คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 126
ผมพิจารณาข้อมูล เหรียญมีสองด้าน การใช้ชีวิตคู่ก็เช่นกันถ้าเราเลือกที่จะมองแต่ในด้านของเรา เราเองจะไม่มีความสุข
ผมไม่ทราบว่าเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันได้ใช้เงินกระเป๋าเดียวกันหรือไม่ ถ้าไม่มันก็เป็นวิธีการบริหารเงินของแต่ละครอบครัวที่ไม่เหมือนกัน
กรณีนี้ผม มองว่าต่างฝ่ายต่างมองในมุมของตัวเอง ทำไมไม่เลือกมองมุมของอีกคน
1.ในมุมของผู้ชาย คงมองว่านอกจากขายของต้องมารับส่งอีก (ชายไม่มีสวัสดิการอะไรจากบริษัท)
2.ในมุมของฝ่ายหญิงทำงานแล้วยังต้องมา ทำงานบ้านอีก (ทำงานมาแล้วทำไมต้องมาแบ่ง)
ทางออกถ้าเอาเงินมารวมกันเป็นกองกลางคนบริหารคือให้ให้หน้าที่ไปเลย (เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน)
ผมไม่ทราบว่าเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันได้ใช้เงินกระเป๋าเดียวกันหรือไม่ ถ้าไม่มันก็เป็นวิธีการบริหารเงินของแต่ละครอบครัวที่ไม่เหมือนกัน
กรณีนี้ผม มองว่าต่างฝ่ายต่างมองในมุมของตัวเอง ทำไมไม่เลือกมองมุมของอีกคน
1.ในมุมของผู้ชาย คงมองว่านอกจากขายของต้องมารับส่งอีก (ชายไม่มีสวัสดิการอะไรจากบริษัท)
2.ในมุมของฝ่ายหญิงทำงานแล้วยังต้องมา ทำงานบ้านอีก (ทำงานมาแล้วทำไมต้องมาแบ่ง)
ทางออกถ้าเอาเงินมารวมกันเป็นกองกลางคนบริหารคือให้ให้หน้าที่ไปเลย (เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน)
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 98
สามีและครอบครัวเขาเห็นแก่ตัวค่ะ
ผช แบบนี้ แต่งงานไปด้วย ระยะยาวก็เก๊กซิม
แต่ในเมือแต่ง มีลูกไปแล้ว และพวกคุณก็ยังรักกันดี ก็จะแนะนำทางออกไว้ให้แบบนี้
1.ได้เงินเดือนขึ้นอย่าบอก ให้ตัดเงินส่วนนั้น เข้าบช เก็บไว้ต่างหาก อย่าให้เขารู้เห็นสมุดบช
ย้ายงานได้เงินเดอืนเท่าไหร บอกไปต่ำๆแล้ว พยายามเก็บเงินเป็นชื่อของคุณเองให้ได้
2.ต่อไปนี้ มีรายรับ อย่างโบนัสก็อย่าบอก เก็บของเราไว้ค่ะ ไม่มีบ้านไหนที่เป็นปกติ ผัวมาขอเงินเมียแบบนี้หรอกค่ะ
เงินตัวเองหาได้ ยังไม่ให้เราเลย ทั้งที่เราลงทุนให้
ถ้าเขาอ้างลูก ก็ขอให้คุณรู้ไว้ ว่าเงินอยู่กับคุณปลอดภัยสุด
เพราะมีเมียน้อยขึ้นมา เงินคุณไปเลี้ยงเมียน้อยค่ะ
เงินที่คุณให้สามี กลายเป็นเงินกงสีไปแล้ว เลี้ยงทั้งบ้าน ค่าน้ำไฟ จิปาถะ
