"เดาเก่งนะคะ คุณวันชนะ" คุณหมอและ ศ.จ.สาวกล่าว "บังเอิญจริงๆ ที่ดิฉันเองก็มีป้ายชื่อของตัวเองติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่ไม่รู้ว่าพ่อแม่คือใครเหมือนกัน แต่อย่าเพิ่งมั่นใจฟันธงว่าดิฉันคือเด็กหญิงรัชนีคนที่เห็นในคลิปนั่น คนเราชื่อซ้ำกันได้ค่ะ และการที่ใครจะมีป้ายชื่อติดตัวมาตั้งแต่เด็กก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ใครๆ ก็อาจจะมีได้ทั้งนั้น!"
"ครับ จริงอย่างที่คุณว่า" กัปตันวันชนะพยักหน้าตอบด้วยความใจเย็น แล้วถามคำถามที่จะเปิดช่องให้หล่อนยอมรับความจริง "ถ้าคุณจะยอมรับว่า คุณคือเด็กหญิงคนนั้น คุณก็คงต้องการหลักฐานที่แน่นอนชนิดที่คุณเองก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้.."
"แน่นอนค่ะ!" รัชนีตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"คุณต้องการ หลักฐานแบบไหนครับ ?"
"ก็คงมีแต่ พิสูจน์ ดีเอ็นเอ ระหว่างของดิฉัน กับของคนที่เป็นพ่อแม่ของดิฉัน อย่างเดียวเท่านั้นแหละค่ะ ถ้าทั้งสองคนยังอยู่ หรือถ้าทั้งสองไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้แล้ว ก็เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากศพของพวกเขามา"
"ผมก็คิดเหมือนอย่างที่คุณคิดครับ" กัปตันกล่าวแล้วหันไปหาแอนดี้
"แอนดี้ นายไปหาข้อมูลจากบ้านรุ่งสุริยามาแล้วหรือยัง ?"
"ได้มาแล้วครับผม" แอนดรอยด์อัจฉริยะพยักหน้าพลางยกกล่องโลหะขนาดประมาณซองบุหรี่กล่องหนึ่งขึ้นมาโชว์
"ในนั้น มีอะไรอะ ?" รัชนีถาม และเริ่มรู้สึกหวั่นใจ
"ตัวอย่างเนื้อเยื่อและเลือด จากศพของผู้เสียชีวิตครับ" แอนดี้ตอบ
"จากบ้านรุ่งสุริยาเหรอ ?"
"ใช่ครับผม"
"เธอ...ไปเอามาได้ยังไง ? ที่นั่นมีการคุ้มกันแน่นหนา และของอย่างนั้น ต้องเข้าไปเอาในห้องแล็ปเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่ทำงานที่นั่นจะเข้าไปได้ ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของทางการเท่านั้น" รัชนีถามด้วยความสงสัยและทึ่ง ทั้งหวั่นวิตกมากขึ้นว่าตนเองกำลังจะได้รับรู้ความจริงที่ไม่อยากจะรับรู้!
"แอนดี้สามารถพรางตัวล่องหนได้ครับ" กัปตันให้คำตอบ "ดังนั้น เขาสามารถเข้าไปในสถานที่ไหนก็ได้โดยไม่ให้ใครพบเห็น"
"ถึงอย่างนั้น ประตูเข้าห้องแล็ป ก็ต้องมีรหัสลับ" หล่อนพยายามโต้แย้งจนถึงที่สุด
"นั่นยิ่งไม่มีปัญหาใหญ่เลยครับ เพราะแอนดี้ สามารถสแกนหารหัสลับต่างๆ ได้มากมาย หากจำนวนตัวเลขและจำนวนอักขระรวมกันไม่เกิน 20 ตัว เขาจะหาพบได้ภายในเวลาไม่เกินสามนาที!" กัปตันพูดยิ้มๆ และแอนดี้ก็ยิ้มตามเจ้านาย สมาชิกคนอื่นๆในยานก็เช่นเดียวกัน
ยกเว้น สาวน้อยแอนนา...ซึ่งยืนนิ่ง สีหน้าเรียบเฉย จ้องมองหน้ารัชนีตาไม่กะพริบ
แต่เจ้าตัวไม่ทันสังเกตเห็น เพราะกำลังสนใจ "กล่องไขปริศนา" ในมือของแอนดี้อยู่
"เอาละ!" หล่อนเอ่ยขึ้น "มาเปิดดูกันเลย ว่ามันจะใช่มากน้อยแค่ไหน ผิดนัก ดิฉันก็จะเจาะเลือดตัวเองตรวจดีเอ็นเอสดๆ ตรงนี้เลย! ให้รู้กันไป!!"
