วันนี้ พี่หมีได้มีโอกาศได้รับเชิญให้ไป review ร้านอาหาร แนวตะวันตก ที่ Laselle’s Avenue  ร้านอาหารที่เราจะไป review กันวันนี้ ชื่อ ร้าน Orca Baker & Butcher   วันที่ได้รับหมายเชิญมีอาการมึน ๆ เล็กน้อย เพราะ ดันไปหาชื่อร้านใน กูเกิล ไปโผ่ล โน่นเลยครับ รามคำแหง (แอบไกลนะ) เดชะบุญที่เหลือบเห็น คำว่า Lasalle’s Avenue  อ้าว ลาซาล นิ แถวที่ทำงานเก่า
การเดินทาง สำหรับ หมีสายขนส่งมวลชน ถือว่าไปค่อนข้างสะดวกนะครับ  ใช้ BTS ลง สถานนี แบริ่ง  แล้วเดินไป ทาง ถนนสุขุมวิท107 จากปากซอย ประมาณ 3.5 กิโลเมตร แต่หมีแนะนำว่า อย่าเดินแบบหมี นะ เหนื่อยพอดู  ปากซอยมี พี่วิน สนนราคาที่ 40บาท หรือ จะเรียก แท็กซี่ ก็ได้ นะราคาไม่แพงมาก

ร้าน Orca Baker & Butcher  แต่งร้านแนวโปร่งๆ สว่างๆ นั่งสบาย ๆ  โต๊ที่หมีนั่งอยู่ริมหน้าต่างพอดี เก้าอี้แอบเตี้ยไปนิด สำหรับคนสูง 180 แบบหมี  

เมนูแรกของวันนี้ คือ Bread Basket  เป็นขนมปังบาแกต (Baguette) ที่เนื้อไม่เหมือน บาร์แกต ทั่วๆ ไป เนื้อใน จะ มีโพรงอากาศขนาดใหญ่ เนื้อเหนียว เป็น ลักษณะของ ขนมปังที่มี ส่วนผสมของน้ำค่อนข้างสูง เปลือกนอก กรอบ เนื้อในเหนียวนิ่ม

นำมาอบร้อน ๆ กับเนยกระเทียม เสริฟคู่กับ อาติโชคสับผสมมะเขือเทศ  หรือใครจะทานแบบ เบสิก น้ำมันมะกอก ผสมกับ น้ำส้มบัลซามิคก็ได้  

ตรงนี้ ลำพังแค่ขนมปังก็อร่อยพอตัวแล้ว ในฐานะที่หมีเป็นคนทำขนมปังทานเองที่บ้านต้องบอกว่า ขนมปังที่นี่ อร่อย ใช้ได้เลย หอมกรุ่น กรอบนอก นุ่มใน  ซอสจิ้มที่เป็น อาติโชคสับผสมมะเขือเทศ ให้ ความรู้สึกเหมือน ซอสของอิตาเลียน มาก ตรงนี้ อาจไม่ถูกปากคนไทยเท่าไหร่


จานต่อมา  Prawn & Avocado  เป็น สลัดที่ ใช้ กุ้ง ขนาดกำลังพอทาน มาย่าง ให้ สุก เสริฟพร้อมกับ อโวคาโด ย่าง  และ ผักรวมหลายชนิด ราดด้วย น้ำสลัดผสมเม็ดมัสตาร์ด  

เมนูนี้ มีครบรส เปรี้ยว เค็มหวาน ทานเพลินมาก ผักสดกรอบ ทานคู่กับกุ้ง และ อโวคาโด ที่ ย่าง ให้กลิ่นหอม ๆ น้ำสลัด ที่ใช้ เม็ดมัสตาร์ดบุพอแตก เป็นตัวประสานให้ จานนี้ มีความกระชับมากขึ้น  หมีแนะนำว่า อย่าเพิ่งทานหมด ถ้า มีแผนจะสั่งเนื้อ ให้ เผื่อไว้ทานกับเนื้อ ก็ ยิ่ง อร่อย เลยหละ