ถ้าตัดไปฝากร่วมกัน เดือนละ2-3พัน คุณยังมีเงินไว้ใช้กับตัวเอง ยังพอว่า
และมันควรจะเป็นแบบนั้นด้วย ในปกติครอบครัวทั่วไป
แต่ นี่คุณไม่มีสิทธิ์ในเงินของตัวเองเลย ฝากชีวิตไว้กับเขามากไป ถ้าเขาโกรธ
เงินคุณโดนยึดหมด เอาว่า ถ้าเขามีเมียน้อย อีก5-10ปีข้างหน้า คุณเหลือแต่ตัว
เขาจะเอาเงินคุณไปให้คนในครอบครัวเขาเท่าไหรก็ได้ เพราะคุณไม่เคย มีสิทธิ์ ในเงินตัวเอง
และเงินที่คุณหามา ก็ไม่ได้เป็นของตัวเองอีกแล้วค่ะ..เสียใจด้วย
ทุกวันนี้ คุณก็ไม่มีทรัพย์สินอะไรเป็นของตัวเองเลยค่ะ
เสี่ยงมาก เงินเก็บเป็นชื่อเขาหมด บ้านก็ของเขา ถ้ามีปัญหาหย่ากัน เขาอาจถ่ายเงินไปชื่อแม่ ชื่อคนอื่นแล้วไม่ให้เงินคุณก็เลย เคยมีกรณีแบบนี้ให้อ่านหลายปีแล้ว
ไว้ใจ จนวันหนึ่งก็เหลือแต่ตัว
ถ้าไม่อยากเสียใจในวันข้างหน้า มีชีวิตที่มีเงินเก็บไว้เลี้ยงดูตัวเองให้ได้ค่ะ
เพราะเราไม่รู้อะไรจะเปลี่ยนไปบ้างในอนาคต
คุณทำงานนอกบ้านหาเงินเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ต้องทำงานเหมือนเป็นคนใช้ในบ้าน พวกเขาไม่เกรงใจคุณเลย
จะว่าไป คือ คุณยอมให้โดนเอาเปรียบมากไปค่ะ
หาทางแก้ไขเสีย
ผช แบบนี้ แต่งงานไปด้วย ระยะยาวก็เก๊กซิม
แต่ในเมือแต่ง มีลูกไปแล้ว และพวกคุณก็ยังรักกันดี ก็จะแนะนำทางออกไว้ให้แบบนี้
1.ได้เงินเดือนขึ้นอย่าบอก ให้ตัดเงินส่วนนั้น เข้าบช เก็บไว้ต่างหาก อย่าให้เขารู้เห็นสมุดบช
ย้ายงานได้เงินเดอืนเท่าไหร บอกไปต่ำๆแล้ว พยายามเก็บเงินเป็นชื่อของคุณเองให้ได้
2.ต่อไปนี้ มีรายรับ อย่างโบนัสก็อย่าบอก เก็บของเราไว้ค่ะ ไม่มีบ้านไหนที่เป็นปกติ ผัวมาขอเงินเมียแบบนี้หรอกค่ะ
เงินตัวเองหาได้ ยังไม่ให้เราเลย ทั้งที่เราลงทุนให้
ถ้าเขาอ้างลูก ก็ขอให้คุณรู้ไว้ ว่าเงินอยู่กับคุณปลอดภัยสุด
เพราะมีเมียน้อยขึ้นมา เงินคุณไปเลี้ยงเมียน้อยค่ะ
เงินที่คุณให้สามี กลายเป็นเงินกงสีไปแล้ว เลี้ยงทั้งบ้าน ค่าน้ำไฟ จิปาถะ
ถ้าตัดไปฝากร่วมกัน เดือนละ2-3พัน คุณยังมีเงินไว้ใช้กับตัวเอง ยังพอว่า
และมันควรจะเป็นแบบนั้นด้วย ในปกติครอบครัวทั่วไป
แต่ นี่คุณไม่มีสิทธิ์ในเงินของตัวเองเลย ฝากชีวิตไว้กับเขามากไป ถ้าเขาโกรธ
เงินคุณโดนยึดหมด เอาว่า ถ้าเขามีเมียน้อย อีก5-10ปีข้างหน้า คุณเหลือแต่ตัว
