นักวิเคราะห์เซียนงบการเงินหลายสำนัก ฟังธงว่าจะล้มละลาย ยังไงก็ไปไม่รอดงบการเงินแบบนี้ ขาดทุนสะสม ชาตินี้ไม่มีทางได้กำไร
นี่คือความผิดพลาดของการอิงงบการเงินมากเกินไป โดนไม่ได้ให้ความสำคัญกับพื้นฐานแนวโน้ม ในด้านอื่นๆ
ก็อย่างที่ทุกคนรู้กันว่า tesla มีปัญหาเรื่องการผลิตรถไม่ทันส่งมอบ ไม่ใช่ว่าสินค้าถึงจุดอิ่มตัว การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าก็ยังอยู่ในช่วงต้นเทรน
เมื่อเค้าแก้ปัญหาได้ งบการเงินในอนาคตย่อมแตกต่างจากอดีตอยู่แล้ว แล้วทำไมถึงยังผืนเอาเงินการเงินอดีตไปตีโจทย์อนาคตของบริษัท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://www.billionaireth.com/tesla-find-profit-in-2-years/?fbclid=IwAR1k2FSB1WuJb_tfVjesdjyjRdGONcTHR5Sbe4m09wSiwjGN4VM7M4F5C0s
Tesla พลิกกลับมา “ทำกำไร” ได้เป็นครั้งแรก ในรอบ 2 ปี
วันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้นของบริษัท Tesla ทะยานขึ้น 13%
มูลค่าของบริษัทขยับจาก 1.4 ล้านล้านบาท เป็น 1.65 ล้านล้านบาท
เป็นการเพิ่มขึ้น 250,000 ล้านบาทในวันเดียว!!
แม้ว่าจะเจอปัญหาต่างๆ ทั้งของบริษัทและเรื่องส่วนตัว รุมเร้ามาทั้งปี
แต่ในที่สุด Elon Musk สามารถทำสิ่งที่เขาพูดเอาไว้ได้
นั่นคือ “การทำให้ Tesla” กลับมามีกำไรได้จริงๆ
Elon Musk ในวันเปิดตัว Model 3
Tesla ทำกำไรได้ในไตรมาสสามของปีนี้ 10,000 ล้านบาท
ซึ่งถือว่าดีขึ้นมาก เมื่อเทียบกับไตรมาสสามของปี 2017 ซึ่งบริษัทขาดทุน 20,000 ล้านบาท
และยิ่งย้อนไปก็ยิ่งกับว่า บริษัทขาดทุนมาตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ Elon เคยให้ความมั่นใจกับนักลงทุนว่า
ถ้า Tesla Model 3 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ได้ทยอยส่งมอบล่ะก็ บริษัทจะพลิกกลับมาทำกำไรได้แน่
ยอดขายของ Tesla Model 3 มากแค่ไหน??
ตามรายงานจากสื่อต่างๆ จะพบว่ามียอดการส่งมอบ Model 3 ดังนี้
ในเดือนพฤษภาคม ส่งมอบ 6,000 คัน
เดือนมิถุนายน ส่งมอบ 6,000 คัน
เดือนกรกฎาคม ส่งมอบ 14,250 คัน
เดือนสิงหาคม ส่งมอบ 17,800 คัน
เดือนกันยายน ส่งมอบ 22,250 คัน
ถ้าคิดเฉพาะไตรมาสสาม (กรกฎาคม-กันยายน) ก็จะพบว่ามียอดส่งมอบถึง 54,300 คัน
จากราคาเฉลี่ยของ Model 3 ซึ่งอยู่ที่ 1,460,000 บาท
เท่ากับว่าบริษัท Tesla สามารถทำเงินจากยอดขายรถรุ่นนี้รุ่นเดียว ได้สูงถึง 79,000 ล้านบาท!!
ยอดขายรถยนต์ในเดือนสิงหาคมของสหรัฐอเมริกา
แม้ Tesla จะไม่ได้ขายดีสุด แต่เนื่องจากราคาสูง ทำให้ได้เม็ดเงินมากที่สุด!!
แผนงานต่อจากนี้ของ Tesla??
แม้การส่งมอบรถรุ่นใหม่จะทำให้บริษัทกลับมามีกำไรได้อีกครั้ง
แต่เป้าหมายของ Elon กลับเป็นการพยายามทำให้ราคาของรถลดลงมาอีก
โดยตั้งเป้าว่า Model 3 รุ่นประหยัดจะอยู่ที่ประมาณ 1,100,000 บาท
ซึ่งนั่นจะเป็นการทำให้กำไรต่อหน่วยของบริษัทลดลง
แต่อีกแง่หนึ่ง จะเป็นการทำให้รถยนต์เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในระดับแมสมากยิ่งขึ้น
นั่นทำให้พวกเขาต้องเร่งการผลิตขึ้นไปอีก!!
