What’s been down!?
ห่างหายไปนานนน วันนี้หลังจากที่ผมเพิ่งไปสอบมาหมาด ๆ เลยอยากจะรวบรวมเอาแกรมมาร์ที่เจอบ่อยสุด ๆ ในข้อสอบมาสรุปให้เพื่อน ๆ ย่อยง่าย ๆ ก่อนไปสอบกัน บอกได้ว่าเจอแทบทุกข้อสอบทั้ง Gat, CU-TEP, Toeic, Toefl และอีกมากมาย ที่อยากทำเพราะสงสารคนที่ต้องเสียเงินสอบหลาย ๆ รอบแล้วไม่ผ่านสักที หวังว่ากระทู้นี้จะช่วยประหยัดเงินค่าสอบไปได้ไม่มากก็น้อยนะ
ส่วนตัวผมชอบเรียกแกรมมาร์พวกนี้ว่า ‘มุก’ นะ เพราะมันเหมือนเป็นมุกของคนออกข้อสอบเขายังไงไม่รู้ มุกบางมุกก็เล่น (เล่น = เอามาออกสอบ) บ้อยบ่อยย บางมุกก็นาน ๆ เล่นที กระทู้ผมจะรวบรวมทั้งมุกที่เล่นบ่อยและนาน ๆ ทีว่าไว้ให้หมดเลยครับ และก็เหมือนเดิม เอาแบบเข้าใจง่าย ๆ กันเลยย (แต่ไม่สัญญานะว่าทุกคนจะเข้าใจมันได้ง่าย ๆ)
ไม่เรียงตามตัวอักษรหรืออะไรทั้งสิ้นนะ นึกได้ก็เขียนต่อกันไปเรื่อย ๆ
1.
Question tag
Question tag คือประโยคคำถาม (แบบย่อ ๆ) ที่ต่อท้ายประโยคบอกเล่า
เช่น It’s a good day,
isn’t it? วันนี้อากาศดีเนาะ ว่ามั้ย?
พอเจอข้อสอบเกี่ยวกับ question tag ให้จำง่าย ๆ ว่า
ส่วนคำถามที่พ่วงท้ายจะตรงข้ามกับตัวประโยคบอกเล่า
หรือพูดง่ายๆ คือ ถ้าประโยคบอกเล่าเป็น
negative (มี don’t, didn’t, isn’t etc.) ส่วนคำถามที่พ่วงท้ายจะเป็น
positive
แต่ถ้าประโยคบอกเล่าเป็น positive ส่วนคำถามที่พ่วงท้ายก็เป็น negative นั่นเองครับ
เช่น
He
doesn’t know how to swing a sword,
does he? ไอ้หมอนี้ไม่รู้วิชาเพลงดาบเลยใช่มั้ยนี่? (ประโยคข้างเป็น doesn’t คำถามพ่วงหลังเลยเป็น does)
Joffrey
is handsome,
isn’t he? กษัตริย์จ็อฟฟรี่นี่หล่อเหลาเอาการเลยเนาะ ว่ามั้ย
You
haven’t finished your homework,
have you? ไม่ทำการบ้านมาใช่มั้ย แบมือมา! (ในส่วน แบมือมา นั่นมาจากความทรงจำอันโหดร้ายในวัยเด็กล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับประโยคตัวอย่างแต่อย่างใดครับ 5555)
มุก question tag นี้มาบ่อยเหมือนกัน ส่วนมากมักจะอยู่ในข้อสอบแบบ Choice
เช่น It’s a good day, _____?
A. doesn’t it
B. is it
C. wasn’t it
D. isn’t it
ก็ให้เลือกตอบข้อ D นะ
2.
