประโยคที่เธอพูดขึ้นมา
จะว่าไปตอนนี้ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเลย อย่างมากก็ปวด ๆ แผลที่ศีรษะนิดหน่อยเท่านั้นเอง ถ้าเป็นผีอาจจะดีอย่างที่เธอบอกก็ได้
“แล้วต้องทำอย่างไรบ้าง” ผมเอ่ยถาม
“จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรมาก พอเราตายไปวิญญาณของเราก็มักจะสถิตอยู่ใกล้จุดที่เราตายเป็นหลักนั่นแหละ”
“อืม..” ผมคิดตาม “งั้นแสดงว่าเธอก็ตายที่นี่เหมือนกัน”
หญิงสาวเอียงคอเล็กน้อย ดูไปก็น่ารักเหมือนกันนะ เธอตอบว่า
“ใช่ ฉันตายที่นี่มานานล่ะ อยู่ที่นี่คนเดียวเหงามากมาย”
“แบบนั้นแสดงว่าต่อไปฉันจะอยู่กับเธอที่นี่ด้วยสินะ”
“ใช่แล้ว ฉันดีใจมากเลยที่คุณตายที่นี่ ในที่สุดฉันก็ไม่ต้องอยู่ทีนี่คนเดียวแล้ว มีคุณเป็นเพื่อนแล้ว”
ผมพยายามนึกตามที่เธอพูด เอาเข้าจริงมันก็แปลก ๆ อยู่เหมือนกันนะ แต่ว่าถ้าผมตายแล้วมาเป็นผีอยู่กับผีสาวสวยตรงหน้านี้มันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีใช่ไหม
“แต่ว่าเป็นผีแล้วทำอะไรได้บ้างล่ะ”
หญิงสาวยิ้ม “ทำแบบนี้ไง”
เธอพูดเสร็จก็เอามือผ่านทะลุกำแพงให้ดูเป็นตัวอย่าง
ผมพยายามทำตามบ้าง แต่ว่าเหมือนว่าผมยังทำไม่ได้ มือของผมยังติดกำแพงบ้านนี้อยู่เลย
“ทำไมผมทำไม่ได้ล่ะ”
หญิงสาวทำท่าคิด สักพักตอบขึ้นว่า
“อาจเพราะคุณเพิ่งตายได้ไม่นาน สภาพวิญญาณของตัวเองยังไม่เต็มที่”
“แล้วเมื่อไรฉันจะทำแบบนั้นได้บ้างล่ะ”
“ก็คงต้องฝึกกันล่ะมั้ง ตอนฉันเพิ่งตายใหม่ ๆ ฉันก็ทำไม่ได้เหมือนกันแหละ เอางี้เราไปฝึกกันเลยดีไหม?” ผีสาวเอ่ยถาม
“ก็ดี” ผมพยักหน้ารับ
ผีสาวก็เลยชวนผมที่เป็นผีฝึกหัดเดินออกไปจากบ้านหลังนี้ ไปยังถนนที่อยู่ข้างนอก หญิงสาวหันหน้าไปมาสักพัก เมื่อพบเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งกำลังเดินมาทางที่ตัวเองอยู่ จึงหันมาหาผมพร้อมบอกว่า
“เราจะทดสอบกัน เห็นเด็กคนนั้นไหม”
ผมเห็นอยู่แล้วแหละ เด็กคนนี้อายุไม่น่าจะเกินสิบสองขวบ เดินตรงมาทางที่ผมกับเธอยืนอยู่ แต่เท่าที่ผมสังเกต เหมือนเขาจะมองไม่เห็นเราทั้งคู่
“เราจะลองทะลุผ่านเด็กคนนั้นกัน”
“หือ.. ทำเลยเหรอ?”