เขาจะเอาเงินคุณไปให้คนในครอบครัวเขาเท่าไหรก็ได้ เพราะคุณไม่เคย มีสิทธิ์ ในเงินตัวเอง
และเงินที่คุณหามา ก็ไม่ได้เป็นของตัวเองอีกแล้วค่ะ..เสียใจด้วย
ทุกวันนี้ คุณก็ไม่มีทรัพย์สินอะไรเป็นของตัวเองเลยค่ะ
เสี่ยงมาก เงินเก็บเป็นชื่อเขาหมด บ้านก็ของเขา ถ้ามีปัญหาหย่ากัน เขาอาจถ่ายเงินไปชื่อแม่ ชื่อคนอื่นแล้วไม่ให้เงินคุณก็เลย เคยมีกรณีแบบนี้ให้อ่านหลายปีแล้ว
ไว้ใจ จนวันหนึ่งก็เหลือแต่ตัว
ถ้าไม่อยากเสียใจในวันข้างหน้า มีชีวิตที่มีเงินเก็บไว้เลี้ยงดูตัวเองให้ได้ค่ะ
เพราะเราไม่รู้อะไรจะเปลี่ยนไปบ้างในอนาคต
คุณทำงานนอกบ้านหาเงินเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ต้องทำงานเหมือนเป็นคนใช้ในบ้าน พวกเขาไม่เกรงใจคุณเลย
จะว่าไป คือ คุณยอมให้โดนเอาเปรียบมากไปค่ะ
หาทางแก้ไขเสีย
ความคิดเห็นที่ 45
สวัสดีค่ะทุกคน ขอบคุณสำหรับทุกๆความเห็น และความพยายามที่จะให้คำปรึกษา คำแนะนำนะคะ
เพราะฉะนั้นจึงมาขอเพิ่มข้อมูลให้เพื่อนๆทุกคนทราบค่ะ
ที่ทำงานของดิฉันเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซต์ 15 นาที ค่าน้ำมันสามีเติมบ้าง ดิฉันเติมบ้าง เติมประมาณ 120 บาทเกือบเต็มถังวิ่งได้ประมาณ 4 วัน ถ้าไม่นอกเส้นทาง คือไม่แวะห้าง หรือไม่ไปธุระที่ไหน ก็จะประมาณนี้ แต่ถ้าคุมความเร็วก็สามารถใช้ได้ครบ 5 วันพอดีค่ะ ถ้าดิฉันไป-กลับเอง จะเสียค่ารถราวๆ วันละ 70 บาท ไป-กลับ ดังนั้นเติมน้ำมันคุ้มกว่า เนื่องจากสามีขายของช่วงสายๆถึงบ่ายๆลูกค้าหมดก็เก็บร้าน จึงไม่จำเป็นต้องตื่นเช้ามากเพราะตอนเย็นทุกวันดิฉันจะช่วยเก็บล้างข้าวของเตรียมของขายให้ วัตถุดิบไปบอกที่ตลาดสดใกล้บ้านให้มาส่งที่บ้านทุกๆเช้าและเก็บเงินหน้าบ้าน แต่สามีต้องตื่นเช้าทุกวันเพื่อมาส่งดิฉันไปทำงานค่ะ
เรื่องการใช้เงินในครอบครัวและค่าใช้จ่ายในบ้าน
ดิฉันออกทั้งหมดค่ะ ค่าน้ำค่าไฟที่ช่วยที่บ้านสามีออก ค่าใช้จ่ายลูกไปโรงเรียน เรียนพิเศษ ค่าผ่อนรถมอเตอร์ไซต์ ค่าเน็ต ค่าโทรศัพท์ ค่าหนี้สินเชื่อ และค่าใช้จ่ายเรื่องทุนขายของของสามี (ค่าแก๊ส ค่าถุงพลาสติก หรืออะไรต่างๆที่ร้านค้าให้จ่ายสิ้นเดือนได้) เพราะดิฉันมีรายได้เป็นรายเดือน ดังนั้นค่าใช้จ่ายรายเดือนทุกๆเดือนคือดิฉันรับผิดชอบหมด ก็เงินเดือนเกือบหมด สามีให้ไปทำงานรายวันค่ะ วันละ 100 บาท แต่ถ้าอยากได้อะไรเพิ่ม