You been up too much lately?!
ในที่สุดเราก็กลับมาเจอกันกับ Part 4 สักที เอาใจคอแกรมมาร์หน่อย เดี๋ยวจะอ่อนไหวต่อข้อสอบเกินไป
ไม่พูดพร่ำทำเพลง มาบรรเลงกันเลยดีกว่า!
Let's roll!
_______________
1.
Recommended ควรคู่กับ adverb ตัวไหน: You should read this book. It's been _______ recommended.
คำตอบที่ชอบทำให้เราสับสนคือ
Truly,
Deeply และ
fully
ซึ่งพอมาแปลความหมายดูแล้ว มันก็ดูเข้าท่าทุกอันเลย
Truly recommended = คนแนะนำเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่าหนังสือเล่มนี้ดีแน่นอน และเราควรไปอ่าน
Deeply recommended = มีคนซาบซึ้งในหนังสือเล่มนี้และแนะนำต่อ ๆ กันมา
Fully recommended = มีคนแนะนำเยอะแยะมากมาย
แล้วเราต้องตอบข้อไหนดีเนี่ย??
คำตอบคือไม่ใช่ทั้งหมดที่กล่าวมาเลย (อ้าว สรุปแล้วผมเป็นคนหลอก!)
คำตอบที่ถูกต้องคือ '
Highly recommended' ครับ แปลว่า 'มีคนแนะนำต่อ ๆ กันมาอย่างมากมาย'
If something (or someone) is highly recommended, it means that it is very, very good that you should try it.
_______________
2.
Been to หรือ Been in: He has never been _______ England.
หลายคนยังสับสนอยู่ว่า 'เคยไปเที่ยว' ต้องใช้ Been in หรือ Been to
เพราะมันดูเหมือนจะใช้ได้ทั้งคู่
จำไว้เลย Been to มันแปลว่า 'ไปเที่ยว'
ดังนั้นในประโยคแบบนี้เราควรใช้ Been to!
He's
never been to Thailand.
Have you
ever been to Spain?
แปลว่า เคยไป หรือ ไปเที่ยว
ส่วน Been in แปลว่า 'อยู่' จะใช้ในประโยคแบบนี้
I've
been in Thailand
for 10 years.
How long have you
been in Paris? I've
been in Paris
for six months.
แปลว่า อยู่มาแล้วเป็นเวลาเท่านั้นเท่านี้
_______________
3.
Set down หรือ set อะไรดี: We should get home before the rain _______. (set down/on/off/in)
เจอข้อนี้ง่ายเลย คำตอบต้องเป็น 'Fall' หรือ 'Drop' แน่ ๆ
ปรากฎว่าในชอยส์มีให้เลือกเพียง
Sets on,
sets off,
sets down และ
sets in (เติม s เพราะประธานเป็น The rain (= it))
แล้วเราจะ set อะไรดีละเนี่ย?!
คำตอบที่น่าจะ make sense ที่สุดควรจะเป็น Set down ใช่มั้ย (Before the rain
sets down = ก่อนที่ฝนจะ
ตกลงมา)
แต่ไม่ใช่เลย คำตอบที่ถูกต้องคือ
Sets in ที่แปลว่า 'begin and seem likely to continue' (เริ่มต้นขึ้นและดำเนินต่อไป คือการที่ฝนเริ่มตกและหนักขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง ต้องรีบกลับบ้านแล้ว!)
We should be heading home before the rain
sets in.
If the rain
sets in, we won't be able to get home.
Let's hurry up before the rain
sets in!
ส่วน
Set down แปลว่า เขียน, จด, ร่างแบบแผน (to write down, to state how something should be done)
Set on (หรือ set upon) แปลว่า โจมตีอย่างรุนแรง (to attack someone/something violently)
และ
Set off แปลว่า ออกเดินทาง (to start a journey)
_______________
4.
Don't be หรือ Not to be: The teacher told the boy _______ so cheeky.
