ลุ้นออก กม.ใบขับขี่ “บิ๊กไบค์” สกัดวัยรุ่นเล่นรถใหญ่ เผย มอเตอร์ไซค์วัยละอ่อนตายปีละ 2,510 ราย เท่า ร.ร.ใหญ่หายปีละโรง
เผยแพร่: 16 ต.ค. 2561 12:26 ปรับปรุง: 16 ต.ค. 2561 13:56 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
วัยโจ๋ตายจาก “มอเตอร์ไซค์” กว่า 2,510 คนต่อปี เทียบเท่า ร.ร.ขนาดใหญ่หายไปปีละโรง ห่วงลูกต่อรองเรียนดี สอบได้ ไม่ยุ่งยาเสพติด ทำพ่อแม่ใจอ่อนซื้อเป็นของขวัญมรณะ ลุ้นกฎหมายใบขับขี่บิ๊กไบค์ ช่วยสกัดเด็กวัยรุ่นเข้าถึง เสนอเพิ่มทางเลือกการเดินทาง ชุมชน โรงเรียนช่วยหนุนหลังพ่อแม่ต่อรองกับลูก
วันนี้ (16 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงแรมเอบีน่าเฮาส์ นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) กล่าวในงานเสวนา “มอไซค์วัยละอ่อน...ของขวัญหรือมัจจุราช” จัดโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ศวปถ. และเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต ว่า อุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของเด็กไทย จากข้อมูลใบมรณบัตรพบว่า แต่ละปีมีเด็กและเยาวชนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ย 2,510 ราย กว่า 80% เกิดจากรถจักรยานยนต์ จำนวนเทียบเท่ากับโรงเรียนขนาดใหญ่ 1 โรง ที่หายไปในแต่ละปี ทั้งนี้ กลุ่มอายุ 15-19 ปี เสียชีวิตสูงสุด เฉลี่ยปีละ 1,688 ราย จากการขับขี่เพื่อเดินทางไปโรงเรียน หรือในชีวิตประจำวัน พฤติกรรมเสี่ยง คือ ขับเร็ว ย้อนศร ไม่สวมหมวกนิรภัย และส่วนใหญ่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ส่วนกลุ่มอายุน้อยกว่า 15 ปี เฉลี่ยปีละ 822 ราย ที่น่าตกใจ คือ เด็กอายุน้อยที่สุด เริ่มขับขี่จักรยานยนต์ตั้งแต่ 7 ขวบ แต่จากข่าวที่ปรากฏที่เป็นคลิปต่างๆ จะเห็นว่า มีเด็กอายุ 4-5 ขวบขี่มอเตอร์ไซค์ด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่คนในสังคมมองเห็น แต่การจะเข้าไปเตือนเป็นเรื่องยาก เพราะอาจถูกหาว่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน กระทบกับความสัมพันธ์ หรือเห็นจนชิน หรือตัวเองก็ทำพฤติกรรมเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขทั้งหมดจะสูงขึ้นอีก 20-30% หากรวมกับฐานข้อมูลประกันภัยและตำรวจ
นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า ในมิติทางสังคมพ่อแม่ยังขาดอำนาจต่อรองกับลูก เห็นได้จากการซื้อรถจักรยานยนต์เป็นของขวัญวันเกิดหรือรางวัลเมื่อลูกสอบได้คะแนนดี จึงไม่กล้าขัดใจ โดยลูกมักจะต่อรองด้วยการขยันเรียน ทำเกรดเฉลี่ยดี สอบได้ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด มิเช่นนั้นจะไปเรียนไม่ทัน ขณะที่สภาพสังคมแวดล้อมในการโน้มน้าว คือ เพื่อนๆ ทุกคนก็มี เป็นต้น นอกจากนี้ การเข้าถึงมอเตอร์ไซค์ยังเป็นเรื่องง่าย เพราะราคาไม่แพงมาก ฟรีดาวน์ไม่ต้องจ่ายสด แม้จะติดเครดิตบูโรก็ซื้อได้ ขณะที่ค่ายรถจักรยานยนต์มีความพยายามโฆษณาส่งเสริมการขาย ซื้อง่ายขายคล่อง เน้นผลิตรถที่มีกำลังแรง และนำเสนอโปรโมชั่นสนับสนุนการขายต่างๆ โดยไม่กำหนดเงื่อนไขด้านความปลอดภัย
นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีกฎหมายที่ควบคุมวัยรุ่นในการขับขี่มอเตอร์ไซค์ คือ พ.ร.บ.รถยนต์ ในการเอาผิดเจ้าของรถที่ให้เด็กเอาไปขับขี่ พ.ร.บ. จราจรทางบก เรื่องใบขับขี่ โดยเด็กอายุ 15 ปี สามารถทำใบขับขี่ได้ แต่ต้องเป็นเครื่องที่ไม่เกิน 110 ซีซี แต่ปัญหาคือทุกวันนี้เครื่องขนาดดังกล่าวแทบไม่ผลิตแล้ว พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ในการเอาผิดพ่อแม่ที่ปล่อยให้ลูกตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงจากการขับมอเตอร์ไซค์ และกฎหมายของ คสช.ถ้าเด็กวัยรุ่นไปแว้นก็เอาผิดทั้งเจ้าของรถและผู้ปกครองด้วย อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอเรื่องการกำหนดอายุการซื้อมอเตอร์ไซค์นั้นเป็นไปได้ยาก เพราะสุดท้ายคนที่ซื้อก็คือผู้ปกครอง ดังนั้น ทางออกเรื่องนี้ คือ อาจต้องเพิ่มทางเลือกในการเดินทางเพื่อลดการใช้มอเตอร์ไซค์ เช่น รถประจำทาง รถรับส่งนักเรียนที่ปลอดภัย ขนส่งสาธารณะ จักรยาน หรือการแชร์รถไปกับผู้ปกครองคนอื่น นอกจากนี้ ยังต้องมีการสอบสวนสาเหตุการตายให้ชัดเจนว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงตายจากการใช้รถ เช่น ใช้รถขนาดกี่ซีซี ด้านพฤติกรรม ด้านยานพาหนะ (การดัดแปลงสภาพ) และนำผลที่ได้ไปดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบ เป็นต้น
นอกจากนี้ ชุมชน และโรงเรียนควรเข้ามาช่วยหนุนหลังพ่อแม่ในการต่อรองกับลูก เช่น โรงเรียน อาจทำข้อตกลงให้ชัดในเด็กที่จำเป็นต้องใช้มอเตอร์ไซค์มาโรงเรียน ว่าจะต้องมีใบขับขี่ มีหมวกกันน็อก ก็จะช่วยให้พ่อแม่มีข้ออ้างเป็นหลักในการต่อรองกับลูกได้ เป็นต้น ทำอย่างไรรถจะต้องมีอุปกรณ์ความปลอดภัยพร้อม เช่น ABS มีการเพิ่มเงื่อนไขความปลอดภัยต่างๆ ทั้งนี้ กรมขนส่งทางบกอยู่ระหว่างการออกกฎหมายใบขับขี่บิ๊กไบค์ เพื่อควบคุมคนซื้อบิ๊กไบค์จะต้องผ่านการอบรมและมีใบขับขี่ของบิ๊กไบค์ จึงจะซื้อละขับออกสู่ถนนได้ เหมือนกับใบขับขี่รถบรรทุก ซึ่งจะช่วยสกัดเด็กเข้าถึงบิ๊กไบค์ได้ และในอนาคตก็ค่อยๆ ขยายไปยังรถขนาดรองลงมา ซึ่งต้องรอดูว่ากฎหมายนี้จะออกมาเมื่อไร