เมนูต่อมาคือ Burrata Picante    พิซซ่าหน้าไส้กรอก เชอริโซ (Chorizo) ที่มี กิมมิก อยู่ที่  ชีส  Burrata   ชีส Burrata เป็นชีสสด จาก อิตาลี ใช้ ทำจากนมควาย  ญาติห่าง ๆ ของ มันคือ Mozzarella นั้นหละ  ข้อแตกต่างคือ Burrata นั้น  นิ่มและ เหลวกว่า มอสซาเรล่า ญาติ ของมันอยู่พอตัว  

พิซซ่าของที่นี่ เป็น พิซซ่าแบบบาง เหมือน ที่ เมเปิล อิตาลี  และที่สำคัญ ที่ร้านมีเตาอบพิซซ่า แบบ โดม ที่ทำความร้อน สูงมาก ทำให้ แป้งบาง ๆ ของ พิซซ่า สุกเร็ว และ กรอบนอก แต่ ข้างใน ยังนุ่มอยู่  

จานนี้ เชฟ เพิ่มความพิเศษ ให้ ด้วยการ โรย เห็ดทรัฟเฟิลดำ เพิ่มความหอม ให้กับพิซซ่าจานนี้ แต่ หมีกลับ ไม่ชอบแฮะ คือ มันโดน ไส้กรอกเผ็ด และ ชีส กลบกลิ่น เห็ดหมดเลย  ถ้าให้ดี น่าจะ เหยาะ น้ำมันทรัฟเฟิล มากกว่า น่าจะได้ กลิ่นที่ชัดกว่านี้  

ยังอยู่กับอาหารอิตาเลียน  Spaghetti Chitarra Seafood  เป็น เส้นที่มีเอกลักษณ์มาก เพราะปรกติ เส้น พาสต้า จะเป็นเส้นไม่กลม ก็ แบน แต่ เส้น Chitarra เป็น เส้น เหลี่ยม ถ้าจำไม่ผิด วิธืโบราณที่ทำ คือ รีดแป้งผ่านเครื่อง Chitarrra  ที่มีเส้นลวด ขึงตึง  เส้นเหลี่ยม ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ นี้ ผัดกับ อาหารทะเลสด ๆ โอลีฟ และ ผลเคเปอร์

จานนี้มีจุดเด่นคือหอมทะเลมาก ทานไปคำแรก ฮือ ทะเลมาเต็มๆ  หอม รสชาต ดี มี โอลีฟ และ เคเปอร์ ช่วยตัดให้จานนี้กลมกล่อม   โดยส่วนตัว จานนี้ ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ นะ ไม่ใช่ว่า ไม่อร่อย แค่ หมีไม่ชอบทาน ซอสทะเล แบบนี้

จานต่อมา เป็นปลาหิมะราดด้วยซอสกุ้ง ท๊อฟด้วยฟองนม  จานนี้ดูเรียบง่าย แต่ มีความซับซ้อน ใน การทำนิดหน่อย ตรงที่ นำปลาหิมะ มา ทอดบนกะทะ ให้หนังกรอบ แล้ว กลับด้านเอา ซอสมิโสะ หวานเค็ม ทา บน หนังกรอบ ๆ  แต่ที่ หมีชอบ ในจานนี้ คือ น้ำซอสกุ้ง ที่ ขอกบอกว่า อร่อย มาก รสชาตกุ้งมาเต็ม ๆ ตอนทานยังแอบคิดถึง Lobster Bisque เลยครับ

จานนี้มีความลงตัว มาก ๆ เนื้อปลาหิมะสด เนื้อแน่น ขาวผ่อง รสอ่อน ทานกับ น้ำซอสกุ้งเข้มข้น เบรคด้วย ซอสมิโสะหวาน ที่ หนังปลา จานนี้บอกเลยว่า อร่อยมาก

มาเข้า อาหารหลักของที่นี่ละ ชื่อร้านก็บอกแล้วว่า เป็น ร้านขายเนื้อ มาถึงถิ่นไม่ทานเนื้อได้ไง จัดซิครับ ลักษณะของที่นี่จะคล้าย ๆ กับ You Hunt We cook ที่ให้เราเลือกหยิบ เนื้อ ได้ตามชอบใจ แล้ว นำไปให้ เชฟ นำไปทำอาหาร ซึ่งเราสามารถเลือก ซอสได้หนึ่งอย่าง คู่กับ Side dish อีก หนึ่งอย่าง  โดยมีค่าบริการ อยู่ที่จานละ 150 บาท.  