Cheeky แปลว่า
เจ้าเล่ห์หรือกวนโอ้ย (จะมีความหมายในทาง positive หรือ negative ก็แล้วแต่ผู้พูด บางทีก็เป็นแค่การแซว บางทีก็แอบว่านิด ๆ)
ในประโยคนี้
คุณครูพูดกับเด็ก แสดงว่าเป็นความหมาย negative (บอกเจ้าเด็กน้อยว่าอย่าเจ้าเล่ห์หรือกวนประสาทครูให้มากนัก!)
หลายคนโดนกับดัก ไปตอบว่า 'don't be'
The teacher told the boy
don't be so cheeky.
ซึ่งก็ฟังดูเข้าท่า 'อย่าทำตัวซ่าให้มาก'
แต่ the boy มันเป็นกรรมของกริยา told แล้ว มันจะมีกริยาอีกไม่ได้ (กริยาในที่นี้คือ Do ที่อยู่ใน Don't (do not))
มันผิดหลักแกรมมาร์
คนที่จะมีกริยาได้ต้องเป็นประธานเท่านั้น!
ดังนั้นประโยคที่ถูกต้องคือ The teacher told the boy
not to be so cheeky.
เราเรียกส่วนที่มาต่อท้ายนี้ว่า
ส่วนขยาย หรือ
complement นั่นเอง (อย่าไปสับสนกับ
Compliment ที่แปลว่า คำชม!)
_______________
5.
Will หรือ Be going to: Sorry, I can't go to the movies tonight. I _______ meet some friends. (will/am going to)
เหมือนจะง่าย แต่มันยากตรงที่ว่าในข้อสอบมีชอยส์ให้เลือกคือ Will และ Am going to
ซึ่งมันก็แปลว่า 'จะ' ทั้งคู่ แล้วจะตอบอะไรดีเนี่ย!
ใครที่แม่นเรื่อง Future simple tense น่าจะรู้ความแตกต่างของ Will และ Be going to แล้ว
ง่าย ๆ เลยคือ Be going to มันแสดงความมั่นใจมากกว่า ('จะ'ทำแน่นอน 100 เปอร์เซนต์)
ส่วน Will มักจะแปลว่า 'เดี๋ยว' (เดี๋ยว'จะ'ทำ)
ดังนั้น พอดูบริบทที่ข้อสอบให้มา (คือประโยค I can't go to the movies tonight)
เราก็จะเห็นว่าคนนี้เขามั่นใจแล้วว่าจะไม่ไปดูหนังแน่นอน แต่จะไปหาเพื่อนแทน
ชอยส์ที่ถูกต้องจึงเป็น Be going to (ซึ่งในประโยคนี้คือ
Am going to เพราะประธานเป็น I)
I can't go to the movies tonight. I'
m going to meet some friends.
He called me to confirm that he'
s going to meet us at the office.
The sky is getting dark now. It'
s going to rain for sure!
เห็นความมั่นใจในประโยคพวกนี้ไหม นั่นแหละเราจึงใช้ Be going to แทนที่จะใช้ will เฉย ๆ
_______________
6.
Less หรือ Fewer: You should spend _______ time on the computer.
Less หรือ Fewer แปลว่า
น้อยลง ทั้งคู่
จะเลือกใช้คำไหนให้ดูว่าคำนามที่ตามหลังเป็น
นามนับได้ (countable noun) หรือ
นามนับไม่ได้ (uncountable)
ในข้อนี้คือ Time
แล้ว Time นับได้หรือนับไม่ได้ล่ะเนี่ย? เป็นอีกหนึ่งคำที่คนเถียงกันบ่อย ๆ
Time เป็นคำนามนับไม่ได้นะ (แม้เราจะนับเวลาได้ก็เถอะ)
เพราะถ้ามันเป็นคำนามนับได้มันจะแปลว่า 'ครั้ง' และต้องมีจำนวนครั้งระบุไว้ด้วย (เช่น
two times,
many times)
ดังนั้นข้อนี้ควรตอบ '
less' เพราะเราหมายถึง 'เวลา' ไม่ใช่ 'ครั้ง'
You should spend
less time on the computer. (คุณควรใช้เวลาหน้าคอมให้มัน
น้อยลงหน่อย)
_______________
7.