นางกลีบจันทร์ สินสมุทร แม่ผู้สูญเสียลูกชายคนเล็กวัย 14 ปี หลังซื้อมอเตอร์ไซค์ให้เป็นของขวัญได้เพียง 7 วัน เล่าว่า ลูกชายรบเร้าให้ซื้อรถมือสองให้ โดยแลกเปลี่ยนกับการไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ในวันที่เกิดเหตุลูกชายได้ออกไปลองรถกับเพื่อนๆ บนถนนสี่เลน และด้วยทัศนวิสัยไม่ดี รถของน้องชนเข้ากับท้ายรถพ่วง ศีรษะกระแทกรถพ่วงอย่างรุนแรงจนเสียชีวิต ซึ่งร้อยเวรก็บอกว่า หากลูกสวมหมวกกันน็อกอาจไม่เสียชีวิต เพราะตามร่างกามีแค่แขนหัก ขาถลอกเท่านั้น แต่ที่ร้ายแรงคือบาดแผลที่ศีรษะ ตนจึงอยากบอกคนที่เป็นพ่อแม่ว่า การซื้อรถจักรยานยนต์ให้ลูกวัยเด็กเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม อยากให้ดูความสูญเสียของตนเป็นอุทาหรณ์ และขอฝากไปยังผู้ขับขี่คนอื่นๆ ว่าควรสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง แม้ระยะทางแค่ใกล้ๆก็ตาม ซึ่งในวันนั้นตำรวจบอกกับแม่ว่า หากน้องสวมใส่หมวกกันน็อก อาจจะไม่ถึงขั้นเสียชีวิต
นายปัณณวิชญ์ คงศิลป แกนนำเครือข่าย 2 ล้อ สีน้ำเงิน และสมาชิกบลูโซนไรเดอร์ กล่าวว่า โดยปกติแล้วคนขับบิ๊กไบค์มักอยู่ในวัยทำงาน มีวุฒิภาวะเพียงพอในการขับขี่และตัดสินใจ ปัจจุบันเด็กวัยรุ่นหันมาขับบิ๊กไบค์มากขึ้น ซึ่งตนมองว่ายังไม่ถึงเวลาหรือยังไม่เหมาะกับวัย เพราะรถมีความหนักมาก แค่ออกตัวก็ประมาณ 80-100 กม.ต่อชั่วโมงแล้ว และต้องมีอุปรณ์ป้องกันร่างกายพร้อม ทั้งเสื้อคลุม กางเกง รองเท้า หมวกกันน็อกที่ไม่ใช่หมวกทั่วไป ซึ่งราคาสูงมาก ขณะที่เด็กยังไม่พร้อมทั้งเงินและวุฒิภาวะในการขับขี่และตัดสินใจ ขาดความชำนาญ ไม่ระมัดระวัง ขาดทักษะที่ดีพอ ขาดการฝึกอบรม ที่สำคัญ ยังไม่มีใบอนุญาตขับขี่ นำบิ๊กไบค์ออกมาวิ่งบนท้องถนน ตนจึงขอเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อลดการสูญเสีย เช่น ออกกฎหมายบังคับว่าคนที่จะซื้อบิ๊กไบค์ขับควรมีอายุเท่าไร ต้องมีการอบรม มีใบขับขี่มาแล้ว ถึงจะซื้อได้ เป็นต้น ขณะเดียวกัน ผู้ปกครองควรรักลูกอย่างมีเหตุผล เพราะการซื้อรถจักรยานยนต์ให้เปรียบเสมือนการยื่นความเสี่ยงให้กับลูกไปแล้วครึ่งหนึ่ง
“ผมขอเสนอทางออกทางหนึ่งสำหรับผู้ปกครองว่า หากบุตรหลานอยู่ในวัยที่พร้อมในการใช้รถ ควรแนะนำให้เข้ารวมกลุ่มบิ๊กไบค์กับผู้ใหญ่ กลุ่มที่มีมาตรฐานเพียงพอ เพื่อให้พวกเขาเรียนรู้กฎระเบียบจากเพื่อนๆ พี่ๆ ในกลุ่ม เมื่อออกไปขี่ในชีวิตประจำวันก็จะมีความระมัดระวัง และชวนกันขับขี่รถไปทำกิจกรรมจิตอาสาตามที่ต่างๆ ได้ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมได้เห็นคุณค่าของตัวเอง ไม่สร้างปัญหาให้สังคม ซึ่งจุดนี้จะช่วยลดพฤติกรรมความคึกคะนองที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุในวัยรุ่นได้ เมื่อเขาได้เรียนรู้ ได้เสียสละ เขาจะคิดเป็นและเลือกเส้นทางที่ดีได้ด้วยตัวเอง” นายปัณณวิชญ์ กล่าว