“ใช่ ๆ เริ่มจากเด็กนี่แหละ ไม่ยากหรอก ตอนนี้คุณก็แค่ตั้งสมาธิตัวเองดี ๆ คิดว่าตัวเองตายไปแล้ว แล้วเดินสวนผ่านร่างของเด็กไป เดี๋ยวฉันจะทำให้ดูก่อนนะ”
พูดเสร็จเธอก็เดินตรงเข้าไปหาเด็กคนนั้น แล้วเดินผ่านทะลุร่างเด็กอย่างสบาย โดยที่เด็กคนนั้นไม่รู้ตัวเลย
“เป็นไง ประมาณนี้แหละ ลองทำดูสิ”
ผมนิ่งรับ ยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือเปล่า แต่ก็ทำตามโจทย์ที่ว่านั้น
ผมค่อย ๆ ก้าวเดินสวนไปยังร่างของเด็กน้อยที่กำลังเดินเข้ามา ตั้งสมาธิของตัวเองอย่างถึงที่สุด แล้วสิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจก็เกิดขึ้น
ร่างของผมค่อย ๆ ทะลุผ่านร่างของเด็กคนนั้น ผ่านไปด้านหลัง
ผมทำได้
“ได้แล้ว” ผมบอกกับเธอที่ยืนดู
“เห็นไหม ไม่ได้ยากอะไร” หญิงสาวยิ้มรับ “คราวนี้เรามาลองกับลุงคนนั้นดีไหม”
ผีสาวชี้มือไปยังลุงคนหนึ่งที่เดินอยู่อีกทาง ลุงคนนี้อายุน่าจะเกินหกสิบแล้ว ตัวผอมแห้ง ร่างกายบอบบางอย่างมาก
เหมือนเดิมหญิงสาวทำให้ดูอีกครั้ง ร่างของผีสาวผ่านร่างของชายแก่อย่างไม่มีปัญหาอะไร เธอกวักมือเรียกให้ผมลองทำบ้าง
ผมตั้งสติตั้งสมาธิอีกครั้ง เดินไปยังจุดที่ลุงกำลังเดินอยู่
ลุงเดินตรงมาเหมือนไม่เห็นผมตรงหน้าเช่นเดียวกับเด็กน้อยนั้น ผมค่อย ๆ ก้าวเดินสวนกับลุงอย่างใจเย็น
ร่างของผมค่อย ๆ ทะลุผ่านร่างของลุงนั้นอย่างช้า ๆ จนผ่านไปด้านหลัง
ผมทำได้อีกแล้ว
ผมชูมือแสดงความดีใจทันที ในที่สุดผมก็ใช้ความสามารถของร่างวิญญาณทะลุผ่านได้แล้ว
“เก่งมากเลย” ผีสาวบอกพร้อมตบมือให้ผม “ไม่คิดว่าคุณจะทำได้เร็วขนาดนี้นะเนี่ย”
“ขอบคุณเธอมาก ๆ เลย แบบนี้ผมก็ทะลุผ่านได้แล้วใช่ไหม”
“ใช่แล้ว คุณผ่านเกณฑ์การเป็นผีฝึกหัดแล้ว เรามาฉลองกันดีไหม”
“หือ? ยังไงล่ะ?”
“ก็นั่นไง เห็นรถบรรทุกที่วิ่งมาคันนั้นไหม เราไปให้รถวิ่งผ่านร่างเพื่อเป็นการฉลองกันเถอะ น่าสนุกดีนะ”
“เอาสิ ลุยเลย” ผมยิ้ม ตอบรับทันที
จากนั้นเราสองคนก็เลยรอให้รถบรรทุกแล่นเข้ามาใกล้ แล้วค่อยออกไปยืนกลางถนนให้รถบรรทุกทะลุผ่านร่าง
ครั้งนี้จะเป็นการทะลุผ่านครั้งใหญ่ของผม
เมื่อระยะได้แล้ว ผมกับเธอพุ่งตัวออกไปขวางหน้ารถบรรทุกคันนั้นทันที
ผมหันมองหน้าหญิงสาว รอยยิ้มของเธอฉีกกว้างขึ้นกว่าเดิมอีก ดูท่าเธอคงจะมีความสุขมากขึ้นเมื่อเห็นผมทำได้แบบเธอแล้ว
เสียงอะไรดังขึ้นมาตอนนี้ผมไม่สนใจล่ะ ผมตั้งสติให้รถบรรทุกผ่านร่างของตัวเองไป
รถบรรทุกแล่นเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ผ่านร่างของหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหน้ากว่าผมก่อน
จากนั้นมันก็....