Restore order หรือ harmony: The soldiers are trying to restore _______ in the area. (order/harmony/discipline)
มีสองคำตอบที่ทำให้สับสนคือ Order, Harmony และ Discipline
Order แปลว่า ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
Harmony แปลว่า ความปรองดอง
Discipline แปลว่า ระเบียบวินัย
มันก็เหมือนจะตอบได้ทั้งสาม จริงไหม?
Restore order = ทำให้เกิดความสงบอีกครั้ง
Restore harmony = ทำให้เกิดความปรองดองอีกครั้ง
Restore discipline = ทำให้เกิดความเป็นระเบียบอีกครั้ง
สำนวนที่ถูกต้องคือ '
Restore order' ครับ แปลแบบไทย ๆ ได้ว่า 'เข้ารักษาความสงบ' (เหมือนที่เรากำลังโดนนี่แหละ)
ประโยคตัวอย่างอื่น ๆ เช่น
Finally,
order has been
restored. (ในที่สุดเหตุการณ์ก็
สงบลง)
The school had to call the police to
restore order. (โรงเรียนต้องโทรแจ้งตำรวจเพื่อให้เข้ามา
ควบคุมสถานการณ์)
ส่วน Restore harmony ใช้เวลาที่โกรธกันแล้วกลับมาดีกัน
และ Restore discipline ใช้ในห้องเรียนเวลาที่เด็กวิ่งเล่นซุกซนแล้วคุณครูตะโกนขึ้นมาสุดเสียง 'ทุกคนกลับไปนั่งที่เดี๋ยวนี้!'
______________
8.
Adjectives as nouns ควรเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์: The French _______ a lot of cheese. (eat/eats)
มีชอยส์ให้เลือกคือ eat และ eats
อืมมมม น่าคิดนะ The French ในที่นี้หมายถึงชาวฝรั่งเศส (French เป็น adjective ที่ใช้เป็นคำนาม)
ชาวฝรั่งเศสมีหลายคน แต่เราก็รวมเป็นเชื้อชาติเดียวได้ถูกไหม
ไม่ถูก!! หลายคนก็คือหลายคน มันจึงต้องเป็นพหูพจน์ เราจึงควรตอบ eat ไปเลย ไม่ต้องเติม s ให้มัน
The French
eat a lot of cheese.
The English
are very proud of their history.
Sometimes the rich
take advantage of the poor.
ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็มีแบบเอกพจน์ด้วยนะ เช่นคำว่า The deceased (ผู้เสียชีวิต), The injured (ผู้ได้รับบาดเจ็บ), The accused (ผู้ที่ถูกกล่าวหา)
คำพวกนี้จะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์มันอยู่ที่ผู้พูด เวลาเจอในข้อสอบให้ดูที่บริบทเอาว่ามีกี่คน และเลือกใส่กริยาให้ถูกต้อง
______________
9. ประโยคที่ตาม I wish ควรเป็น tense ไหน: I wish I _______ more time. (have/had)
จะตอบว่า 'I wish I
have more time' (Present simple)
หรือ 'I wish I
had more time' ดี (Past simple)
ก็ในเมื่อมันขึ้นต้นด้วย I wish ... แปลว่าเรากำลังขอหรือภาวนาอะไรสักอย่าง
ประโยคสมมุติหรือประโยคขอภาวนาอะไรพวกนี้ต้องเป็น past ให้หมดเลย
ดังนั้นที่ถูกต้องจึงเป็น I wish I
had more time.
I wish we
met more often. (ไม่ใช่ meet)
I wish you
spoke more politely. (ไม่ใช่ speak)
I wish you
studied more! (ไม่ใช่ study)
_______________
10.