MGRonline
ลุ้นออก กม.ใบขับขี่ “บิ๊กไบค์” สกัดวัยรุ่นเล่นรถใหญ่
เผยแพร่: 16 ต.ค. 2561 12:26 ปรับปรุง: 16 ต.ค. 2561 13:56 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
วัยโจ๋ตายจาก “มอเตอร์ไซค์” กว่า 2,510 คนต่อปี เทียบเท่า ร.ร.ขนาดใหญ่หายไปปีละโรง ห่วงลูกต่อรองเรียนดี สอบได้ ไม่ยุ่งยาเสพติด ทำพ่อแม่ใจอ่อนซื้อเป็นของขวัญมรณะ ลุ้นกฎหมายใบขับขี่บิ๊กไบค์ ช่วยสกัดเด็กวัยรุ่นเข้าถึง เสนอเพิ่มทางเลือกการเดินทาง ชุมชน โรงเรียนช่วยหนุนหลังพ่อแม่ต่อรองกับลูก
วันนี้ (16 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงแรมเอบีน่าเฮาส์ นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) กล่าวในงานเสวนา “มอไซค์วัยละอ่อน...ของขวัญหรือมัจจุราช” จัดโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ศวปถ. และเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต ว่า อุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของเด็กไทย จากข้อมูลใบมรณบัตรพบว่า แต่ละปีมีเด็กและเยาวชนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ย 2,510 ราย กว่า 80% เกิดจากรถจักรยานยนต์ จำนวนเทียบเท่ากับโรงเรียนขนาดใหญ่ 1 โรง ที่หายไปในแต่ละปี ทั้งนี้ กลุ่มอายุ 15-19 ปี เสียชีวิตสูงสุด เฉลี่ยปีละ 1,688 ราย จากการขับขี่เพื่อเดินทางไปโรงเรียน หรือในชีวิตประจำวัน พฤติกรรมเสี่ยง คือ ขับเร็ว ย้อนศร ไม่สวมหมวกนิรภัย และส่วนใหญ่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ส่วนกลุ่มอายุน้อยกว่า 15 ปี เฉลี่ยปีละ 822 ราย ที่น่าตกใจ คือ เด็กอายุน้อยที่สุด เริ่มขับขี่จักรยานยนต์ตั้งแต่ 7 ขวบ แต่จากข่าวที่ปรากฏที่เป็นคลิปต่างๆ จะเห็นว่า มีเด็กอายุ 4-5 ขวบขี่มอเตอร์ไซค์ด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่คนในสังคมมองเห็น แต่การจะเข้าไปเตือนเป็นเรื่องยาก เพราะอาจถูกหาว่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน กระทบกับความสัมพันธ์ หรือเห็นจนชิน หรือตัวเองก็ทำพฤติกรรมเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขทั้งหมดจะสูงขึ้นอีก 20-30% หากรวมกับฐานข้อมูลประกันภัยและตำรวจ
นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า ในมิติทางสังคมพ่อแม่ยังขาดอำนาจต่อรองกับลูก เห็นได้จากการซื้อรถจักรยานยนต์เป็นของขวัญวันเกิดหรือรางวัลเมื่อลูกสอบได้คะแนนดี จึงไม่กล้าขัดใจ โดยลูกมักจะต่อรองด้วยการขยันเรียน ทำเกรดเฉลี่ยดี สอบได้ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด มิเช่นนั้นจะไปเรียนไม่ทัน ขณะที่สภาพสังคมแวดล้อมในการโน้มน้าว คือ เพื่อนๆ ทุกคนก็มี เป็นต้น นอกจากนี้ การเข้าถึงมอเตอร์ไซค์ยังเป็นเรื่องง่าย เพราะราคาไม่แพงมาก ฟรีดาวน์ไม่ต้องจ่ายสด แม้จะติดเครดิตบูโรก็ซื้อได้ ขณะที่ค่ายรถจักรยานยนต์มีความพยายามโฆษณาส่งเสริมการขาย ซื้อง่ายขายคล่อง เน้นผลิตรถที่มีกำลังแรง และนำเสนอโปรโมชั่นสนับสนุนการขายต่างๆ โดยไม่กำหนดเงื่อนไขด้านความปลอดภัย
นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีกฎหมายที่ควบคุมวัยรุ่นในการขับขี่มอเตอร์ไซค์ คือ พ.ร.บ.รถยนต์ ในการเอาผิดเจ้าของรถที่ให้เด็กเอาไปขับขี่ พ.ร.บ. จราจรทางบก เรื่องใบขับขี่ โดยเด็กอายุ 15 ปี สามารถทำใบขับขี่ได้ แต่ต้องเป็นเครื่องที่ไม่เกิน 110 ซีซี แต่ปัญหาคือทุกวันนี้เครื่องขนาดดังกล่าวแทบไม่ผลิตแล้ว พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ในการเอาผิดพ่อแม่ที่ปล่อยให้ลูกตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงจากการขับมอเตอร์ไซค์ และกฎหมายของ คสช.ถ้าเด็กวัยรุ่นไปแว้นก็เอาผิดทั้งเจ้าของรถและผู้ปกครองด้วย อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอเรื่องการกำหนดอายุการซื้อมอเตอร์ไซค์นั้นเป็นไปได้ยาก เพราะสุดท้ายคนที่ซื้อก็คือผู้ปกครอง ดังนั้น ทางออกเรื่องนี้ คือ อาจต้องเพิ่มทางเลือกในการเดินทางเพื่อลดการใช้มอเตอร์ไซค์ เช่น รถประจำทาง รถรับส่งนักเรียนที่ปลอดภัย ขนส่งสาธารณะ จักรยาน หรือการแชร์รถไปกับผู้ปกครองคนอื่น นอกจากนี้ ยังต้องมีการสอบสวนสาเหตุการตายให้ชัดเจนว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงตายจากการใช้รถ เช่น ใช้รถขนาดกี่ซีซี ด้านพฤติกรรม ด้านยานพาหนะ (การดัดแปลงสภาพ) และนำผลที่ได้ไปดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบ เป็นต้น
นอกจากนี้ ชุมชน และโรงเรียนควรเข้ามาช่วยหนุนหลังพ่อแม่ในการต่อรองกับลูก เช่น โรงเรียน อาจทำข้อตกลงให้ชัดในเด็กที่จำเป็นต้องใช้มอเตอร์ไซค์มาโรงเรียน ว่าจะต้องมีใบขับขี่ มีหมวกกันน็อก ก็จะช่วยให้พ่อแม่มีข้ออ้างเป็นหลักในการต่อรองกับลูกได้ เป็นต้น ทำอย่างไรรถจะต้องมีอุปกรณ์ความปลอดภัยพร้อม เช่น ABS มีการเพิ่มเงื่อนไขความปลอดภัยต่างๆ ทั้งนี้ กรมขนส่งทางบกอยู่ระหว่างการออกกฎหมายใบขับขี่บิ๊กไบค์ เพื่อควบคุมคนซื้อบิ๊กไบค์จะต้องผ่านการอบรมและมีใบขับขี่ของบิ๊กไบค์ จึงจะซื้อละขับออกสู่ถนนได้ เหมือนกับใบขับขี่รถบรรทุก ซึ่งจะช่วยสกัดเด็กเข้าถึงบิ๊กไบค์ได้ และในอนาคตก็ค่อยๆ ขยายไปยังรถขนาดรองลงมา ซึ่งต้องรอดูว่ากฎหมายนี้จะออกมาเมื่อไร