ปัจจุบัน บริษัทสามารถผลิตรถ Model 3 ได้สัปดาห์ละ 4,300 คัน
ยังไม่ถึงเป้า 5,000 คันที่ตั้งเอาไว้ด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากความจริงที่ว่า รถรุ่นใหม่นี้ยังมีขายเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
เพียงแค่ 2 ประเทศ ก็ทำให้บริษัทผลิตได้ไม่ทันความต้องการของลูกค้าแล้ว
หากเปิดขายทั่วโลกเหมือนกับรุ่นอื่นเมื่อไร ก็ยิ่งจะมียอดสั่งซื้อเข้ามามากขึ้นแน่ๆ
นั่นทำให้ Elon เร่งแผนงานที่จะเปิดโรงงาน Tesla ให้สามารถดำเนินการได้เร็วกว่าเดิมไปอีก
(ตอนนี้ระบุเพียงว่าปี 2019 แต่ไม่บอกว่าเริ่มได้ตอนไหนในปีหน้า)
เขาตั้งเป้าว่าโรงงานในจีนนั้น จะสามารถผลิตได้ถึงปีละ 500,000 คัน
รวมกับโรงงานในสหรัฐอเมริกา ที่ผลิตได้อยู่แล้วปีละ 250,000 คัน
จะส่งผลให้ยอดผลิตรวมทั้งปี 750,000 คัน
แล้วถ้าสามารถส่งมอบได้ทั้งหมด ก็จะมียอดขายรวมเกินกว่า 1 ล้านล้านบาทอีกด้วย!!
โรงงานในอเมริกา ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของทั้งโลกได้แน่ๆ
เพราะฉะนั้น การจะไปถึงเป้าหมายตรงนั้นได้…
สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือทำให้โรงงานเดิมที่มี ผลิตรถยนต์ได้ตามเป้า
ส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้ตามกำหนด
และสร้างกำไรให้กับบริษัทอย่างสม่ำเสมอ
นั่นจะทำให้ราคาหุ้นของบริษัทกลับมาสู่ขาขึ้น นั่นจะทำให้มูลค่ากิจการพุ่งสูงอีกครั้ง
ส่วน Elon Musk ในฐานะผู้บริหารเอง ก็ต้องพยายามกอบกู้ภาพลักษณ์ที่ดีของตัวเองกลับคืนมา
หลังจากที่หลายๆ เหตุการณ์ในรอบปี ส่งผลเสียต่อตัวเขารวมถึงบริษัทเองไม่น้อย
เพราะเราปฏิเสธไม่ได้ว่า การออกสื่อบ่อยๆ และทำให้ตัวเองโดดเด่นขึ้นมา
ทำให้ตัวของ Elon Musk กลายเป็นตัวแทนของ Tesla ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การกระทำส่วนตัว แม้จะไม่เกี่ยวกับบริษัท แต่ย่อมถูกโยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลายครั้งที่ผ่านมา คำพูดหรือการกระทำบางอย่าง ถูกมองว่า “ไม่ค่อยเหมาะสม” ในสายตาของนักธุรกิจและคนทั่วไป
แต่สำหรับครั้งนี้ ที่เขาบอกเอาไว้อย่างแน่นหนักว่า…
“Tesla จะมีกำไรได้ในไตรมาส 3”
และบริษัทก็ทำกำไรได้จริงๆ
นี่ก็เป็นสิ่งที่กอบกู้ “ภาพลักษณ์” และ “ความน่าเชื่อถือ” ของเขากลับมาได้อย่างมากเช่นเดียวกัน…
Tesla กลับมาพลิกกำไร ได้เป็นครั้งแรก ในรอบ 2 ปี
นี่คือความผิดพลาดของการอิงงบการเงินมากเกินไป โดนไม่ได้ให้ความสำคัญกับพื้นฐานแนวโน้ม ในด้านอื่นๆ
ก็อย่างที่ทุกคนรู้กันว่า tesla มีปัญหาเรื่องการผลิตรถไม่ทันส่งมอบ ไม่ใช่ว่าสินค้าถึงจุดอิ่มตัว การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าก็ยังอยู่ในช่วงต้นเทรน
เมื่อเค้าแก้ปัญหาได้ งบการเงินในอนาคตย่อมแตกต่างจากอดีตอยู่แล้ว แล้วทำไมถึงยังผืนเอาเงินการเงินอดีตไปตีโจทย์อนาคตของบริษัท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้