Forget to do หรือ Forget doing: I'll never forget _______ you. (to love/loving)
'ฉันจะไม่มีวันลืมว่าเคยรักเธอ' ควรพูดเป็นภาษาอังกฤษแบบไหนดี
ง่าย ๆ เลยนะ ถ้าเรา
ไม่ลืมว่า 'เคยทำอะไร' ให้ใช้แบบ -ing (จะมาเป็นประโยค will never
forget doing)
แต่ถ้าเรา
ไม่ลืมว่า 'จะต้องทำอะไร' ให้ใช้แบบ to (จะมาเป็นประโยค don't
forget to do)
ดังนั้นคำตอบจึงต้องเป็น 'I'll never forget
loving you' (อ้ายสิบ่ลืมดอกว่าเคยฮักเจ้าป่านใด๋)
ตัวอย่างเพิ่มเติม
I'll never forget buying my first guitar. (ฉันไม่ลืมวันที่ซื้อกีตาร์ตัวแรก)
Don't forget to buy the guitar. (อย่าลืมซื้อกีตาร์ล่ะ)
I'll never forget reading this book. (ฉันจะไม่ลืมเลยว่าเคยอ่านหนังสือเล่มนี้ (ซาบซึ้งกับมันมาก ๆ
Highly recommended เลย ฮ่า ๆ))
Don't forget to read the book. (อย่าลืมอ่านหนังสือนะเว้ย เดี๋ยวสอบตกเอา)
_______________
จบกันไป มีภูมิต้านทานต่อข้อสอบเพิ่มขึ้นมาอีกนิดละ ใครอ่านจบในวันเดียวได้ถือว่าสุดยอดมาก!
ที่เหลือก็กลับไปทบทวน ไปสอนเพื่อนต่อก็ได้ เราจะได้จำได้มากขึ้น
เจอกันพาร์ท 5 (
https://ppantip.com/topic/38727515)
'ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างในวันนี้ รู้มากกว่าเมื่อวานนี้ก็พอ'
รู้ภาษาอังกฤษมากขึ้นทุกวันที่:
www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan (Page:
พ่อผมเป็นคนอังกฤษ)
Stay knowledge-hungry
JGC.
Read also:
- Part 1:
https://ppantip.com/topic/36603080
- Part 2:
https://ppantip.com/topic/36616643
- Part 3:
https://ppantip.com/topic/36685252
สอบยังไงให้ได้เต็ม! รวมแกรมมาร์ที่เจอบ่อยในข้อสอบ (TOEIC, GAT, CU-TEP etc.) (Part 4)
ในที่สุดเราก็กลับมาเจอกันกับ Part 4 สักที เอาใจคอแกรมมาร์หน่อย เดี๋ยวจะอ่อนไหวต่อข้อสอบเกินไป
ไม่พูดพร่ำทำเพลง มาบรรเลงกันเลยดีกว่า!
Let's roll!
_______________
1. Recommended ควรคู่กับ adverb ตัวไหน: You should read this book. It's been _______ recommended.
คำตอบที่ชอบทำให้เราสับสนคือ Truly, Deeply และ fully
ซึ่งพอมาแปลความหมายดูแล้ว มันก็ดูเข้าท่าทุกอันเลย
Truly recommended = คนแนะนำเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่าหนังสือเล่มนี้ดีแน่นอน และเราควรไปอ่าน
Deeply recommended = มีคนซาบซึ้งในหนังสือเล่มนี้และแนะนำต่อ ๆ กันมา
Fully recommended = มีคนแนะนำเยอะแยะมากมาย
แล้วเราต้องตอบข้อไหนดีเนี่ย??
คำตอบคือไม่ใช่ทั้งหมดที่กล่าวมาเลย (อ้าว สรุปแล้วผมเป็นคนหลอก!)
คำตอบที่ถูกต้องคือ 'Highly recommended' ครับ แปลว่า 'มีคนแนะนำต่อ ๆ กันมาอย่างมากมาย'
If something (or someone) is highly recommended, it means that it is very, very good that you should try it.
_______________
2. Been to หรือ Been in: He has never been _______ England.
หลายคนยังสับสนอยู่ว่า 'เคยไปเที่ยว' ต้องใช้ Been in หรือ Been to
เพราะมันดูเหมือนจะใช้ได้ทั้งคู่
จำไว้เลย Been to มันแปลว่า 'ไปเที่ยว'
ดังนั้นในประโยคแบบนี้เราควรใช้ Been to!