นางกลีบจันทร์ สินสมุทร แม่ผู้สูญเสียลูกชายคนเล็กวัย 14 ปี หลังซื้อมอเตอร์ไซค์ให้เป็นของขวัญได้เพียง 7 วัน เล่าว่า ลูกชายรบเร้าให้ซื้อรถมือสองให้ โดยแลกเปลี่ยนกับการไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ในวันที่เกิดเหตุลูกชายได้ออกไปลองรถกับเพื่อนๆ บนถนนสี่เลน และด้วยทัศนวิสัยไม่ดี รถของน้องชนเข้ากับท้ายรถพ่วง ศีรษะกระแทกรถพ่วงอย่างรุนแรงจนเสียชีวิต ซึ่งร้อยเวรก็บอกว่า หากลูกสวมหมวกกันน็อกอาจไม่เสียชีวิต เพราะตามร่างกามีแค่แขนหัก ขาถลอกเท่านั้น แต่ที่ร้ายแรงคือบาดแผลที่ศีรษะ ตนจึงอยากบอกคนที่เป็นพ่อแม่ว่า การซื้อรถจักรยานยนต์ให้ลูกวัยเด็กเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม อยากให้ดูความสูญเสียของตนเป็นอุทาหรณ์ และขอฝากไปยังผู้ขับขี่คนอื่นๆ ว่าควรสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง แม้ระยะทางแค่ใกล้ๆก็ตาม ซึ่งในวันนั้นตำรวจบอกกับแม่ว่า หากน้องสวมใส่หมวกกันน็อก อาจจะไม่ถึงขั้นเสียชีวิต
นายปัณณวิชญ์ คงศิลป แกนนำเครือข่าย 2 ล้อ สีน้ำเงิน และสมาชิกบลูโซนไรเดอร์ กล่าวว่า โดยปกติแล้วคนขับบิ๊กไบค์มักอยู่ในวัยทำงาน มีวุฒิภาวะเพียงพอในการขับขี่และตัดสินใจ ปัจจุบันเด็กวัยรุ่นหันมาขับบิ๊กไบค์มากขึ้น ซึ่งตนมองว่ายังไม่ถึงเวลาหรือยังไม่เหมาะกับวัย เพราะรถมีความหนักมาก แค่ออกตัวก็ประมาณ 80-100 กม.ต่อชั่วโมงแล้ว และต้องมีอุปรณ์ป้องกันร่างกายพร้อม ทั้งเสื้อคลุม กางเกง รองเท้า หมวกกันน็อกที่ไม่ใช่หมวกทั่วไป ซึ่งราคาสูงมาก ขณะที่เด็กยังไม่พร้อมทั้งเงินและวุฒิภาวะในการขับขี่และตัดสินใจ ขาดความชำนาญ ไม่ระมัดระวัง ขาดทักษะที่ดีพอ ขาดการฝึกอบรม ที่สำคัญ ยังไม่มีใบอนุญาตขับขี่ นำบิ๊กไบค์ออกมาวิ่งบนท้องถนน ตนจึงขอเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อลดการสูญเสีย เช่น ออกกฎหมายบังคับว่าคนที่จะซื้อบิ๊กไบค์ขับควรมีอายุเท่าไร ต้องมีการอบรม มีใบขับขี่มาแล้ว ถึงจะซื้อได้ เป็นต้น ขณะเดียวกัน ผู้ปกครองควรรักลูกอย่างมีเหตุผล เพราะการซื้อรถจักรยานยนต์ให้เปรียบเสมือนการยื่นความเสี่ยงให้กับลูกไปแล้วครึ่งหนึ่ง
“ผมขอเสนอทางออกทางหนึ่งสำหรับผู้ปกครองว่า หากบุตรหลานอยู่ในวัยที่พร้อมในการใช้รถ ควรแนะนำให้เข้ารวมกลุ่มบิ๊กไบค์กับผู้ใหญ่ กลุ่มที่มีมาตรฐานเพียงพอ เพื่อให้พวกเขาเรียนรู้กฎระเบียบจากเพื่อนๆ พี่ๆ ในกลุ่ม เมื่อออกไปขี่ในชีวิตประจำวันก็จะมีความระมัดระวัง และชวนกันขับขี่รถไปทำกิจกรรมจิตอาสาตามที่ต่างๆ ได้ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมได้เห็นคุณค่าของตัวเอง ไม่สร้างปัญหาให้สังคม ซึ่งจุดนี้จะช่วยลดพฤติกรรมความคึกคะนองที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุในวัยรุ่นได้ เมื่อเขาได้เรียนรู้ ได้เสียสละ เขาจะคิดเป็นและเลือกเส้นทางที่ดีได้ด้วยตัวเอง” นายปัณณวิชญ์ กล่าว
MGRonline