Past simple หรือ Present perfect
สองเทนส์นี้ค่อนข้างมีความหมายใกล้เคียงกัน คือ ‘
ทำเสร็จแล้ว’ แต่ต่างกันตรงที่ ถ้าในประโยค
มีการบอกเวลา (มี time expression เช่น 2 minutes ago, yesterday อะไรพวกนี้) จะใช้
past simple แต่ถ้า
ไม่มีการบอกเวลา (ส่วนมากจะเป็นคำว่า just, already) ให้ใช้
present perfect ครับ
ลองเปรียบเทียบ
I
called John
ten minutes ago. (บอกเวลาเจาะจงว่า 10 นาทีที่แล้ว)
I
have just called John. (ไม่ได้บอกเวลา บอกแค่ว่าเพิ่งโทรหามาเมื่อกี้)
I
went to Westeros
yesterday. (บอกเวลาเจาะจงว่าเมื่อวาน)
I
have been to Winterfell
so many times. (ไม่ได้บอกว่าตอนไหน แค่บอกว่าไปมาหลายครั้งแล้ว)
ลองทำแบบฝึกหัดดู ให้เลือกระหว่าง past simple กับ present perfect
A) Jon Snow _____ a new sword last year.
A) has bought
B) bought
B) Arya ______ dinner for Walder Frey.
A) has already prepared
B) already prepared
C) James ______ your ring in the garden yesterday.
A) has found
B) found
D) He _______ home.
A) has just come
B) just came
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้B, A, B, A
3.
Advice หรือ Advise / Good หรือ Well
Advice เป็นคำนาม (นับไม่ได้) เช่น Lord Varys always gave Tyrion some good
advice.
สังเกตว่าผมใช้คำว่า some good advice ไม่ใช่ a good advice นะครับ เพราะ advice เป็นนามนับไม่ได้ (uncountable noun) จึงไม่สามารถใช้กับ article (a/an) ได้
แต่ถ้าจะใช้ให้บอกว่า
a piece of advice ครับ เช่น Can I give you
a piece of advice? อย่าหาว่าสอนเลยนะ แต่ขอแนะนำหน่อยได้มั้ย
ส่วน advise นั่นเป็นกริยา (verb) นะ เวลาใช้ก็ง่าย ๆ
เช่น I
advised him
to apologise to her. ฉันแนะนำให้เขาไปขอโทษแฟนเขาซะ (สังเกตว่า advise to do something นะครับ มี to ด้วย)
แต่ส่วนมากเราจะเจอคำว่า
advise against มากกว่าครับ แปลได้ว่า
ไม่แนะนำให้ทำ หรือ
แนะนำให้เลิก
เช่น The doctor
advised him against
smoking. คุณหมอแนะนำให้เขาเลือกเผาปอดได้แล้ว
(สังเกตว่าจะมี him มาคั่นระหว่าง advise และ against และหลัง against จะตามด้วย v-ing)
ส่วน good กับ well ก็ง่าย ๆ ครับคือ
well เป็น adverb good เป็น adjective
เราพูดว่า He is good แต่เราไม่พูดว่า He sings
good ต้องบอกว่า He sings
well นะครับ
She can speak English very
good. ผิดครับ ต้องบอกว่า She can speak English very
well. นะครับ
ปล. แต่ในภาษาพูดเราไม่ต้องคิดมากนะครับ ใช้ good ก็ไม่ได้ผิดร้ายแรงอะไร
4.
Little / a little หรือ Few / a few
A little และ a few แปลว่า จำนวนน้อย
แต่ถ้าเอา a ออกจะแปลว่า น้อยมากกก (น้อยจนแทบจะไม่มี)
Little / a little ใช้กับ
นามนับไม่ได้ (นามนับไม่ได้จะเป็นเอกพจน์ (singular) เสมอ)
เช่น They have
a little money to spend. พวกเขาแทบไม่เหลือเงินใช้แล้ว
You gave me
little choice. เธอแทบไม่เหลือทางเลือกให้ฉันเลย
ส่วน few / a few ก็ตรงข้ามกัน คือใช้กับ
นามนับได้ที่เป็นพหูพจน์ (plural) พูดง่าย ๆ คือคำนามนั้นต้องเติม s นั่นแหละครับ
เช่น I will take a few days. มันใช้เวลาแค่ไม่กี่วัน
Few people know who he really is. มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ว่าเขาเป็นใคร
5.