He's never been to Thailand.
Have you ever been to Spain?
แปลว่า เคยไป หรือ ไปเที่ยว
ส่วน Been in แปลว่า 'อยู่' จะใช้ในประโยคแบบนี้
I've been in Thailand for 10 years.
How long have you been in Paris? I've been in Paris for six months.
แปลว่า อยู่มาแล้วเป็นเวลาเท่านั้นเท่านี้
_______________
3. Set down หรือ set อะไรดี: We should get home before the rain _______. (set down/on/off/in)
เจอข้อนี้ง่ายเลย คำตอบต้องเป็น 'Fall' หรือ 'Drop' แน่ ๆ
ปรากฎว่าในชอยส์มีให้เลือกเพียง Sets on, sets off, sets down และ sets in (เติม s เพราะประธานเป็น The rain (= it))
แล้วเราจะ set อะไรดีละเนี่ย?!
คำตอบที่น่าจะ make sense ที่สุดควรจะเป็น Set down ใช่มั้ย (Before the rain sets down = ก่อนที่ฝนจะตกลงมา)
แต่ไม่ใช่เลย คำตอบที่ถูกต้องคือ Sets in ที่แปลว่า 'begin and seem likely to continue' (เริ่มต้นขึ้นและดำเนินต่อไป คือการที่ฝนเริ่มตกและหนักขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง ต้องรีบกลับบ้านแล้ว!)
We should be heading home before the rain sets in.
If the rain sets in, we won't be able to get home.
Let's hurry up before the rain sets in!
ส่วน Set down แปลว่า เขียน, จด, ร่างแบบแผน (to write down, to state how something should be done)
Set on (หรือ set upon) แปลว่า โจมตีอย่างรุนแรง (to attack someone/something violently)
และ Set off แปลว่า ออกเดินทาง (to start a journey)
_______________
4. Don't be หรือ Not to be: The teacher told the boy _______ so cheeky.
Cheeky แปลว่า เจ้าเล่ห์หรือกวนโอ้ย (จะมีความหมายในทาง positive หรือ negative ก็แล้วแต่ผู้พูด บางทีก็เป็นแค่การแซว บางทีก็แอบว่านิด ๆ)
ในประโยคนี้คุณครูพูดกับเด็ก แสดงว่าเป็นความหมาย negative (บอกเจ้าเด็กน้อยว่าอย่าเจ้าเล่ห์หรือกวนประสาทครูให้มากนัก!)
หลายคนโดนกับดัก ไปตอบว่า 'don't be'
The teacher told the boy don't be so cheeky.
ซึ่งก็ฟังดูเข้าท่า 'อย่าทำตัวซ่าให้มาก'
แต่ the boy มันเป็นกรรมของกริยา told แล้ว มันจะมีกริยาอีกไม่ได้ (กริยาในที่นี้คือ Do ที่อยู่ใน Don't (do not))
มันผิดหลักแกรมมาร์ คนที่จะมีกริยาได้ต้องเป็นประธานเท่านั้น!
ดังนั้นประโยคที่ถูกต้องคือ The teacher told the boy not to be so cheeky.
เราเรียกส่วนที่มาต่อท้ายนี้ว่า ส่วนขยาย หรือ complement นั่นเอง (อย่าไปสับสนกับ Compliment ที่แปลว่า คำชม!)
_______________
5. Will หรือ Be going to: Sorry, I can't go to the movies tonight. I _______ meet some friends. (will/am going to)
เหมือนจะง่าย แต่มันยากตรงที่ว่าในข้อสอบมีชอยส์ให้เลือกคือ Will และ Am going to
ซึ่งมันก็แปลว่า 'จะ' ทั้งคู่ แล้วจะตอบอะไรดีเนี่ย!