พุ่งชนผม!!!
รถบรรทุกพุ่งชนผมอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดอย่างหนักครอบงำเข้าทุกอณูในตัวผม ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนร่างผมแหลกเป็นเสี่ยง
ซึ่งก่อนที่ผมจะสิ้นสติไป ผมเห็นคำตอบของความจริงทั้งหมดแล้ว
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลของหญิงสาวปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งไม่ใช่แค่ใบหน้าของเธอคนเดียว ใบหน้าของเด็กน้อยและลุงแก่ก็ปรากฏบาดแผลเช่นกัน
งั้นก็แสดงว่าทั้งหมดเป็นผี มิน่าร่างถึงทะลุผ่านได้
แต่ผมไม่ใช่ผี ผมยังไม่ตาย!!
ทั้งหมดมันเป็นแผนของผีสาวตนนั้นแน่ ๆ เธอร่วมมือกับเพื่อนผีเด็กและผีลุงแก่ แกล้งหลอกให้ผมเชื่อว่าตัวเองเป็นผีเหมือนกับพวกเธอ แล้วให้ผมตายจริง ๆ โดยโดนรถชนตายแบบนี้
ซึ่งเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนจะสิ้นชีวิตไป เป็นคำพูดของผีสาวที่หลอกผม เธอพูดขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะเล็ก ๆ ว่า
“คิคิ.. เป็นไงบ้างล่ะ โดนผีหลอก”
.............................................จบ
เรื่องสั้นวันฮาโลวีน - ผีฝึกหัด
=====================================================================================
ผีฝึกหัด
ทันทีที่สายตาโฟกัสภาพได้ชัดเจน ผมมองเห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้รูปร่างหน้าตาจัดว่าสวย แววตาดูมีเสน่ห์น่าดึงดูด รอยยิ้มของเธอแอบซ่อนด้วยความลึกลับหลายประการ
เธอช่างน่ามองเสียเหลือเกิน
หญิงสาวก้มมองร่างผมที่นอนแอ้งแม้งกลางบ้านหลังนี้ สายตาอันน่าดึงดูดยิ่งพาผมตกอยู่ในภวังค์ ริมฝีปากที่คลี่ยิ้มเพิ่มความเร้นลับให้มากขึ้นอีก ผมรู้สึกหลงใหลเธอโดยทันที
เมื่อเธอเข้าใกล้ผมมากขึ้น สายตาของผมก็ละออกจากเธอไม่ได้ หญิงสาวย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ ตัวของผม จ้องมองมาที่ร่างผม แล้วค่อย ๆ ก้มหน้าลงมา
ใบหน้าอันสวยได้รูปขยับเข้ามาใกล้ใบหน้าของผมจนน้อยกว่าหนึ่งคืบ สายตาสองเราประสานเชื่อมโยง แล้วเธอก็เอ่ยขึ้นว่า
“คุณตายแล้วนะ”
พลันเมื่อสิ้นเสียงพูดใบหน้าของหญิงสาวค่อย ๆ ปรากฏบาดแผลบางอย่างขึ้นมาด้วย
ผมร้องไม่ได้ศัพท์ทันทีที่เห็นบาดแผลนั้น แม้จะไม่เข้าใจที่เธอพูด แต่ก็พยายามผลักตัวของหญิงสาวออกไป เพราะว่าทุกอย่างที่ผมเห็นจากคลองจักษุตอนนี้มันเป็นคำตอบอย่างชัดเจน
บาดแผลบนใบหน้าของเธอนั้นน่าสยดสยองเกินกว่าจะเป็นมนุษย์ปกติได้ จะมีมนุษย์ที่ไหนที่อยู่ ๆ ก็มีบาดแผลขึ้นมาเต็มอย่างนี้
ผมพยายามใช้มือผลักร่างของเธอให้ออกห่าง แต่ว่าสองมือของผมกลับทะลุผ่านร่างของเธอไปอีก
ชัดเจนเป็นที่สุด เธอเป็นผีแน่นอน
เสียงร้องของผมเริ่มดังขึ้นอีก แต่ว่าเหมือนเธอจะไม่ได้สนใจ ไม่ทราบว่าเธอทำอย่างไร ใบหน้าของเธอกลับมาสวยตามเดิม เธอยิ้มให้ผมอีกครั้ง แล้วพูดขึ้นมาว่า
“ไม่ต้องกลัวหรอก คุณน่ะตายแล้ว เป็นผีเหมือนกันนั่นแหละ”
“หา!!” ผมร้องขึ้นอีก พยายามตั้งสติเท่าที่ตัวเองทำได้ พยายามประมวลจากสิ่งที่เธอพูด แต่ว่าเหมือนหญิงสาวจะรู้ว่าผมยังสงสัยอยู่เลยพูดต่อว่า
“คุณน่ะเสียชีวิตในบ้านหลังนี้ ถ้าไม่เชื่อลองเอามือแตะที่หัวตัวเองดูสิ”
ผมรีบทำตามที่เธอบอก แต่พอมือของผมสัมผัสกับศีรษะของตัวเอง ของเหลวเหนียวหนืดสีแดงก็ติดมือขึ้นมา แน่นอนว่ามันคือ เลือดของผมเอง!!