Collective noun
Collective noun คือ คำนามที่ใช้แสดงความหมายเป็น
กลุ่มก้อน หรือเป็น
หมู่คณะ ฟังแล้วอาจงง ๆ
เช่นคำว่า Family, team หรือ government อะไรพวกนี้ครับ คือมันหมายถึงกลุ่มคนหลายคนก็จริง แต่มันเป็นคำนามเอกพจน์นะ ดังนั้นเวลาใช้ verb ก็ต้องเลือก verb ให้เข้ากับมัน
ผู้ออกข้อสอบมักจะใช้มุกนี้
Our team ____ the best.
A) are
B) is
เห็นคำว่า our แปลว่าของพวกเรา แต่อย่าเพิ่งรีบตอบ are นะ
จริงอยู่ที่ส่วนมากคำนามที่ตามหลัง our จะชอบเป็นพหูพจน์ เช่น Our cars have been stolen. รถพวกเราถูกขโมยไป
แต่ในข้อนี้คำนามที่ตามหลัง our คือ team ซึ่งเป็น collective noun ในทีมอาจมีหลายคนก็จริง แต่ยังไงเป็นแค่ทีมเดียว ดังนั้นให้เลือกตอบ is ครับ
6.
Than me หรือ Than I
ถ้าเราจะบอกว่า นายวิ่งเร็วกว่าฉัน เรามักจะพูดว่า You run faster than
me. ใช่มั้ยครับ
แต่เรายังสามารถพูดได้อีกแบบคือ You run faster than
I do.
ซึ่งในข้อสอบส่วนมากจะชอบให้ตอบแบบที่สองมากกว่าครับ เพราะมันถูกหลักแกรมมาร์ที่แท้จริง (แต่ในชีวิตจริงเขาจะใช้แบบแรกกันซะมากกว่านะครับ)
ตัวอย่างแบบเพิ่ม
She is prettier than me. หรือ She is prettier than I am.
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องคำนึงเรื่องพวกนี้ด้วย
ถ้าเราเปรียบเทียบ กรรม ของประโยคจะต้องเป็นแบบแรกตลอดนะ
เช่น I love you more than
him. ฉันรักเธอมากกว่าฉันรักเขา (เปรียบเทียบ you กับ him)
แต่ถ้าบอกว่า I love you more than
he does. จะแปลว่า ฉันรักเธอมากกว่าเขารักเธอ (เปรียบเทียบประธาน I กับ He)
ยังไงก็ดูดี ๆ ว่าโจทย์เขาเปรียบเทียบอะไร
ลองทำแบบฝึกหัดดูครับ
A) I think you know more than _____.
A) me
B) I do
B) He said he loved Jennifer more than ____.
A) me
B) I did
ข้อแรกเปรียบเทียบการ know เลยตอบ I do (He knows more than I know เขารู้มากกว่าที่ฉันรู้)
ข้อสอบเปรียบเทียบกรรมเลยตอบ me (He loves Jennifer more than me เขารักเจนนิเฟอร์มากกว่าฉัน (มันย่อมาจากประโยค He loves Jennifer more than he loves me.))
7.
Comparative: easier หรือ more easier
ถ้าเจอแบบนี้จำง่าย ๆ เลย
ถ้ามี more ไม่มี –er
เช่น It’s
easier to work with you. (ไม่ใช่ It’s
more easier to work with you.)
ส่วน more จะใช้กับ adjective ที่มี 2 พยางค์ขึ้นไป (ยกเว้น adjective สองพยางค์ที่ลงท้ายด้วย –y (easy, busy) อันนั้นให้ทำแบบข้างบน)
เช่น Joffrey is
more handsome than any guy I know. จอฟฟรี่เป็นหนุ่มที่หล่อที่สุดตั้งแต่ที่ฉันเคยเจอมา
Living in this country is
much more interesting. การอยู่ในเมืองนี้นั้นมีเรื่องน่าสนใจเยอะเยอะเลย
สังเกตว่าเราสามารถเติม much เข้าไปข้างหน้า adjective ที่มี –er หรือ more ได้นะครับ
เช่น It’s
much better to live alone.
She’s
much more beautiful than her mother.