ใครที่แม่นเรื่อง Future simple tense น่าจะรู้ความแตกต่างของ Will และ Be going to แล้ว
ง่าย ๆ เลยคือ Be going to มันแสดงความมั่นใจมากกว่า ('จะ'ทำแน่นอน 100 เปอร์เซนต์)
ส่วน Will มักจะแปลว่า 'เดี๋ยว' (เดี๋ยว'จะ'ทำ)
ดังนั้น พอดูบริบทที่ข้อสอบให้มา (คือประโยค I can't go to the movies tonight)
เราก็จะเห็นว่าคนนี้เขามั่นใจแล้วว่าจะไม่ไปดูหนังแน่นอน แต่จะไปหาเพื่อนแทน
ชอยส์ที่ถูกต้องจึงเป็น Be going to (ซึ่งในประโยคนี้คือ Am going to เพราะประธานเป็น I)
I can't go to the movies tonight. I'm going to meet some friends.
He called me to confirm that he's going to meet us at the office.
The sky is getting dark now. It's going to rain for sure!
เห็นความมั่นใจในประโยคพวกนี้ไหม นั่นแหละเราจึงใช้ Be going to แทนที่จะใช้ will เฉย ๆ
_______________
6. Less หรือ Fewer: You should spend _______ time on the computer.
Less หรือ Fewer แปลว่า น้อยลง ทั้งคู่
จะเลือกใช้คำไหนให้ดูว่าคำนามที่ตามหลังเป็น นามนับได้ (countable noun) หรือ นามนับไม่ได้ (uncountable)
ในข้อนี้คือ Time
แล้ว Time นับได้หรือนับไม่ได้ล่ะเนี่ย? เป็นอีกหนึ่งคำที่คนเถียงกันบ่อย ๆ
Time เป็นคำนามนับไม่ได้นะ (แม้เราจะนับเวลาได้ก็เถอะ)
เพราะถ้ามันเป็นคำนามนับได้มันจะแปลว่า 'ครั้ง' และต้องมีจำนวนครั้งระบุไว้ด้วย (เช่น two times, many times)
ดังนั้นข้อนี้ควรตอบ 'less' เพราะเราหมายถึง 'เวลา' ไม่ใช่ 'ครั้ง'
You should spend less time on the computer. (คุณควรใช้เวลาหน้าคอมให้มันน้อยลงหน่อย)
_______________
7. Restore order หรือ harmony: The soldiers are trying to restore _______ in the area. (order/harmony/discipline)
มีสองคำตอบที่ทำให้สับสนคือ Order, Harmony และ Discipline
Order แปลว่า ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
Harmony แปลว่า ความปรองดอง
Discipline แปลว่า ระเบียบวินัย
มันก็เหมือนจะตอบได้ทั้งสาม จริงไหม?
Restore order = ทำให้เกิดความสงบอีกครั้ง
Restore harmony = ทำให้เกิดความปรองดองอีกครั้ง
Restore discipline = ทำให้เกิดความเป็นระเบียบอีกครั้ง
สำนวนที่ถูกต้องคือ 'Restore order' ครับ แปลแบบไทย ๆ ได้ว่า 'เข้ารักษาความสงบ' (เหมือนที่เรากำลังโดนนี่แหละ)
ประโยคตัวอย่างอื่น ๆ เช่น
Finally, order has been restored. (ในที่สุดเหตุการณ์ก็สงบลง)
The school had to call the police to restore order. (โรงเรียนต้องโทรแจ้งตำรวจเพื่อให้เข้ามาควบคุมสถานการณ์)
ส่วน Restore harmony ใช้เวลาที่โกรธกันแล้วกลับมาดีกัน
และ Restore discipline ใช้ในห้องเรียนเวลาที่เด็กวิ่งเล่นซุกซนแล้วคุณครูตะโกนขึ้นมาสุดเสียง 'ทุกคนกลับไปนั่งที่เดี๋ยวนี้!'