"ได้เลยครับผม" แอนดี้พยักหน้าแล้วกดปุ่มๆหนึ่งบนกล่องโลหะดังต๊อด มีช่องใส่รหัสลับอยู่บนกล่องนั้นด้วย แต่ไม่เป็นปัญหาเพราะเขาแกะรหัสมาก่อนได้แล้ว จึงเพียงกดตัวเลขและอักขระซึ่งเป็นรหัสป้อนลงไป จากนั้น ทุกคนได้ยินเสียงดัง ตี๊ดด...แล้งฝากล่องก็ค่อยๆ ยกตัวเปิดขึ้นโดยมีขา 4 ขายึดอยู่ทั้ง 4 มุม ไอเย็นโชยออกมาจากภายในกล่อง ข้างในมีตลับสี่เหลี่ยมจัตุรัสโปร่งใสขนาดเล็กประมาณนิ้วหัวแม่มือ 2 ตลับ และไมโครชิพบันทึกข้อมูลอันหนึ่งวางอยู่ระหว่างกลาง
แอนดี้วางกล่องนั้นบนโต๊ะยาว ข้างหน้าของรัชนี
"คุณคงต้องการ อุปกรณ์ตรวจสอบ" กัปตันเอ่ยถามขณะที่หญิงสาวหยิบตลับใสสองอันนั้นออกมาดู
"ค่ะ!" หล่อนพยักหน้าตอบโดยไม่มองผู้ถาม ได้แต่จ้องมองของสองสิ่งนั้นในมือ
"แอนดี้ เอาเครื่องมือให้คุณรัชนีหน่อยซิ"
"ครับ เจ้านาย"
แอนดี้รับคำสั่ง แล้วแหงนหน้าขึ้นมองเพดานห้อง ส่งคลื่นสัญญาณเชื่อมต่อตนเองกับยานในลักษณะเดียวกันกับระบบ "บลูทูธ" ซึ่งนิยมใช้กันมากในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ถึงกลางศตวรรษที่ 21 แต่เป็นระบบซึ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่ามากเพราะสัญญาณไปได้กว้างไกลมากกว่าเป็นร้อยเท่า ครอบคลุมยาน THE FUGITIVE ทั้งลำ!
ไม่กี่วินาที เพดานข้างบนก็เปิดออกเป็นช่องวงกลม อุปกรณ์วิทยาศาสตร์สุดไฮเทคชุดหนึ่งยื่นลงมา มีทั้งแว่นตาซึ่งติดกล้องจุลทรรศซูมละเอียดถึงขั้นชมดูรายละเอียดของสสารลึกเข้าไปถึงภายในอะตอมหรือนิวเคลียส และอุปกรณ์จุกจิกอีกมากมายอย่างที่ ศ.จ.สาวไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต!
"โหยย......อะไรกันเนี่ย ดิฉันไม่คุ้นเคยกับแอุปกรณ์แบบนี้เลย" รัชนีทำตาโต "ว้าว! ฝีมือคุณล้วนๆเลยเหรอคะ คุณวันชนะ ?" หล่อนถามแล้วเงยหน้าขึ้นมามองกัปตันด้วยความรู้สึกทั้งทึ่งและพิศวง
"ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกครับ" กัปตันส่ายหน้าปฏิเสธยิ้มๆ "มีเทคโนโลยีจากต่างดาวด้วยครับผม"
"เทคโนโลยี จากต่างดาว!!?"