โจทย์จะชอบหลอกเราโดยการเอา more มาใส่กับ –er เช่น
I’m
more happier than yesterday แบบนี้ถือว่าผิดนะครับ เพราะมีทั้ง more ทั้ง –er เลย
ในเราดูที่ adjective ดี ๆ ว่าควรใช้ more หรือเติม –er ในประโยคนี้คือ happy ดังนั้นให้ตัด y แล้วเติม –er นั่นเองครับ
ดังนั้นควรบอกว่า I’m happier than yesterday. หรือจะบอกว่า I’m much happier than yesterday. ก็ได้ครับ
ลองทำแบบฝึกหัดดู
1) A bicycle is _____ than a motorbike.
A) more cheaper
B) cheaper
2) A bike is _______ than a car in the traffic.
A) convenienter
B) more convenient
3) Gold is ________ than silver.
A) much expensive
B) more expensive
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คำตอบ B, B, B
8.
การใช้ In, on, at กับ time
จำง่าย ๆ ว่า
at แคบสุด ใช้กับ
เวลาแบบเฉพาะเจาะจงเช่น at 10 am. , at night, at sunrise
On กว้างขึ้นมาหน่อย ใช้กับ
วันและวันที่ เช่น on Monday, on June 4th
ส่วน
in กว้างสุดใช้กับ
ปี เดือน และช่วงเวลา เช่น In 2009, in August, in the past
9.
–ing หรือ –ed: interesting หรือ interested
จำง่าย ๆ ว่า –ed จะใช้กับความรู้สึก เลยมักจะใช้กับคน
เช่น I’m bored. I’m interested in this book. I’m scared of the dark. I’m excited.
ส่วน –ing จะใช้บอกคุณลักษณะ เลยใช้กับสิ่งของ
This book is interesting. This topic is boring. The dark is scaring. The movie was exciting.
ถ้าอยากรู้แบบลึกซึ้งเรื่องนี้ให้ไปอ่านกระทู้นี้เลย
https://ppantip.com/topic/35554889
10.
Whose หรือ who’s
Whose มักจะตามด้วยคำนามเสมอ เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของ เช่น Whose car is this? นี่รถใครเนี่ย
He is a good man whose weakness is he can’t accept defeat. เขาเป็นคนดีที่มีจุดอ่อนอย่างเดียวคือไม่สามารถยอมรับความผ่ายแพ้ได้
ส่วน who’s ย่อมาจาก who is นะครับ ออกเสียงเหมือนกันแต่คนละความหมาย
การใช้ Whose แบบคร่าว ๆ
Whose ใช้เป็นคำถาม (ถามว่าของใคร)
Whose pen is this? นี่คือปากกาของใคร
Whose house is that? นั่นคือบ้านของใคร
Whose kid is running? ลูกของใครกำลังวิ่งอยู่
Whose car is parking over there? รถของใครจอดอยู่ตรงนั้น
นอกจากนี้เรายังใช้ Whose เป็นคำเชื่อมประโยคได้ด้วย (ที่___ของ___)
I know the man whose father is a sniper. ฉันรู้จักผู้ชายที่พ่อของเขาเป็นมือปืน
That is the girl whose car is stolen. นั่นคือผู้หญิงที่บ้านของเธอโดนขโมย
I don’t know whose book is on the shelf. ผมไม่รู้ว่าหนังสือของใครอยู่บนชั้นวาง
หลายคนอาจจะแม่นเรื่องพวกนี้แล้ว ส่วนใครยังไม่แม่นก็ทบทวนบ่อย ๆ ละกัน ที่สำคัญคืออย่าลืมไปหาอ่านเพิ่มเติมด้วย
แล้วเจอกัน Part 2 (ไม่รู้มีกี่พาร์ทนะ แต่จะทำออกมาเรื่อย ๆ ละกัน)
ไม่จำเป็นต้องรู้หมดทุกอย่างในวันนี้ รู้มากกว่าเมื่อวานนี้ก็พอ
รู้ภาษาอังกฤษมากขึ้นทุกวันที่:
www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan/ (Page:
พ่อผมเป็นคนอังกฤษ)
Stay tuned.