ผมร้องขึ้นอีกครั้ง แต่ก็เข้าใจที่เธอพูดแล้ว ผมมีบาดแผลที่ศีรษะจริง ๆ
ผมตายแล้วสินะ
“คุณน่ะตายแล้ว” หญิงสาวพูดเรื่องเดิมอีกครั้ง “ตอนนี้คุณเป็นผีเหมือนเราแล้วนะ ยินดีด้วย”
เธอพูดพร้อมรอยยิ้มกันเลยทีเดียว
ผมยังยิ้มไม่ออกหรอก แต่ก็พอเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองล่ะ ผมตายไปแล้วนี่เอง แล้วเธอก็ตายแล้วเช่นกัน เราทั้งคู่เป็นวิญญาณแล้ว
หรือจะเรียกว่าเป็นผีก็คงได้
“เอ่อ ผมตายแล้วจริง ๆ เหรอ” ผมถามอีกครั้งเพื่อย้ำเตือนตัวเอง
เธอพยักหน้ารับ “ใช่สิ คุณน่ะตายไปแล้ว แรก ๆ อาจจะไม่ชินกับร่างนี้หรอกนะ แต่เดี๋ยวฉันจะสอนให้ คุณจะได้รู้ว่าโลกหลังความตายมันก็ดีเหมือนกัน”
“งั้นเหรอ” ผมรับคำ พยายามนึกจากประโยคที่เธอพูดขึ้นมา
จะว่าไปตอนนี้ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเลย อย่างมากก็ปวด ๆ แผลที่ศีรษะนิดหน่อยเท่านั้นเอง ถ้าเป็นผีอาจจะดีอย่างที่เธอบอกก็ได้
“แล้วต้องทำอย่างไรบ้าง” ผมเอ่ยถาม
“จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรมาก พอเราตายไปวิญญาณของเราก็มักจะสถิตอยู่ใกล้จุดที่เราตายเป็นหลักนั่นแหละ”
“อืม..” ผมคิดตาม “งั้นแสดงว่าเธอก็ตายที่นี่เหมือนกัน”
หญิงสาวเอียงคอเล็กน้อย ดูไปก็น่ารักเหมือนกันนะ เธอตอบว่า
“ใช่ ฉันตายที่นี่มานานล่ะ อยู่ที่นี่คนเดียวเหงามากมาย”
“แบบนั้นแสดงว่าต่อไปฉันจะอยู่กับเธอที่นี่ด้วยสินะ”
“ใช่แล้ว ฉันดีใจมากเลยที่คุณตายที่นี่ ในที่สุดฉันก็ไม่ต้องอยู่ทีนี่คนเดียวแล้ว มีคุณเป็นเพื่อนแล้ว”
ผมพยายามนึกตามที่เธอพูด เอาเข้าจริงมันก็แปลก ๆ อยู่เหมือนกันนะ แต่ว่าถ้าผมตายแล้วมาเป็นผีอยู่กับผีสาวสวยตรงหน้านี้มันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีใช่ไหม
“แต่ว่าเป็นผีแล้วทำอะไรได้บ้างล่ะ”
หญิงสาวยิ้ม “ทำแบบนี้ไง”
เธอพูดเสร็จก็เอามือผ่านทะลุกำแพงให้ดูเป็นตัวอย่าง
ผมพยายามทำตามบ้าง แต่ว่าเหมือนว่าผมยังทำไม่ได้ มือของผมยังติดกำแพงบ้านนี้อยู่เลย
“ทำไมผมทำไม่ได้ล่ะ”
หญิงสาวทำท่าคิด สักพักตอบขึ้นว่า
“อาจเพราะคุณเพิ่งตายได้ไม่นาน สภาพวิญญาณของตัวเองยังไม่เต็มที่”
“แล้วเมื่อไรฉันจะทำแบบนั้นได้บ้างล่ะ”