"ใช่ครับผม"
"หมายความว่า พวกคุณ ติดต่อกับเอเลี่ยนได้ ?"
"ใช่ครับ"
รัชนีทำหน้าเหรอหรา มองซ้ายมองขวา "เอ้อ...ในหมู่พวกคุณตอนนี้ มีเอเลี่ยนอยู่ด้วยไหมอะ ?"
"มีค่ะ!" เอ็มม่าตอบแทนสามี ทำให้ ศ.จ.สาวหันไปมอง แล้วก็อ้าปากหวอค้าง ตาเบิกโพลงเมื่อได้ยินคำพูดต่อไปจากคุณแม่ต่างดาว "ดิฉันเอง!!"
รัชนีมองหน้าสามีของกัปตันวันชนะราวกับเห็นผี
"ว้าว !!!" หล่อนอุทาน "ค..คุณ เอ็มม่า"
"ค่ะ!"
"คุณ...เป็น เอเลี่ยน ที่สวยมากเลยนะคะ!"
คุณแม่ต่างดาวยิ้มก่อนจะบอกความจริง "ขอบคุณค่ะคุณรัชนี แต่ที่จริง ร่างที่คุณเห็นอยู่ในตอนนี้ ไม่ใช่ร่างจริงของดิฉันหรอกค่ะ เป็นร่างแปลง เพื่อความสะดวกสบายในการอยู่บนโลกนี้"
"ร่างแปลง!!!" รัชนีร้องออกมาเกือบจะเป็นกรี๊ด "คุณ แปลงร่าง ได้ด้วยหรือคะ ?"
"ได้ค่ะ ลูกสาวของดิฉันก็ทำได้!" เอ็มม่าตอบพลางดึงตัวสาวน้อยแอนนาเข้ามากอดแนบตัว
"ลูกสาวของคุณ ซึ่ง...เกิดจากคุณ กับ คุณวันชนะ เหรอคะ ?"
"ใช่ค่ะ"
"มายก็อด!" รัชนีอุทานเสียงดัง "คุณ...ทำการผสมข้ามสายพันธุ์ได้สำเร็จ อะเมซซิ่งมาก!!"
"ขอบคุณค่ะ!" สองแม่ลูกตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย แล้วพากันหัวเราะคิกคักกันทั้งคู่เพราะรู้สึกขำกับท่าทางเด๋อด๋าของรัชนี
"โอเคค่ะ โอเคๆๆ..." ศ.จ.สาวโบกไม้โบกมือ แล้วหันมาหาแอนดี้ "อ่า...แอนดี้ ใช่ไหมชื่อเธอ ?"
"ครับผม"
"เธอ..ช่วยแนะนำฉันหน่อยนะ กับการใช้เครื่องมือพวกนี้น่ะ ตอนนี้ ฉันไปไม่เป็นเลย ไม่รู้จะหยิบอะไรก่อนอะไรหลัง"
"ได้ครับผม"
แอนดี้เริ่มการแนะนำอุปกรณ์และสอนการใช้งาน จนรัชนีสามารถเริ่มการตรวจสอบ เปิดตลับใสบรรจุตัวอย่างเนื้อเยื่อและเลือดออก แล้วสอดเข้าไปในระหว่างอุปกรณ์ด้านบนและด้านล่าง แอนดี้ช่วยสวมแว่นติดกล้องให้หล่อนพลางบอก "ถ้าต้องการซูมเข้า ก็ใช้นิ้วแตะกรอบแว่นด้านขวานะครับ แตะไปเรื่อยๆจนได้ระดับความใกล้ความลึกที่ต้องการ"
"โอเคจ้ะ" หล่อนพยักหน้าหงึกแล้วเริ่มทำตาม ตลับใสอันแรกที่หล่อนกำลังดูอยู่เป็นตลับเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อจากบุคคลสามคน วางไว้สามจุด มองจากกล้องจึงเห็นชื่อกำกับ จุดแรกบนสุด ของคนชื่อปรีชา จุดที่สองตรงกลาง เป็นของผู้หญิงชื่อรัชนู...และจุดที่สามข้างล่าง เป็นของ รัชนี !