JGC
สอบยังไงให้ได้เต็ม! รวมแกรมมาร์ที่เจอบ่อยในข้อสอบ (TOEIC, GAT, CU-TEP etc.) (Part 1)
ห่างหายไปนานนน วันนี้หลังจากที่ผมเพิ่งไปสอบมาหมาด ๆ เลยอยากจะรวบรวมเอาแกรมมาร์ที่เจอบ่อยสุด ๆ ในข้อสอบมาสรุปให้เพื่อน ๆ ย่อยง่าย ๆ ก่อนไปสอบกัน บอกได้ว่าเจอแทบทุกข้อสอบทั้ง Gat, CU-TEP, Toeic, Toefl และอีกมากมาย ที่อยากทำเพราะสงสารคนที่ต้องเสียเงินสอบหลาย ๆ รอบแล้วไม่ผ่านสักที หวังว่ากระทู้นี้จะช่วยประหยัดเงินค่าสอบไปได้ไม่มากก็น้อยนะ
ส่วนตัวผมชอบเรียกแกรมมาร์พวกนี้ว่า ‘มุก’ นะ เพราะมันเหมือนเป็นมุกของคนออกข้อสอบเขายังไงไม่รู้ มุกบางมุกก็เล่น (เล่น = เอามาออกสอบ) บ้อยบ่อยย บางมุกก็นาน ๆ เล่นที กระทู้ผมจะรวบรวมทั้งมุกที่เล่นบ่อยและนาน ๆ ทีว่าไว้ให้หมดเลยครับ และก็เหมือนเดิม เอาแบบเข้าใจง่าย ๆ กันเลยย (แต่ไม่สัญญานะว่าทุกคนจะเข้าใจมันได้ง่าย ๆ)
ไม่เรียงตามตัวอักษรหรืออะไรทั้งสิ้นนะ นึกได้ก็เขียนต่อกันไปเรื่อย ๆ
1. Question tag
Question tag คือประโยคคำถาม (แบบย่อ ๆ) ที่ต่อท้ายประโยคบอกเล่า
เช่น It’s a good day, isn’t it? วันนี้อากาศดีเนาะ ว่ามั้ย?
พอเจอข้อสอบเกี่ยวกับ question tag ให้จำง่าย ๆ ว่า ส่วนคำถามที่พ่วงท้ายจะตรงข้ามกับตัวประโยคบอกเล่า
หรือพูดง่ายๆ คือ ถ้าประโยคบอกเล่าเป็น negative (มี don’t, didn’t, isn’t etc.) ส่วนคำถามที่พ่วงท้ายจะเป็น positive
แต่ถ้าประโยคบอกเล่าเป็น positive ส่วนคำถามที่พ่วงท้ายก็เป็น negative นั่นเองครับ
เช่น
He doesn’t know how to swing a sword, does he? ไอ้หมอนี้ไม่รู้วิชาเพลงดาบเลยใช่มั้ยนี่? (ประโยคข้างเป็น doesn’t คำถามพ่วงหลังเลยเป็น does)
Joffrey is handsome, isn’t he? กษัตริย์จ็อฟฟรี่นี่หล่อเหลาเอาการเลยเนาะ ว่ามั้ย
You haven’t finished your homework, have you? ไม่ทำการบ้านมาใช่มั้ย แบมือมา! (ในส่วน แบมือมา นั่นมาจากความทรงจำอันโหดร้ายในวัยเด็กล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับประโยคตัวอย่างแต่อย่างใดครับ 5555)
มุก question tag นี้มาบ่อยเหมือนกัน ส่วนมากมักจะอยู่ในข้อสอบแบบ Choice
เช่น It’s a good day, _____?