หรืออยากไปกินอะไร ก็ขอเพิ่มได้บ้างแต่น้อยครั้งเพราะขายของไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ได้กำไรทุกวัน สามีไม่ได้ทำงานประจำค่ะ เขาขายของประเภทของกิน รองรับลูกค้าพักกลางวันขายหน้าปากซอยบ้าน ที่ให้วันละ 100 เพราะเค้าบอกว่าไปรับไปส่งอยู่แล้ว และให้ลูกไปโรงเรียนอีกวันละ 60 บาท ซึ่งโรงเรียนสามารถเดินไป-กลับได้ ทุกเช้าเย็น คุณแม่สามีจะอาสาไปรับส่งหลานเนื่องจากต้องการออกกำลังบ้าง
เรื่องงานบ้าน
ดิฉันทำหมดค่ะ ทุกอย่างเพราะในบ้านไม่มีใครทำเลย ดิฉันต้องทำงานบ้านทุกอย่างในบ้านยกเว้นแต่ซักผ้าของพ่อ-แม่สามี และน้องชายสามี นอกนั้นทำหมด ซึ่งไม่มีใครเคยช่วยเลย ไม่แม้แต่จะทำให้งานบ้านเบาลง ทุกคนกินปล่อยทิ้ง และรอคอยให้ดิฉันมาเก็บล้าง และทุกๆเย็นต้องเก็บล้างข้าวของที่ขายเพื่อเตรียมให้สามีขายของวันถัดไป ซึ่งก็กองใหญ่ หม้อ กะทะ ถาดอาหาร ฯลฯ แต่ทั้งหมดนี้ต้องทำหลังทุกคนกินข้าวเย็นเสร็จและเข้าห้องส่วนตัวหมด ดูแลลูกเข้านอนแล้วจึงเริ่มทำทุกอย่างจริงๆก็ราวๆ 20.30 น. กว่าจะเสร็จจบก็ประมาณ 4-5 ทุ่ม ทุกวัน สามีเคยให้เหตุผลที่ให้ดิฉันช่วยเก็บล้างเนื่องจากเป็นการช่วยกันทำมาหากินเหมือนที่เขาไปรับ-ส่งทุกวันเขาก็ช่วยดิฉันทำมาหากิน ก็ยอมรับว่าหงุดหงิด ทำงานมาก็เหนื่อยแต่ไหนๆก็ต้องล้างจานทุกวันอยู่แล้วของมันวางอยู่ใกล้ๆกันก็ล้างไปซะเลยง่ายดีตัดรำคาญ เพราะเคยมีสองสามครั้งที่ไม่ล้างเพราะเหนื่อย วันต่อมาสามีไม่ขายของค่ะ บอกว่าไปส่งกลับมาก็สายแล้วกว่าจะมานั่งล้างของก็พอดีเตรียมไม่ทันเลยไม่ขาย วันต่อมาก็ไม่มีเงินไปทำงานเพราะไม่ได้ขายของ
เท่าที่นึกออกและเรียบเรียงได้ก็มีเท่านี้ เพื่อนๆอยากถามอะไร ถามเพิ่มได้นะคะ ขอบคุณค่ะ
เพราะฉะนั้นจึงมาขอเพิ่มข้อมูลให้เพื่อนๆทุกคนทราบค่ะ
ที่ทำงานของดิฉันเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซต์ 15 นาที ค่าน้ำมันสามีเติมบ้าง ดิฉันเติมบ้าง เติมประมาณ 120 บาทเกือบเต็มถังวิ่งได้ประมาณ 4 วัน ถ้าไม่นอกเส้นทาง คือไม่แวะห้าง หรือไม่ไปธุระที่ไหน ก็จะประมาณนี้ แต่ถ้าคุมความเร็วก็สามารถใช้ได้ครบ 5 วันพอดีค่ะ ถ้าดิฉันไป-กลับเอง จะเสียค่ารถราวๆ วันละ 70 บาท ไป-กลับ ดังนั้นเติมน้ำมันคุ้มกว่า เนื่องจากสามีขายของช่วงสายๆถึงบ่ายๆลูกค้าหมดก็เก็บร้าน จึงไม่จำเป็นต้องตื่นเช้ามากเพราะตอนเย็นทุกวันดิฉันจะช่วยเก็บล้างข้าวของเตรียมของขายให้ วัตถุดิบไปบอกที่ตลาดสดใกล้บ้านให้มาส่งที่บ้านทุกๆเช้าและเก็บเงินหน้าบ้าน แต่สามีต้องตื่นเช้าทุกวันเพื่อมาส่งดิฉันไปทำงานค่ะ