“ก็คงต้องฝึกกันล่ะมั้ง ตอนฉันเพิ่งตายใหม่ ๆ ฉันก็ทำไม่ได้เหมือนกันแหละ เอางี้เราไปฝึกกันเลยดีไหม?” ผีสาวเอ่ยถาม
“ก็ดี” ผมพยักหน้ารับ
ผีสาวก็เลยชวนผมที่เป็นผีฝึกหัดเดินออกไปจากบ้านหลังนี้ ไปยังถนนที่อยู่ข้างนอก หญิงสาวหันหน้าไปมาสักพัก เมื่อพบเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งกำลังเดินมาทางที่ตัวเองอยู่ จึงหันมาหาผมพร้อมบอกว่า
“เราจะทดสอบกัน เห็นเด็กคนนั้นไหม”
ผมเห็นอยู่แล้วแหละ เด็กคนนี้อายุไม่น่าจะเกินสิบสองขวบ เดินตรงมาทางที่ผมกับเธอยืนอยู่ แต่เท่าที่ผมสังเกต เหมือนเขาจะมองไม่เห็นเราทั้งคู่
“เราจะลองทะลุผ่านเด็กคนนั้นกัน”
“หือ.. ทำเลยเหรอ?”
“ใช่ ๆ เริ่มจากเด็กนี่แหละ ไม่ยากหรอก ตอนนี้คุณก็แค่ตั้งสมาธิตัวเองดี ๆ คิดว่าตัวเองตายไปแล้ว แล้วเดินสวนผ่านร่างของเด็กไป เดี๋ยวฉันจะทำให้ดูก่อนนะ”
พูดเสร็จเธอก็เดินตรงเข้าไปหาเด็กคนนั้น แล้วเดินผ่านทะลุร่างเด็กอย่างสบาย โดยที่เด็กคนนั้นไม่รู้ตัวเลย
“เป็นไง ประมาณนี้แหละ ลองทำดูสิ”
ผมนิ่งรับ ยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือเปล่า แต่ก็ทำตามโจทย์ที่ว่านั้น
ผมค่อย ๆ ก้าวเดินสวนไปยังร่างของเด็กน้อยที่กำลังเดินเข้ามา ตั้งสมาธิของตัวเองอย่างถึงที่สุด แล้วสิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจก็เกิดขึ้น
ร่างของผมค่อย ๆ ทะลุผ่านร่างของเด็กคนนั้น ผ่านไปด้านหลัง
ผมทำได้
“ได้แล้ว” ผมบอกกับเธอที่ยืนดู
“เห็นไหม ไม่ได้ยากอะไร” หญิงสาวยิ้มรับ “คราวนี้เรามาลองกับลุงคนนั้นดีไหม”
ผีสาวชี้มือไปยังลุงคนหนึ่งที่เดินอยู่อีกทาง ลุงคนนี้อายุน่าจะเกินหกสิบแล้ว ตัวผอมแห้ง ร่างกายบอบบางอย่างมาก
เหมือนเดิมหญิงสาวทำให้ดูอีกครั้ง ร่างของผีสาวผ่านร่างของชายแก่อย่างไม่มีปัญหาอะไร เธอกวักมือเรียกให้ผมลองทำบ้าง
ผมตั้งสติตั้งสมาธิอีกครั้ง เดินไปยังจุดที่ลุงกำลังเดินอยู่
ลุงเดินตรงมาเหมือนไม่เห็นผมตรงหน้าเช่นเดียวกับเด็กน้อยนั้น ผมค่อย ๆ ก้าวเดินสวนกับลุงอย่างใจเย็น
ร่างของผมค่อย ๆ ทะลุผ่านร่างของลุงนั้นอย่างช้า ๆ จนผ่านไปด้านหลัง
ผมทำได้อีกแล้ว
ผมชูมือแสดงความดีใจทันที ในที่สุดผมก็ใช้ความสามารถของร่างวิญญาณทะลุผ่านได้แล้ว