A. doesn’t it
B. is it
C. wasn’t it
D. isn’t it
ก็ให้เลือกตอบข้อ D นะ
2. Past simple หรือ Present perfect
สองเทนส์นี้ค่อนข้างมีความหมายใกล้เคียงกัน คือ ‘ทำเสร็จแล้ว’ แต่ต่างกันตรงที่ ถ้าในประโยคมีการบอกเวลา (มี time expression เช่น 2 minutes ago, yesterday อะไรพวกนี้) จะใช้ past simple แต่ถ้าไม่มีการบอกเวลา (ส่วนมากจะเป็นคำว่า just, already) ให้ใช้ present perfect ครับ
ลองเปรียบเทียบ
I called John ten minutes ago. (บอกเวลาเจาะจงว่า 10 นาทีที่แล้ว)
I have just called John. (ไม่ได้บอกเวลา บอกแค่ว่าเพิ่งโทรหามาเมื่อกี้)
I went to Westeros yesterday. (บอกเวลาเจาะจงว่าเมื่อวาน)
I have been to Winterfell so many times. (ไม่ได้บอกว่าตอนไหน แค่บอกว่าไปมาหลายครั้งแล้ว)
ลองทำแบบฝึกหัดดู ให้เลือกระหว่าง past simple กับ present perfect
A) Jon Snow _____ a new sword last year.
A) has bought
B) bought
B) Arya ______ dinner for Walder Frey.
A) has already prepared
B) already prepared
C) James ______ your ring in the garden yesterday.
A) has found
B) found
D) He _______ home.
A) has just come
B) just came
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3. Advice หรือ Advise / Good หรือ Well
Advice เป็นคำนาม (นับไม่ได้) เช่น Lord Varys always gave Tyrion some good advice.
สังเกตว่าผมใช้คำว่า some good advice ไม่ใช่ a good advice นะครับ เพราะ advice เป็นนามนับไม่ได้ (uncountable noun) จึงไม่สามารถใช้กับ article (a/an) ได้
แต่ถ้าจะใช้ให้บอกว่า a piece of advice ครับ เช่น Can I give you a piece of advice? อย่าหาว่าสอนเลยนะ แต่ขอแนะนำหน่อยได้มั้ย
ส่วน advise นั่นเป็นกริยา (verb) นะ เวลาใช้ก็ง่าย ๆ
เช่น I advised him to apologise to her. ฉันแนะนำให้เขาไปขอโทษแฟนเขาซะ (สังเกตว่า advise to do something นะครับ มี to ด้วย)
แต่ส่วนมากเราจะเจอคำว่า advise against มากกว่าครับ แปลได้ว่า ไม่แนะนำให้ทำ หรือ แนะนำให้เลิก
เช่น The doctor advised him against smoking. คุณหมอแนะนำให้เขาเลือกเผาปอดได้แล้ว
(สังเกตว่าจะมี him มาคั่นระหว่าง advise และ against และหลัง against จะตามด้วย v-ing)
ส่วน good กับ well ก็ง่าย ๆ ครับคือ well เป็น adverb good เป็น adjective
เราพูดว่า He is good แต่เราไม่พูดว่า He sings
goodต้องบอกว่า He sings well นะครับShe can speak English very
good. ผิดครับ ต้องบอกว่า She can speak English very well. นะครับปล. แต่ในภาษาพูดเราไม่ต้องคิดมากนะครับ ใช้ good ก็ไม่ได้ผิดร้ายแรงอะไร
4. Little / a little หรือ Few / a few
A little และ a few แปลว่า จำนวนน้อย
แต่ถ้าเอา a ออกจะแปลว่า น้อยมากกก (น้อยจนแทบจะไม่มี)
Little / a little ใช้กับนามนับไม่ได้ (นามนับไม่ได้จะเป็นเอกพจน์ (singular) เสมอ)
เช่น They have a little money to spend. พวกเขาแทบไม่เหลือเงินใช้แล้ว
You gave me little choice. เธอแทบไม่เหลือทางเลือกให้ฉันเลย
ส่วน few / a few ก็ตรงข้ามกัน คือใช้กับนามนับได้ที่เป็นพหูพจน์ (plural) พูดง่าย ๆ คือคำนามนั้นต้องเติม s นั่นแหละครับ
เช่น I will take a few days. มันใช้เวลาแค่ไม่กี่วัน
Few people know who he really is. มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ว่าเขาเป็นใคร
5. Collective noun
Collective noun คือ คำนามที่ใช้แสดงความหมายเป็นกลุ่มก้อน หรือเป็นหมู่คณะ ฟังแล้วอาจงง ๆ
เช่นคำว่า Family, team หรือ government อะไรพวกนี้ครับ คือมันหมายถึงกลุ่มคนหลายคนก็จริง แต่มันเป็นคำนามเอกพจน์นะ ดังนั้นเวลาใช้ verb ก็ต้องเลือก verb ให้เข้ากับมัน
ผู้ออกข้อสอบมักจะใช้มุกนี้
Our team ____ the best.