จะใช่เราหรือเปล่านี่ ? หล่อนนึกด้วยความตื่นเต้น...
แพทย์หญิงและ ร.ศ.สาว พิจารณาต่อไป มองดูโครงสร้าง รูปแบบต่างๆ เปรียบเทียบกัน....
แล้วก็ได้พบว่า ดีเอ็นเอของบุคคลที่สามข้างล่าง มีส่วนผสมระหว่างบุคคลที่หนึ่งและที่สองซึ่งอยู่ข้างบน!
และในขณะที่หล่อนกำลังตรวจดูอยู่อย่างละเอียดถี่ถ้วนนั้น ภาพขยายจากกล้องอุปกรณ์ก็ถูกส่งขึ้นจอมอนิเตอร์ให้ทุกคนได้เห็นพร้อมกันด้วย!
รัชนีเงยหน้าขึ้น ถอดแว่นอุปกรณ์ออก หันไปมองหน้ากัปตันวันชนะ แอนดี้ สถาพรผู้เป็นพี่ชาย และคนอื่นๆ อย่างตื่นตะลึง เหลือบตาดูจอมอนิเตอร์ใหญ่ก็แลเห็นภาพใหญ่เบ้อเริ่มขึ้นเต็มจอ อดสะท้อนใจไม่ได้เมื่ออ่านชื่อ ปรีชา...รัชนู...รัชนี...
หล่อนเม้มปาก กัดฟันสวมแว่นอุปกรณ์อีกครั้ง เปลี่ยนไปดูตลับที่สองซึ่งเก็บตัวอย่างเลือด
"ขอดูอีกตลับหนึ่งซิ!!"
รัชนีใช้เวลาพิจารณาดูอยู่ประมาณสามนาที ก็เงยหน้าขึ้น ถอดแว่นอุปกรณ์ออกอีกครั้ง มองหน้ากัปตันวันชนะ จ้องตาเขม็ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเครียด
"ดิฉันมองเห็น ตัวอย่างเนื้อเยื่อ และตัวอย่างเลือด ของบุคคลสามคน จากประสบการณ์ของดิฉัน บอกได้เลยว่า สามคนนั่น เป็นพ่อแม่ลูกกัน แน่นอน!"
"อื่อฮึ! แล้วไงครับ ?" กัปตันพยักหน้าสองสามทีแล้วถาม
แพทย์หญิงและ ศ.จ.สาว ทำหน้าตาท่าทางขึงขัง เห็นได้ชัดว่าหล่อนกำลังเครียดหนัก "ดิฉัน...จะเอาเลือดสดๆ ของดิฉันเอง เปรียบเทียบกับสามคนนั่นอีกครั้ง โดยเฉพาะกับคนที่ชื่อ รัชนี!" พูดจบ หล่อนก็ชักมีดเล่มเล็กๆ ซึ่งบรรจุอยู่ในฝักโลหะมันวาวออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
"อู้ยย....นั่น มีดหมอใช่ไหมครับนั่น ระวังหน่อยนะครับ" กัปตันวันชนะเตือน
"ดิฉันเป็นหมอด้วยนะคะอย่าลืม ไม่ต้องห่วงค่ะ"
"อ่า...ครับผม ขอโทษทีครับ" กัปตันยกมือกุมศีรษะแก้เขิน แล้วถามต่อ "ถ้าผลออกมา ตรงกันหมดล่ะครับ คุณจะว่าไง ?" ถามเสร็จ จ้องหน้าหล่อนเขม็งตาแทบไม่กะพริบ
"ถ้าตรงกันหมดทุกอย่าง ดิฉันก็ต้องยอมรับความจริงละค่ะ ดิฉันไม่ใช่คนดื้อด้านไร้เหตุผล!!" หล่อนพูดเน้นทุกคำ "แต่มีข้อแม้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องตรงกัน สอดคล้องกันหมด ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มนะคะ!! ถ้าขาดไป หรือต่างกันแม้เพียงเศษเสี้ยวของ 0.001 เปอร์เซ็นต์ ดิฉันไม่อาจจะยอมรับได้ค่ะ!!!"