“เก่งมากเลย” ผีสาวบอกพร้อมตบมือให้ผม “ไม่คิดว่าคุณจะทำได้เร็วขนาดนี้นะเนี่ย”
“ขอบคุณเธอมาก ๆ เลย แบบนี้ผมก็ทะลุผ่านได้แล้วใช่ไหม”
“ใช่แล้ว คุณผ่านเกณฑ์การเป็นผีฝึกหัดแล้ว เรามาฉลองกันดีไหม”
“หือ? ยังไงล่ะ?”
“ก็นั่นไง เห็นรถบรรทุกที่วิ่งมาคันนั้นไหม เราไปให้รถวิ่งผ่านร่างเพื่อเป็นการฉลองกันเถอะ น่าสนุกดีนะ”
“เอาสิ ลุยเลย” ผมยิ้ม ตอบรับทันที
จากนั้นเราสองคนก็เลยรอให้รถบรรทุกแล่นเข้ามาใกล้ แล้วค่อยออกไปยืนกลางถนนให้รถบรรทุกทะลุผ่านร่าง
ครั้งนี้จะเป็นการทะลุผ่านครั้งใหญ่ของผม
เมื่อระยะได้แล้ว ผมกับเธอพุ่งตัวออกไปขวางหน้ารถบรรทุกคันนั้นทันที
ผมหันมองหน้าหญิงสาว รอยยิ้มของเธอฉีกกว้างขึ้นกว่าเดิมอีก ดูท่าเธอคงจะมีความสุขมากขึ้นเมื่อเห็นผมทำได้แบบเธอแล้ว
เสียงอะไรดังขึ้นมาตอนนี้ผมไม่สนใจล่ะ ผมตั้งสติให้รถบรรทุกผ่านร่างของตัวเองไป
รถบรรทุกแล่นเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ผ่านร่างของหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหน้ากว่าผมก่อน
จากนั้นมันก็....
พุ่งชนผม!!!
รถบรรทุกพุ่งชนผมอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดอย่างหนักครอบงำเข้าทุกอณูในตัวผม ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนร่างผมแหลกเป็นเสี่ยง
ซึ่งก่อนที่ผมจะสิ้นสติไป ผมเห็นคำตอบของความจริงทั้งหมดแล้ว
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลของหญิงสาวปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งไม่ใช่แค่ใบหน้าของเธอคนเดียว ใบหน้าของเด็กน้อยและลุงแก่ก็ปรากฏบาดแผลเช่นกัน
งั้นก็แสดงว่าทั้งหมดเป็นผี มิน่าร่างถึงทะลุผ่านได้
แต่ผมไม่ใช่ผี ผมยังไม่ตาย!!
ทั้งหมดมันเป็นแผนของผีสาวตนนั้นแน่ ๆ เธอร่วมมือกับเพื่อนผีเด็กและผีลุงแก่ แกล้งหลอกให้ผมเชื่อว่าตัวเองเป็นผีเหมือนกับพวกเธอ แล้วให้ผมตายจริง ๆ โดยโดนรถชนตายแบบนี้
ซึ่งเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนจะสิ้นชีวิตไป เป็นคำพูดของผีสาวที่หลอกผม เธอพูดขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะเล็ก ๆ ว่า
“คิคิ.. เป็นไงบ้างล่ะ โดนผีหลอก”
.............................................จบ