First Man (Damien Chazelle, 2018) คะแนน B
"ระหว่างทางเต็มไปด้วยแรงกดดัน" หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากกับ La La Land, Whiplash ผู้กำกับ 'เดเมียน ชาเซลล์' ได้เปลี่ยนแนวทางของตัวเอง ไปกำกับหนังชีวประวัติดราม่า ที่ทุกคนบนโลกรับรู้ถึงบทสรุปกับอยู่แล้ว ทุกๆขั้นตอนภายในเรื่องมีให้อ่านตามอินเตอร์เน็ตมากมาย แต่สิ่งที่ 'First Man' ดูแตกต่างไปจากการนั่งชมภาพยนตร์สารคดีหรืออ่านเรื่องราวในวิกิพีเดีย คือการพาเราไปมองเรื่องราวผ่านสายตาของ 'นีล อาร์มสตรอง' ในมุมมองที่ชวนตั้งคำถามต่อภารกิจนี้ว่าคุ้มค่าพอต่อการเสี่ยงชีวิต และผลกระทบจากความกดดันที่ต้องเผชิญหน้าต่อความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า อะไรที่ได้กลับคืนมาจากความสูญเสียเหล่านั้น แรงกดดันภายในเรื่องจึงมาจากการถ่ายทอดมุมมองจากตัวละคร แน่นอนว่า ลำดับเหตุการณ์ของหนังเข้าขั้นเป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่แทบจะส่งมอบรายละเอียดต่างๆอย่างครบถ้วน ชนิดที่ไม่เกิดความสงสัยว่านาซ่ากำลังทำอะไรอยู่ และการส่งมนุษย์ขึ้นไปบนดวงจันทร์ให้ได้ต้องทำอย่างไร
'เดเมียน ชาเซลล์' ได้ให้การกำกับที่ทำให้เราเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกับตัวละครชนิดที่รู้สึกมึนหัวตามในช่วงขณะปฏิบัติการ หรือร่วมเดินทางไปกับตัวละครอย่างใกล้ชิด เราจึงไม่ได้มีโอกาสถอยห่างออกจากตัวละครมากนัก ทำให้ด้วยความยาว 2 ชั่วโมง 21 นาที นั้นมีช่วงเวลาที่ค่อนข้างน่าเบื่อเล็กน้อย อาจเป็นเพราะเรารู้สึกมึนหัวไปกับการส่ายกล้องไปมา หรือวิธีโคลสอัพให้เห็นอารมณ์เหล่านักแสดงมากจนเกินไปและนานเกินไป อย่างไรก็ตาม การแสดงของ 'ไรอัน กอสลิง' อยู่ในระดับที่ดีและสามารถเข้าชิงนักแสดงนำชายได้ไม่ยาก แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดำดิ่งไปกับห้วงความคิดคำนึงต่างๆ แต่ก็สามารถพาให้เรามองเห็นตัวตนของชายตัวเล็กๆคนหนึ่งที่กำลังแบกความคาดหวังของมนุษยชาติครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ตัวตนของ 'นีล อาร์มสตรอง' ฉบับ 'เดเมียน ชาเซลล์' จึงเป็นงานสะท้อนคนๆหนึ่งมากกว่าความสนุกผจญภัยท้าทายท่องอวกาศ ส่วนนักแสดงสมทบคนอื่นๆไม่ชวนโดดเด่น คนที่น่าเสียดายที่สุดน่าจะเป็น 'แคลร์ ฟอย' ที่บทบาทภายในเรื่องดูไม่ค่อยถูกจังหวะในฉากดราม่า
ท้ายสุด 'First Man' มีงานกำกับภาพที่ดี สามารถพาเราไปสัมผัสและมองเห็นดวงจันทร์ได้พร้อมกับตัวละคร แม้ว่าผลงานครั้งนี้จะเป็นความตั้งใจที่จะพาคนดูไปเข้าใจชายคนหนึ่งมากกว่าพาคนดูไปพบเจอเรื่องราวที่ชวนตื่นเต้นเร้าใจ ภาพรวมทั้งหมดจึงสร้างได้เพียงอารมณ์เศร้าหมองของจิตใจและภาวการณ์ชวนกดดันภายใต้แรงสั่นสะเทือนทั้งภายในและภายนอก(อวกาศ) เหนือสิ่งอื่นใด บทสรุปที่หนังเลือกให้คนดูนั้นยังคงมีข้อความที่น่ายินดีและร่วมยินดีไปกับตัวละครในเรื่อง ดังนั้น เส้นทางที่ 'First Man' เลือกนำเสนอจึงอาจทำให้คนที่คาดหวังว่าอยากจะพบเจอการผจญภัยแบบหนังไซไฟท่องอวกาศ อาจจะต้องพบเจอกับความผิดหวังได้อยู่ไม่น้อยเลย...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: First Man (Damien Chazelle, 2018) รีวิวโดย Form Corleone