เกือบทุกคนเงียบกริบหลังได้ยินคำนั้น...แต่มีคนหนึ่ง เผลออุทานออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่รอดพ้นจากโสตสัมผัสของ ศ.จ.สาว
"อื้อ...ฮืมม..."
หล่อนหันขวับไปยังที่มาของเสียงทันที ปรากฏว่า เจ้าของเสียงนั้นคือ เอก อดีตมหาเปรียญ ซึ่งพอรู้ตัวว่าเผลออุทานก็รีบเอามือปิดปากตัวเอง
"ทำไมคะ คุณ ?" น้องสาวซึ่งสถาพรตั้งฉายาให้ว่า "แม่เสือ" แหวใส่ทันที
มหาเอกสะดุ้งเฮือก รีบยกมือขอโทษขอโพย "ปะ เปล่าครับผม ไม่มีอะไรหรอกครับ"
"ไม่มีอะไร แล้วทำไมถึงร้องออกมายังงั้นคะ ?"
"เอาแล้ว...คู่กัดเริ่มปะทะกันแล้ว ฮิๆ" สาวจอยกระซิบกระซาบกับสาวเล็กเบาๆ
"อ่า..." เอกรีบคิดหาคำแก้ตัวอย่างรีบด่วน " คือ...ผม รู้สึกทึ่งในความ...เอ่อ...หนักแน่น ของคุณน่ะครับ ขออภัยครับที่เผลออุทานออกมาเมื่อกี้นี้"
รัชนีจ้องมองหน้าอดีตมหาเปรียญอย่างพินิจพิเคราะห์ แต่ด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลฟังระรื่นหูของเขา ทำให้หล่อนคลายความรู้สึกปรี๊ดซึ่งทำท่าจะแตกลงไปได้อย่างที่ตัวเองก็รู้สึกแปลกใจ แต่ก็ยังปั้นสีหน้าและน้ำเสียงเข้มๆ ดุๆ โต้ตอบเขาไป
"จะว่าดิฉันหัวดื้อหัวรั้น ก็ว่ามาตรงๆ เหอะ! ไม่ต้องมาตบแต่งคำพูดให้ฟังดูดี!!"
"มิบังอาจครับผม!" เอกตอบสวนกลับทันที "ผมคิดอย่างที่ผมพูดออกมานั่น จริงๆครับ เพียงแต่..."
"เพียงแต่อะไรคะ ?" ตั้งใจจะขึ้นเสียงสูงและดัง แต่พอได้ยินเสียงพูดนุ่มๆ ของเขาแล้วกลับพูดไม่ได้อย่างที่ใจคิด ถึงกระนั้นก็ยังพูดเสียงแข็งกระด้าง
"เพียงแต่ ผมพูดไม่เก่งครับ ก็เลยต้องเสียเวลาคิดหน่อย ก่อนจะพูดอะไรออกไปครับผม"
หมั่นไส้!! เกือบจะหลุดคำนี้ออกไปแล้วทีเดียว แต่รั้งปากตัวเองไว้ได้ เม้มปากพลางค้อนให้เขาครึ่งวง
แล้วก็ต้องมาสงสัยตัวเอง มาใส่ใจอะไรกับอีตาหนิมๆ คนนี้ด้วยเล่า !! เสียเวล่ำเวลา !!!
"อืม...งั้นก็แล้วไปค่ะ!!" รัชนีตัดบท แล้วหันไปหาแอนดี้ "ฉันจะกรีดนิ้วมือของฉันนิดหนึ่งเพื่อเอาเลือดออกมาตรวจ จะให้เลือดหยดลงตรงไหน ?"