เรื่องการใช้เงินในครอบครัวและค่าใช้จ่ายในบ้าน
ดิฉันออกทั้งหมดค่ะ ค่าน้ำค่าไฟที่ช่วยที่บ้านสามีออก ค่าใช้จ่ายลูกไปโรงเรียน เรียนพิเศษ ค่าผ่อนรถมอเตอร์ไซต์ ค่าเน็ต ค่าโทรศัพท์ ค่าหนี้สินเชื่อ และค่าใช้จ่ายเรื่องทุนขายของของสามี (ค่าแก๊ส ค่าถุงพลาสติก หรืออะไรต่างๆที่ร้านค้าให้จ่ายสิ้นเดือนได้) เพราะดิฉันมีรายได้เป็นรายเดือน ดังนั้นค่าใช้จ่ายรายเดือนทุกๆเดือนคือดิฉันรับผิดชอบหมด ก็เงินเดือนเกือบหมด สามีให้ไปทำงานรายวันค่ะ วันละ 100 บาท แต่ถ้าอยากได้อะไรเพิ่ม หรืออยากไปกินอะไร ก็ขอเพิ่มได้บ้างแต่น้อยครั้งเพราะขายของไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ได้กำไรทุกวัน สามีไม่ได้ทำงานประจำค่ะ เขาขายของประเภทของกิน รองรับลูกค้าพักกลางวันขายหน้าปากซอยบ้าน ที่ให้วันละ 100 เพราะเค้าบอกว่าไปรับไปส่งอยู่แล้ว และให้ลูกไปโรงเรียนอีกวันละ 60 บาท ซึ่งโรงเรียนสามารถเดินไป-กลับได้ ทุกเช้าเย็น คุณแม่สามีจะอาสาไปรับส่งหลานเนื่องจากต้องการออกกำลังบ้าง
เรื่องงานบ้าน
ดิฉันทำหมดค่ะ ทุกอย่างเพราะในบ้านไม่มีใครทำเลย ดิฉันต้องทำงานบ้านทุกอย่างในบ้านยกเว้นแต่ซักผ้าของพ่อ-แม่สามี และน้องชายสามี นอกนั้นทำหมด ซึ่งไม่มีใครเคยช่วยเลย ไม่แม้แต่จะทำให้งานบ้านเบาลง ทุกคนกินปล่อยทิ้ง และรอคอยให้ดิฉันมาเก็บล้าง และทุกๆเย็นต้องเก็บล้างข้าวของที่ขายเพื่อเตรียมให้สามีขายของวันถัดไป ซึ่งก็กองใหญ่ หม้อ กะทะ ถาดอาหาร ฯลฯ แต่ทั้งหมดนี้ต้องทำหลังทุกคนกินข้าวเย็นเสร็จและเข้าห้องส่วนตัวหมด ดูแลลูกเข้านอนแล้วจึงเริ่มทำทุกอย่างจริงๆก็ราวๆ 20.30 น. กว่าจะเสร็จจบก็ประมาณ 4-5 ทุ่ม ทุกวัน สามีเคยให้เหตุผลที่ให้ดิฉันช่วยเก็บล้างเนื่องจากเป็นการช่วยกันทำมาหากินเหมือนที่เขาไปรับ-ส่งทุกวันเขาก็ช่วยดิฉันทำมาหากิน ก็ยอมรับว่าหงุดหงิด ทำงานมาก็เหนื่อยแต่ไหนๆก็ต้องล้างจานทุกวันอยู่แล้วของมันวางอยู่ใกล้ๆกันก็ล้างไปซะเลยง่ายดีตัดรำคาญ เพราะเคยมีสองสามครั้งที่ไม่ล้างเพราะเหนื่อย วันต่อมาสามีไม่ขายของค่ะ บอกว่าไปส่งกลับมาก็สายแล้วกว่าจะมานั่งล้างของก็พอดีเตรียมไม่ทันเลยไม่ขาย วันต่อมาก็ไม่มีเงินไปทำงานเพราะไม่ได้ขายของ