______________
8. Adjectives as nouns ควรเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์: The French _______ a lot of cheese. (eat/eats)
มีชอยส์ให้เลือกคือ eat และ eats
อืมมมม น่าคิดนะ The French ในที่นี้หมายถึงชาวฝรั่งเศส (French เป็น adjective ที่ใช้เป็นคำนาม)
ชาวฝรั่งเศสมีหลายคน แต่เราก็รวมเป็นเชื้อชาติเดียวได้ถูกไหม
ไม่ถูก!! หลายคนก็คือหลายคน มันจึงต้องเป็นพหูพจน์ เราจึงควรตอบ eat ไปเลย ไม่ต้องเติม s ให้มัน
The French eat a lot of cheese.
The English are very proud of their history.
Sometimes the rich take advantage of the poor.
ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็มีแบบเอกพจน์ด้วยนะ เช่นคำว่า The deceased (ผู้เสียชีวิต), The injured (ผู้ได้รับบาดเจ็บ), The accused (ผู้ที่ถูกกล่าวหา)
คำพวกนี้จะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์มันอยู่ที่ผู้พูด เวลาเจอในข้อสอบให้ดูที่บริบทเอาว่ามีกี่คน และเลือกใส่กริยาให้ถูกต้อง
______________
9. ประโยคที่ตาม I wish ควรเป็น tense ไหน: I wish I _______ more time. (have/had)
จะตอบว่า 'I wish I have more time' (Present simple)
หรือ 'I wish I had more time' ดี (Past simple)
ก็ในเมื่อมันขึ้นต้นด้วย I wish ... แปลว่าเรากำลังขอหรือภาวนาอะไรสักอย่าง
ประโยคสมมุติหรือประโยคขอภาวนาอะไรพวกนี้ต้องเป็น past ให้หมดเลย
ดังนั้นที่ถูกต้องจึงเป็น I wish I had more time.
I wish we met more often. (ไม่ใช่ meet)
I wish you spoke more politely. (ไม่ใช่ speak)
I wish you studied more! (ไม่ใช่ study)
_______________
10. Forget to do หรือ Forget doing: I'll never forget _______ you. (to love/loving)
'ฉันจะไม่มีวันลืมว่าเคยรักเธอ' ควรพูดเป็นภาษาอังกฤษแบบไหนดี
ง่าย ๆ เลยนะ ถ้าเราไม่ลืมว่า 'เคยทำอะไร' ให้ใช้แบบ -ing (จะมาเป็นประโยค will never forget doing)
แต่ถ้าเราไม่ลืมว่า 'จะต้องทำอะไร' ให้ใช้แบบ to (จะมาเป็นประโยค don't forget to do)
ดังนั้นคำตอบจึงต้องเป็น 'I'll never forget loving you' (อ้ายสิบ่ลืมดอกว่าเคยฮักเจ้าป่านใด๋)
ตัวอย่างเพิ่มเติม
I'll never forget buying my first guitar. (ฉันไม่ลืมวันที่ซื้อกีตาร์ตัวแรก)
Don't forget to buy the guitar. (อย่าลืมซื้อกีตาร์ล่ะ)
I'll never forget reading this book. (ฉันจะไม่ลืมเลยว่าเคยอ่านหนังสือเล่มนี้ (ซาบซึ้งกับมันมาก ๆ Highly recommended เลย ฮ่า ๆ))
Don't forget to read the book. (อย่าลืมอ่านหนังสือนะเว้ย เดี๋ยวสอบตกเอา)
_______________
จบกันไป มีภูมิต้านทานต่อข้อสอบเพิ่มขึ้นมาอีกนิดละ ใครอ่านจบในวันเดียวได้ถือว่าสุดยอดมาก!
ที่เหลือก็กลับไปทบทวน ไปสอนเพื่อนต่อก็ได้ เราจะได้จำได้มากขึ้น
เจอกันพาร์ท 5 (https://ppantip.com/topic/38727515)
'ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างในวันนี้ รู้มากกว่าเมื่อวานนี้ก็พอ'
รู้ภาษาอังกฤษมากขึ้นทุกวันที่: www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan (Page: พ่อผมเป็นคนอังกฤษ)
Stay knowledge-hungry
JGC.
Read also:
- Part 1: https://ppantip.com/topic/36603080
- Part 2: https://ppantip.com/topic/36616643
- Part 3: https://ppantip.com/topic/36685252