แอนดี้กดปุ่มเลื่อนแผ่นกระจกสี่เหลี่ยมใต้เลนส์ของกล้องออกมาให้หล่อน ในขณะที่มหาเอกลอบเป่าปากด้วยความโล่งอก พอเหลือบแลไปเห็นสาวเล็กสาวจอยแอบซุบซิบกันและหัวเราะคิกคักพลางมองมาที่ตนเป็นระยะๆ ก็ต้องยิ้มแหยๆ และส่ายหัว เดินเข้าไปหาแล้วกระซิบบอก
"พวกคุณสองคนนี่ จะอะไรกันนักหนากะผมเนี่ยห๊ะ! ระวังนะครับ เดี๋ยวเค้าเห็นท่าทางพวกคุณเข้า จะโดนมิใช่น้อย น่ากลัวนา!" พูดจบแล้วแยกเขี้ยวทำท่าหวาดสยอง ทำให้สองสาวพากันขำมากขึ้นไปอีก
"พี่เอก...เค้าเริ่มสนใจพี่แล้วละค่ะ!" สาวจอยกระซิบตอบ
"ว่าไปเรื่อย!" เอกกระซิบดังขึ้นนิดหนึ่ง
"ชู่ว์ว์ว์......" สาวเล็กยกนิ้วชี้ขึ้นมาพาดขวางริมฝีปากและพ่นลมเบาๆ "อย่าเอ็ดไปค่ะพี่เอก มานี่มาๆ" ว่าแล้วก็จูงมือเขาเดินออกไปจากห้องประชุมพร้อมกับสาวจอยเดินตามหลังไปติดๆ
เอ็มม่ามองเห็นเช่นนั้นเข้าก็ยิ้ม สะกิดเอวาซึ่งยืนอยู่ข้างๆสถาพรให้ออกไปด้วยกัน "เอวา เราไปฟังเรื่องสนุกๆกันข้างนอกหน่อยไหมจ๊ะ ?"
"เรื่องอะไรหรือคะ ?" สาวผู้พ้นจากเมืองคนบาปจากอดีตกาลหันมาถามอย่างใสซื่อ
(ต่อครับ)
💫🕛💫 "หลงกาล" Episode-50 : ภาคอวสาน ตอนที่ 7 💫🕛💫
"ครับ จริงอย่างที่คุณว่า" กัปตันวันชนะพยักหน้าตอบด้วยความใจเย็น แล้วถามคำถามที่จะเปิดช่องให้หล่อนยอมรับความจริง "ถ้าคุณจะยอมรับว่า คุณคือเด็กหญิงคนนั้น คุณก็คงต้องการหลักฐานที่แน่นอนชนิดที่คุณเองก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้.."
"แน่นอนค่ะ!" รัชนีตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"คุณต้องการ หลักฐานแบบไหนครับ ?"
"ก็คงมีแต่ พิสูจน์ ดีเอ็นเอ ระหว่างของดิฉัน กับของคนที่เป็นพ่อแม่ของดิฉัน อย่างเดียวเท่านั้นแหละค่ะ ถ้าทั้งสองคนยังอยู่ หรือถ้าทั้งสองไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้แล้ว ก็เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากศพของพวกเขามา"
"ผมก็คิดเหมือนอย่างที่คุณคิดครับ" กัปตันกล่าวแล้วหันไปหาแอนดี้
"แอนดี้ นายไปหาข้อมูลจากบ้านรุ่งสุริยามาแล้วหรือยัง ?"
"ได้มาแล้วครับผม" แอนดรอยด์อัจฉริยะพยักหน้าพลางยกกล่องโลหะขนาดประมาณซองบุหรี่กล่องหนึ่งขึ้นมาโชว์
"ในนั้น มีอะไรอะ ?" รัชนีถาม และเริ่มรู้สึกหวั่นใจ
"ตัวอย่างเนื้อเยื่อและเลือด จากศพของผู้เสียชีวิตครับ" แอนดี้ตอบ
"จากบ้านรุ่งสุริยาเหรอ ?"
