สวัสดีทุกคนค่า กลับมาเจอกันอีกแล้วค่า วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวกันที่ จังหวัด ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง กันค่า เรียกว่าไปเที่ยวแบบฟิน ๆ แบบอิน ๆ กันที่ภาคกลางกันเลย

ซึ่งทริปนี้นะคะ เราได้รับการสนับสนุนจาก ppantip.com และ ททท. ค่า ต้องขอบคุณมาก ๆ เลยที่จัดทริปดี ๆ แบบนี้ขึ้นมาค่า

ฉะนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไปชมภาพสวย ๆ และบรรยากาศที่น่าประทับใจกันได้เลยจ้า

ต้องบอกก่อนว่าครั้งนี้ เรามากันใน concept นุ่งโจงห่มสไบค่ะ

โดยสถานที่แรกที่เราได้ไปกันก็คือจังหวัดลพบุรีค่า

ก็จะพลาด signature หลัก อย่าง พระปรางค์สามยอด ไปไม่ได้เลย

พระปรางค์สามยอด

ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าหิน อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ริมทางรถไฟใกล้กับศาลพระกาฬ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และแลนด์มาร์คสำคัญแห่งหนึ่งของลพบุรี มีลักษณะเป็นปราสาทขอม สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีโครงสร้างของปราสาททำจากศิลาแลงฉาบปูน เรียงต่อกัน 3 องค์ มีฉนวนทางเดินเชื่อมต่อกัน เรียกว่า มุขกระสัน ส่วนที่เป็นองค์พระปรางค์ มีรูปทรงสัณฐาน คล้ายกับฝักข้าวโพด ตั้งตรงขึ้นไปบนฐานรูป 4 เหลี่ยม ขนาดลดหลั่นซ้อนเทินขึ้นไป แต่เดิม ปราสาทประธาน (องค์กลาง) ประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรก ปราสาททิศใต้ (องค์ทางขวา) ประดิษฐานรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ปราสาททิศเหนือ (องค์ทางซ้าย) ประดิษฐานรูปนางปรัชญาปารมิตา สามารถมาเที่ยวได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 18.00 น.
มีความสวยงามมาก ๆ ค่ะ ตอนที่ไปเป็นช่วงเวลากลางวันค่ะ ก็อาจจะร้อน ๆ สักนิดน้า เตรียมหมวก หรือแว่นกันแดดไปก็ดีค่า แต่ก็ต้องระวังน้องลิงด้วยน้า เพราะว่าแต่ละตัวซนไม่เบาเลย ซึ่งแต่ละที่นั้นก็มีไกด์ที่คอยให้ความรู้กับพวกเราตลอดการเดินทางเลยค่ะ
มาฟังประวัติกันคร่าว ๆ น้า ศาลเจ้าพ่อพระกาฬ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ศาลสูง ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำลพบุรี บริเวณที่ราบย่านใจกลางเมืองเก่าลพบุรี ในเขตพื้นที่ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี อยู่ตรงข้ามกับพระปรางค์สามยอด เพียงแค่ข้ามถนนไปเท่านั้นเองค่า ไปไหว้พระขอพรหรือให้อาหารลิงก็ตามสะดวกเลยจ้า โบราณสถานศาลพระกาฬ ศาลเจ้าพ่อพระกาฬ หรือศาลสูงนั้น ประกอบด้วย 2 ส่วนสำคัญ คือ
ฐานพระปรางค์ ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของเทวสถานในศาสนาพราหมณ์ที่สร้างขึ้นภายใต้อิทธิพลขอมสมัยวัฒนธรรมลพบุรี ส่วนที่ 2 คือ ศาลเจ้าพ่อพระกาฬ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าฐานพระปรางค์ศิลาแลง ศาลหลังนี้ถูกสร้างทับบนซากอาคารเก่าตั้งแต่ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ค่า
อิ่มบุญอิ่มใจกันไปแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางเข้าไปฟังสัมมนาจาก คุณบอย Pantip และคุณกิจจา (หัวหน้าฝ่ายเครื่องแต่งกายจากละครบุพเพสันนิวาสค่ะ)
ได้รับความรู้ทั้งเรื่องการเขียนรีวิวและการแต่งกายแบบไทยไปเพียบเลยค่ะ ในปัจจุบันนี้เราสามารถแต่งกายกันด้วยผ้าไทยได้ง่ายขึ้นมาก ๆ ค่ะ เพราะมีทั้งกระแสละครต่าง และผู้คนหันมาให้ความสนใจในความเป็นไทยมากยิ่งขึ้นค่ะ

หลังจากนั้นเราก็ไปรับประทานอาหารกลางวันกันที่ ร้านฉัตรนารา ค่ะ มีเมนูอาหารหลากหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งไข่เจียว หลนปู ปลาทอดน้ำปลา และเมนูอื่น ๆ อีกมากมายเลย

ซึ่งต้องบอกเลยว่ามีจุดต่าง ๆ ให้เราได้ไปศึกษา ประวัติความเป็นมากันอย่างมากมาย ได้เห็นโบราณวัตถุต่าง ๆ ทั้งพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ที่มีลักษณะเฉพาะตัว และมีความคล้ายคลึงและความต่างสำหรับแต่ละยุคแต่ละสมัยค่ะ รวมถึงโบราณวัตถุอย่างพวกอุปกรณ์สำหรับการต่อสู้ เช่น หอก หรือ ปืน ในสมัยก่อนก็มีให้ชมกันด้วยน้า
 
ตรงนี้หากใครที่จำฉากในละครบุพเพสันนิวาสได้ ตรงนี้จะคล้ายกับในฉากที่เชอวาลิเยร์ เดอ โชมองต์ คณะฑูตฝรั่งเศสคณะที่ 1 ที่เข้ามาถวายพระราชสาส์น แด่สมเด็จพระนารายร์มหาราช ค่ะ ถือเป็นฉากที่มีความน่าสนใจอีกฉากหนึ่งของละครเรื่องนี้เลยค่ะ