A) are
B) is
เห็นคำว่า our แปลว่าของพวกเรา แต่อย่าเพิ่งรีบตอบ are นะ
จริงอยู่ที่ส่วนมากคำนามที่ตามหลัง our จะชอบเป็นพหูพจน์ เช่น Our cars have been stolen. รถพวกเราถูกขโมยไป
แต่ในข้อนี้คำนามที่ตามหลัง our คือ team ซึ่งเป็น collective noun ในทีมอาจมีหลายคนก็จริง แต่ยังไงเป็นแค่ทีมเดียว ดังนั้นให้เลือกตอบ is ครับ
6. Than me หรือ Than I
ถ้าเราจะบอกว่า นายวิ่งเร็วกว่าฉัน เรามักจะพูดว่า You run faster than me. ใช่มั้ยครับ
แต่เรายังสามารถพูดได้อีกแบบคือ You run faster than I do.
ซึ่งในข้อสอบส่วนมากจะชอบให้ตอบแบบที่สองมากกว่าครับ เพราะมันถูกหลักแกรมมาร์ที่แท้จริง (แต่ในชีวิตจริงเขาจะใช้แบบแรกกันซะมากกว่านะครับ)
ตัวอย่างแบบเพิ่ม
She is prettier than me. หรือ She is prettier than I am.
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องคำนึงเรื่องพวกนี้ด้วย
ถ้าเราเปรียบเทียบ กรรม ของประโยคจะต้องเป็นแบบแรกตลอดนะ
เช่น I love you more than him. ฉันรักเธอมากกว่าฉันรักเขา (เปรียบเทียบ you กับ him)
แต่ถ้าบอกว่า I love you more than he does. จะแปลว่า ฉันรักเธอมากกว่าเขารักเธอ (เปรียบเทียบประธาน I กับ He)
ยังไงก็ดูดี ๆ ว่าโจทย์เขาเปรียบเทียบอะไร
ลองทำแบบฝึกหัดดูครับ
A) I think you know more than _____.
A) me
B) I do
B) He said he loved Jennifer more than ____.
A) me
B) I did
ข้อแรกเปรียบเทียบการ know เลยตอบ I do (He knows more than I know เขารู้มากกว่าที่ฉันรู้)
ข้อสอบเปรียบเทียบกรรมเลยตอบ me (He loves Jennifer more than me เขารักเจนนิเฟอร์มากกว่าฉัน (มันย่อมาจากประโยค He loves Jennifer more than he loves me.))
7. Comparative: easier หรือ more easier
ถ้าเจอแบบนี้จำง่าย ๆ เลย ถ้ามี more ไม่มี –er
เช่น It’s easier to work with you. (ไม่ใช่ It’s
more easierto work with you.)ส่วน more จะใช้กับ adjective ที่มี 2 พยางค์ขึ้นไป (ยกเว้น adjective สองพยางค์ที่ลงท้ายด้วย –y (easy, busy) อันนั้นให้ทำแบบข้างบน)
เช่น Joffrey is more handsome than any guy I know. จอฟฟรี่เป็นหนุ่มที่หล่อที่สุดตั้งแต่ที่ฉันเคยเจอมา
Living in this country is much more interesting. การอยู่ในเมืองนี้นั้นมีเรื่องน่าสนใจเยอะเยอะเลย
สังเกตว่าเราสามารถเติม much เข้าไปข้างหน้า adjective ที่มี –er หรือ more ได้นะครับ
เช่น It’s much better to live alone.
She’s much more beautiful than her mother.