"ใช่ครับผม"
"เธอ...ไปเอามาได้ยังไง ? ที่นั่นมีการคุ้มกันแน่นหนา และของอย่างนั้น ต้องเข้าไปเอาในห้องแล็ปเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่ทำงานที่นั่นจะเข้าไปได้ ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของทางการเท่านั้น" รัชนีถามด้วยความสงสัยและทึ่ง ทั้งหวั่นวิตกมากขึ้นว่าตนเองกำลังจะได้รับรู้ความจริงที่ไม่อยากจะรับรู้!
"แอนดี้สามารถพรางตัวล่องหนได้ครับ" กัปตันให้คำตอบ "ดังนั้น เขาสามารถเข้าไปในสถานที่ไหนก็ได้โดยไม่ให้ใครพบเห็น"
"ถึงอย่างนั้น ประตูเข้าห้องแล็ป ก็ต้องมีรหัสลับ" หล่อนพยายามโต้แย้งจนถึงที่สุด
"นั่นยิ่งไม่มีปัญหาใหญ่เลยครับ เพราะแอนดี้ สามารถสแกนหารหัสลับต่างๆ ได้มากมาย หากจำนวนตัวเลขและจำนวนอักขระรวมกันไม่เกิน 20 ตัว เขาจะหาพบได้ภายในเวลาไม่เกินสามนาที!" กัปตันพูดยิ้มๆ และแอนดี้ก็ยิ้มตามเจ้านาย สมาชิกคนอื่นๆในยานก็เช่นเดียวกัน
ยกเว้น สาวน้อยแอนนา...ซึ่งยืนนิ่ง สีหน้าเรียบเฉย จ้องมองหน้ารัชนีตาไม่กะพริบ
แต่เจ้าตัวไม่ทันสังเกตเห็น เพราะกำลังสนใจ "กล่องไขปริศนา" ในมือของแอนดี้อยู่
"เอาละ!" หล่อนเอ่ยขึ้น "มาเปิดดูกันเลย ว่ามันจะใช่มากน้อยแค่ไหน ผิดนัก ดิฉันก็จะเจาะเลือดตัวเองตรวจดีเอ็นเอสดๆ ตรงนี้เลย! ให้รู้กันไป!!"
"ได้เลยครับผม" แอนดี้พยักหน้าแล้วกดปุ่มๆหนึ่งบนกล่องโลหะดังต๊อด มีช่องใส่รหัสลับอยู่บนกล่องนั้นด้วย แต่ไม่เป็นปัญหาเพราะเขาแกะรหัสมาก่อนได้แล้ว จึงเพียงกดตัวเลขและอักขระซึ่งเป็นรหัสป้อนลงไป จากนั้น ทุกคนได้ยินเสียงดัง ตี๊ดด...แล้งฝากล่องก็ค่อยๆ ยกตัวเปิดขึ้นโดยมีขา 4 ขายึดอยู่ทั้ง 4 มุม ไอเย็นโชยออกมาจากภายในกล่อง ข้างในมีตลับสี่เหลี่ยมจัตุรัสโปร่งใสขนาดเล็กประมาณนิ้วหัวแม่มือ 2 ตลับ และไมโครชิพบันทึกข้อมูลอันหนึ่งวางอยู่ระหว่างกลาง
แอนดี้วางกล่องนั้นบนโต๊ะยาว ข้างหน้าของรัชนี
"คุณคงต้องการ อุปกรณ์ตรวจสอบ" กัปตันเอ่ยถามขณะที่หญิงสาวหยิบตลับใสสองอันนั้นออกมาดู
"ค่ะ!" หล่อนพยักหน้าตอบโดยไม่มองผู้ถาม ได้แต่จ้องมองของสองสิ่งนั้นในมือ
"แอนดี้ เอาเครื่องมือให้คุณรัชนีหน่อยซิ"
"ครับ เจ้านาย"
แอนดี้รับคำสั่ง แล้วแหงนหน้าขึ้นมองเพดานห้อง ส่งคลื่นสัญญาณเชื่อมต่อตนเองกับยานในลักษณะเดียวกันกับระบบ "บลูทูธ" ซึ่งนิยมใช้กันมากในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ถึงกลางศตวรรษที่ 21 แต่เป็นระบบซึ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่ามากเพราะสัญญาณไปได้กว้างไกลมากกว่าเป็นร้อยเท่า ครอบคลุมยาน THE FUGITIVE ทั้งลำ!