"ระหว่างทางเต็มไปด้วยแรงกดดัน" หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากกับ La La Land, Whiplash ผู้กำกับ 'เดเมียน ชาเซลล์' ได้เปลี่ยนแนวทางของตัวเอง ไปกำกับหนังชีวประวัติดราม่า ที่ทุกคนบนโลกรับรู้ถึงบทสรุปกับอยู่แล้ว ทุกๆขั้นตอนภายในเรื่องมีให้อ่านตามอินเตอร์เน็ตมากมาย แต่สิ่งที่ 'First Man' ดูแตกต่างไปจากการนั่งชมภาพยนตร์สารคดีหรืออ่านเรื่องราวในวิกิพีเดีย คือการพาเราไปมองเรื่องราวผ่านสายตาของ 'นีล อาร์มสตรอง' ในมุมมองที่ชวนตั้งคำถามต่อภารกิจนี้ว่าคุ้มค่าพอต่อการเสี่ยงชีวิต และผลกระทบจากความกดดันที่ต้องเผชิญหน้าต่อความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า อะไรที่ได้กลับคืนมาจากความสูญเสียเหล่านั้น แรงกดดันภายในเรื่องจึงมาจากการถ่ายทอดมุมมองจากตัวละคร แน่นอนว่า ลำดับเหตุการณ์ของหนังเข้าขั้นเป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่แทบจะส่งมอบรายละเอียดต่างๆอย่างครบถ้วน ชนิดที่ไม่เกิดความสงสัยว่านาซ่ากำลังทำอะไรอยู่ และการส่งมนุษย์ขึ้นไปบนดวงจันทร์ให้ได้ต้องทำอย่างไร
'เดเมียน ชาเซลล์' ได้ให้การกำกับที่ทำให้เราเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกับตัวละครชนิดที่รู้สึกมึนหัวตามในช่วงขณะปฏิบัติการ หรือร่วมเดินทางไปกับตัวละครอย่างใกล้ชิด เราจึงไม่ได้มีโอกาสถอยห่างออกจากตัวละครมากนัก ทำให้ด้วยความยาว 2 ชั่วโมง 21 นาที นั้นมีช่วงเวลาที่ค่อนข้างน่าเบื่อเล็กน้อย อาจเป็นเพราะเรารู้สึกมึนหัวไปกับการส่ายกล้องไปมา หรือวิธีโคลสอัพให้เห็นอารมณ์เหล่านักแสดงมากจนเกินไปและนานเกินไป อย่างไรก็ตาม การแสดงของ 'ไรอัน กอสลิง' อยู่ในระดับที่ดีและสามารถเข้าชิงนักแสดงนำชายได้ไม่ยาก แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดำดิ่งไปกับห้วงความคิดคำนึงต่างๆ แต่ก็สามารถพาให้เรามองเห็นตัวตนของชายตัวเล็กๆคนหนึ่งที่กำลังแบกความคาดหวังของมนุษยชาติครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ตัวตนของ 'นีล อาร์มสตรอง' ฉบับ 'เดเมียน ชาเซลล์' จึงเป็นงานสะท้อนคนๆหนึ่งมากกว่าความสนุกผจญภัยท้าทายท่องอวกาศ ส่วนนักแสดงสมทบคนอื่นๆไม่ชวนโดดเด่น คนที่น่าเสียดายที่สุดน่าจะเป็น 'แคลร์ ฟอย' ที่บทบาทภายในเรื่องดูไม่ค่อยถูกจังหวะในฉากดราม่า
ท้ายสุด 'First Man' มีงานกำกับภาพที่ดี สามารถพาเราไปสัมผัสและมองเห็นดวงจันทร์ได้พร้อมกับตัวละคร แม้ว่าผลงานครั้งนี้จะเป็นความตั้งใจที่จะพาคนดูไปเข้าใจชายคนหนึ่งมากกว่าพาคนดูไปพบเจอเรื่องราวที่ชวนตื่นเต้นเร้าใจ ภาพรวมทั้งหมดจึงสร้างได้เพียงอารมณ์เศร้าหมองของจิตใจและภาวการณ์ชวนกดดันภายใต้แรงสั่นสะเทือนทั้งภายในและภายนอก(อวกาศ) เหนือสิ่งอื่นใด บทสรุปที่หนังเลือกให้คนดูนั้นยังคงมีข้อความที่น่ายินดีและร่วมยินดีไปกับตัวละครในเรื่อง ดังนั้น เส้นทางที่ 'First Man' เลือกนำเสนอจึงอาจทำให้คนที่คาดหวังว่าอยากจะพบเจอการผจญภัยแบบหนังไซไฟท่องอวกาศ อาจจะต้องพบเจอกับความผิดหวังได้อยู่ไม่น้อยเลย...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/