เนือที่หมีทานวันนี้เป็น เนื้อเกรด US PRIME เสียด้วย (ใน 100ชิ้นจะ มีเกรด US PRIME แค่  2ชิ้นเท่านั้น) เนื้อดีแบบนี้ หมีแนะนำ ให้ย่างอย่าเกิน Medium นะครับ ไม่งั้น มันจะ ไม่อร่อยเลยหละ   เชฟเสริมมา 3 ชิ้น มีทั้ง Tenderloin , Ribeye , Striploin  ย่าง Medium rare กับ Rare ในบางชิ้น  พี่หมีเลือก Side dish 3อย่างประกอบด้วย  ผักขมอบชีส  เห็ดผัด และ กราแตง  จะบอกว่า Tenderloin ที่นี่ นิ่ม มาก ใช้ ช้อนหั่นได้เลย นะ นุ่มอร่อย หอม เนื้อมาก ส่วน Ribeye  กับ Striploin นั้น เราย่างกัน ไม่เกิน Medium rare เพื่อ ความอร่อย ที่ขีดสุด   ต้องบอกก่อนว่า พี่หมีเป็นนักทานเนื้อ แต่ กลับไม่ชอบเนื้อที่วากิว A5  ดันชอบเนื้อ ที่ มีความเป็นเนื้อมากกว่า

เนื้อร้านนี้ ตอนมาเสริฟใหม่ๆ กลิ่นเนื้อหอมมาก มันกำลังพอดีเลยไม่เยอะเกินไป ทานคู่กับสลัดกุ้งจานที่สอง นี่ สวรรค์ชัด ๆ เข้ากันดี ความเปรี้ยวของสลัด มา ช่วยเบรค ความมันของเนื้อได้เป็นอย่างดี ทานเพลินกันเลยทีเดียว

มาถึงของหวาน หมีสั่งสองอย่าง เป็น วาฟเฟิลช๊อคโกแลต ไส้ มาสคาโปเน ชีส  กับ Panna Cotta เสริฟพร้อมกับ เชอร์เบต เบอร์รี่ แสนอร่อย

วาฟเฟิลช๊อคโกแลต ทำจาก Dark Chocolate  ซึ่ง มีความขม และ เปรี้ยวนิด ๆ จากโกโก้แท้ ๆ ทานพร้อมกับ มาสคาโปเน่ ที่มีความหวานเบา ๆ และล้างปากด้วย ผลไม้เบอรรี่ที่ เสริมพร้อมกัน ได้ เป็นอย่างดี  แต่ที่สุดของหมี สำหรับขนมหวานคือ จานนี้ครับ Panna Cotta ทานกับ เชอร์เบต

นี่ฟินมาก เหมือนกับ เชอร์เบตเปรี้ยวๆ ทำให้ ลิ้นที่เจออาหารหนักหน่วง มาตลอด 6จาน ได้ พักผ่อน ฟังเพลงชิว ๆ เย็นๆ  ทานพร้อมกับ Panna cotta ที่ นุ่มลื่น  ทำให้ มื้อนี้จบลงแบบสวยงามจริงๆ

ก่อนกลับ หมีอยากได้ กาแฟ สักแก้ว เลย สั่ง Espresso ทาน

ตบท้ายก่อนเดินทางกลับบ้าน  เนื่องจากทานมาเยอะ เลยเดินเล่น ๆ จาก Lasalle’s Avenue ไป ถึง BTS แบริ่ง เลย คิดว่า ได้ออกกำลังการ นิดนึงก็ยังดี ^^

บทสรุป :