เท่าที่นึกออกและเรียบเรียงได้ก็มีเท่านี้ เพื่อนๆอยากถามอะไร ถามเพิ่มได้นะคะ ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็นที่ 60
ถ้าขอแบ่งเพราะเป็นค่าเหนื่อยที่รับส่งตลอดปี ดิฉันคงคิดว่าเราเลือกคนผิด และคงทำใจ พอทำใจได้คงจะเลิกรากันไป
ถ้าอยากได้เงิน สู้มาขอเลย หรือบอกว่าอยากได้อะไรซื้อให้หน่อย ยังดูน่ารักกว่ามาขอแบ่งเพราะว่าเป็นค่าเหนื่อยที่มารับมาส่งเรา
นึกถึงพ่อเราที่รับส่งเราและแม่ตลอดชีวิต ไม่เคยคิดเงิน เพราะนี่คือลูกเมีย
คนประเภทไหนในโลกที่แม่มยังคิดค่าเหนื่อยที่รับส่งเมียตัวเองได้ ลาก่อนเถอะ ผช ห่วย ๆ
ถ้าอยากได้เงิน สู้มาขอเลย หรือบอกว่าอยากได้อะไรซื้อให้หน่อย ยังดูน่ารักกว่ามาขอแบ่งเพราะว่าเป็นค่าเหนื่อยที่มารับมาส่งเรา
นึกถึงพ่อเราที่รับส่งเราและแม่ตลอดชีวิต ไม่เคยคิดเงิน เพราะนี่คือลูกเมีย
คนประเภทไหนในโลกที่แม่มยังคิดค่าเหนื่อยที่รับส่งเมียตัวเองได้ ลาก่อนเถอะ ผช ห่วย ๆ
แสดงความคิดเห็น
สามีขอแบ่งโบนัสของเราแบบ 50 50 โดยให้เหตุผลว่า เป็นค่าเหนื่อยที่ไปรับส่งที่ทำงานตลอดทั้งปี ใช่หรอ!?!
พอวันนี้มีประชุมเกี่ยวกับขยายกิจการ ได้แก่ สร้างตึกขายคลังสินค้า นู้น นี่ นั่น พักกลางวันโทรหาสามี ก็โทรคุยกันสัพเพเหระปรกติ ก็คุยกะสามีเล่นๆว่า ปีหน้าโปรเจ็กขยายกิจการเยอะ สงสัยคงได้โบนัสน้อยแน่เลย บลาๆๆ
แล้วสามีก็ตอบกลับมาว่า
"จะมากจะน้อย ก็แบ่งกันนะ 50 50"
ดิฉันคิดว่าเค้าล้อเล่น เลยหยอกกลับไปว่า "โหววววว โหดอ่ะ 50 50 เลยหรอ แพงจัง" (ยังขำอยู่)
เขาตอบมาว่า
"ไม่ขำนะจริงจัง ถือเป็นค่าเหนื่อยที่รับ-ส่งไปทำงานมาตลอดทั้งปี ถ้าไม่ให้ ปีหน้าก็ไปทำงานเอง ก่อนหน้านี้ไม่เอาเพราะเห็นว่าได้น้อย ปีนี้ทำงานเต็มปี ได้เยอะก็ต้องแบ่งกันบ้าง"
ดิฉันยอมรับว่า เหวอมากค่ะ แล้วเถียงกันต่อว่าจะเอาไปทำไรเยอะแยะเงินฉันเงินคุณ ประมาณนี้
ก่อนหน้านี้บริษัทเก่าจะไม่มีโบนัส มีแต่เอ็กตรามันนี่ ซึ่งไม่เยอะ เลยสะสมอายุและออกมาหาที่ใหม่ จึงไม่เคยมีประเด็น
คือ....ยังไงดีคะ ครอบครัวอื่นๆเป็นยังไง ลองมาแชร์กัน แล้วดิฉันจะต้องยังไง ตอนนี้ยังอึ้งๆอยู่เลยค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติมความคิดเห็นที่ 45 ค่ะ