สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า BYD บริษัทจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริดรายใหญ่ที่สุดของโลก รายงานปริมาณขายรถยนต์ได้ประมาณ 3.02 ล้านคันในปี 2566 เพิ่มขึ้น 61.9% โดยเป็นการขายรถอีวีได้ประมาณ 1.6 ล้านคัน และ ปลั๊กอินไฮบริดประมาณ 1.4 ล้านคัน โดย BYD ระบุว่า ยอดขายรถทั้งสองประเภทในเดือนธันวาคมอยู่ที่ 340,178 คัน นอกจากนี้ BYD ยังได้ประกาศแผนการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศฮังการีด้วย
.
ขณะที่ Business Insider รายงานว่า เฉพาะไตรมาส 4 (3 เดือนสุดท้ายของปี 2566) มีรายงานว่า ยอดขายไตรมาสสุดท้ายของปี BYD แซงหน้า Tesla โดยอ้างอิงจากตัวเลขส่งมอบรถของ Tesla ที่ระบุว่าจะส่งมอบรถ 476,000 คัน ส่วน BYD ระบุยอดขายไตรมาสสุดท้าย 526,409 คัน
.
ทำให้นี่เป็นครั้งแรกที่ BYD แซงหน้า Tesla ในการส่งมอบรถรายไตรมาส โดยมีการประเมินว่าชัยชนะของ BYD จะส่งสัญญาณถึงอนาคตต่อไปของ BYD ที่จะมีการเทคโอเวอร์กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าของจีน และพยายามจะเข้าไปขยายตลาดในสหรัฐอเมริกาให้ได้ หลังจากก่อนนี้ BYD จำหน่ายรถยนต์ส่วนใหญ่ในประเทศจีน
.
Business Insider ระบุด้วยว่า Tesla สูญเสียสถานะการควบคุมตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามาเกือบตลอดปีที่ผ่านมา เพราะมีคู่แข่งมาในตลาดมากขึ้น ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น จะเห็นได้ว่า Tesla ต้องลดราคาหลายครั้งในสหรัฐอเมริกาและจีน ส่งผลให้กำไรของ Tesla ลดลง
.
https://www.reuters.com/business/autos-transportation/chinese-ev-giant-byd-posts-62-jump-2023-vehicle-sales-2024-01-01/
https://www.businessinsider.com/tesla-q4-sales-less-than-china-byd-2024-1
BYD สรุปยอดขาย EV + Plug in hybrid ปี 66 ทั่วโลก ขายได้ 3.02 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 61.9% ไตรมาสสุดท้าย ยอด BYD แซงหน้า Tesla
.
ขณะที่ Business Insider รายงานว่า เฉพาะไตรมาส 4 (3 เดือนสุดท้ายของปี 2566) มีรายงานว่า ยอดขายไตรมาสสุดท้ายของปี BYD แซงหน้า Tesla โดยอ้างอิงจากตัวเลขส่งมอบรถของ Tesla ที่ระบุว่าจะส่งมอบรถ 476,000 คัน ส่วน BYD ระบุยอดขายไตรมาสสุดท้าย 526,409 คัน
.
ทำให้นี่เป็นครั้งแรกที่ BYD แซงหน้า Tesla ในการส่งมอบรถรายไตรมาส โดยมีการประเมินว่าชัยชนะของ BYD จะส่งสัญญาณถึงอนาคตต่อไปของ BYD ที่จะมีการเทคโอเวอร์กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าของจีน และพยายามจะเข้าไปขยายตลาดในสหรัฐอเมริกาให้ได้ หลังจากก่อนนี้ BYD จำหน่ายรถยนต์ส่วนใหญ่ในประเทศจีน
.
Business Insider ระบุด้วยว่า Tesla สูญเสียสถานะการควบคุมตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามาเกือบตลอดปีที่ผ่านมา เพราะมีคู่แข่งมาในตลาดมากขึ้น ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น จะเห็นได้ว่า Tesla ต้องลดราคาหลายครั้งในสหรัฐอเมริกาและจีน ส่งผลให้กำไรของ Tesla ลดลง
.
https://www.reuters.com/business/autos-transportation/chinese-ev-giant-byd-posts-62-jump-2023-vehicle-sales-2024-01-01/
https://www.businessinsider.com/tesla-q4-sales-less-than-china-byd-2024-1