โจทย์จะชอบหลอกเราโดยการเอา more มาใส่กับ –er เช่น
I’m more happier than yesterday แบบนี้ถือว่าผิดนะครับ เพราะมีทั้ง more ทั้ง –er เลย
ในเราดูที่ adjective ดี ๆ ว่าควรใช้ more หรือเติม –er ในประโยคนี้คือ happy ดังนั้นให้ตัด y แล้วเติม –er นั่นเองครับ
ดังนั้นควรบอกว่า I’m happier than yesterday. หรือจะบอกว่า I’m much happier than yesterday. ก็ได้ครับ
ลองทำแบบฝึกหัดดู
1) A bicycle is _____ than a motorbike.
A) more cheaper
B) cheaper
2) A bike is _______ than a car in the traffic.
A) convenienter
B) more convenient
3) Gold is ________ than silver.
A) much expensive
B) more expensive
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
8. การใช้ In, on, at กับ time
จำง่าย ๆ ว่า at แคบสุด ใช้กับเวลาแบบเฉพาะเจาะจงเช่น at 10 am. , at night, at sunrise
On กว้างขึ้นมาหน่อย ใช้กับ วันและวันที่ เช่น on Monday, on June 4th
ส่วน in กว้างสุดใช้กับ ปี เดือน และช่วงเวลา เช่น In 2009, in August, in the past
9. –ing หรือ –ed: interesting หรือ interested
จำง่าย ๆ ว่า –ed จะใช้กับความรู้สึก เลยมักจะใช้กับคน
เช่น I’m bored. I’m interested in this book. I’m scared of the dark. I’m excited.
ส่วน –ing จะใช้บอกคุณลักษณะ เลยใช้กับสิ่งของ
This book is interesting. This topic is boring. The dark is scaring. The movie was exciting.
ถ้าอยากรู้แบบลึกซึ้งเรื่องนี้ให้ไปอ่านกระทู้นี้เลย https://ppantip.com/topic/35554889
10. Whose หรือ who’s
Whose มักจะตามด้วยคำนามเสมอ เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของ เช่น Whose car is this? นี่รถใครเนี่ย
He is a good man whose weakness is he can’t accept defeat. เขาเป็นคนดีที่มีจุดอ่อนอย่างเดียวคือไม่สามารถยอมรับความผ่ายแพ้ได้
ส่วน who’s ย่อมาจาก who is นะครับ ออกเสียงเหมือนกันแต่คนละความหมาย
การใช้ Whose แบบคร่าว ๆ
Whose ใช้เป็นคำถาม (ถามว่าของใคร)
Whose pen is this? นี่คือปากกาของใคร
Whose house is that? นั่นคือบ้านของใคร
Whose kid is running? ลูกของใครกำลังวิ่งอยู่
Whose car is parking over there? รถของใครจอดอยู่ตรงนั้น
นอกจากนี้เรายังใช้ Whose เป็นคำเชื่อมประโยคได้ด้วย (ที่___ของ___)
I know the man whose father is a sniper. ฉันรู้จักผู้ชายที่พ่อของเขาเป็นมือปืน
That is the girl whose car is stolen. นั่นคือผู้หญิงที่บ้านของเธอโดนขโมย
I don’t know whose book is on the shelf. ผมไม่รู้ว่าหนังสือของใครอยู่บนชั้นวาง
หลายคนอาจจะแม่นเรื่องพวกนี้แล้ว ส่วนใครยังไม่แม่นก็ทบทวนบ่อย ๆ ละกัน ที่สำคัญคืออย่าลืมไปหาอ่านเพิ่มเติมด้วย
แล้วเจอกัน Part 2 (ไม่รู้มีกี่พาร์ทนะ แต่จะทำออกมาเรื่อย ๆ ละกัน)
ไม่จำเป็นต้องรู้หมดทุกอย่างในวันนี้ รู้มากกว่าเมื่อวานนี้ก็พอ
รู้ภาษาอังกฤษมากขึ้นทุกวันที่: www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan/ (Page: พ่อผมเป็นคนอังกฤษ)
Stay tuned.
JGC