ไม่กี่วินาที เพดานข้างบนก็เปิดออกเป็นช่องวงกลม อุปกรณ์วิทยาศาสตร์สุดไฮเทคชุดหนึ่งยื่นลงมา มีทั้งแว่นตาซึ่งติดกล้องจุลทรรศซูมละเอียดถึงขั้นชมดูรายละเอียดของสสารลึกเข้าไปถึงภายในอะตอมหรือนิวเคลียส และอุปกรณ์จุกจิกอีกมากมายอย่างที่ ศ.จ.สาวไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต!
"โหยย......อะไรกันเนี่ย ดิฉันไม่คุ้นเคยกับแอุปกรณ์แบบนี้เลย" รัชนีทำตาโต "ว้าว! ฝีมือคุณล้วนๆเลยเหรอคะ คุณวันชนะ ?" หล่อนถามแล้วเงยหน้าขึ้นมามองกัปตันด้วยความรู้สึกทั้งทึ่งและพิศวง
"ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกครับ" กัปตันส่ายหน้าปฏิเสธยิ้มๆ "มีเทคโนโลยีจากต่างดาวด้วยครับผม"
"เทคโนโลยี จากต่างดาว!!?"
"ใช่ครับผม"
"หมายความว่า พวกคุณ ติดต่อกับเอเลี่ยนได้ ?"
"ใช่ครับ"
รัชนีทำหน้าเหรอหรา มองซ้ายมองขวา "เอ้อ...ในหมู่พวกคุณตอนนี้ มีเอเลี่ยนอยู่ด้วยไหมอะ ?"
"มีค่ะ!" เอ็มม่าตอบแทนสามี ทำให้ ศ.จ.สาวหันไปมอง แล้วก็อ้าปากหวอค้าง ตาเบิกโพลงเมื่อได้ยินคำพูดต่อไปจากคุณแม่ต่างดาว "ดิฉันเอง!!"
รัชนีมองหน้าสามีของกัปตันวันชนะราวกับเห็นผี
"ว้าว !!!" หล่อนอุทาน "ค..คุณ เอ็มม่า"
"ค่ะ!"
"คุณ...เป็น เอเลี่ยน ที่สวยมากเลยนะคะ!"
คุณแม่ต่างดาวยิ้มก่อนจะบอกความจริง "ขอบคุณค่ะคุณรัชนี แต่ที่จริง ร่างที่คุณเห็นอยู่ในตอนนี้ ไม่ใช่ร่างจริงของดิฉันหรอกค่ะ เป็นร่างแปลง เพื่อความสะดวกสบายในการอยู่บนโลกนี้"
"ร่างแปลง!!!" รัชนีร้องออกมาเกือบจะเป็นกรี๊ด "คุณ แปลงร่าง ได้ด้วยหรือคะ ?"
"ได้ค่ะ ลูกสาวของดิฉันก็ทำได้!" เอ็มม่าตอบพลางดึงตัวสาวน้อยแอนนาเข้ามากอดแนบตัว
"ลูกสาวของคุณ ซึ่ง...เกิดจากคุณ กับ คุณวันชนะ เหรอคะ ?"
"ใช่ค่ะ"
"มายก็อด!" รัชนีอุทานเสียงดัง "คุณ...ทำการผสมข้ามสายพันธุ์ได้สำเร็จ อะเมซซิ่งมาก!!"
"ขอบคุณค่ะ!" สองแม่ลูกตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย แล้วพากันหัวเราะคิกคักกันทั้งคู่เพราะรู้สึกขำกับท่าทางเด๋อด๋าของรัชนี
"โอเคค่ะ โอเคๆๆ..." ศ.จ.สาวโบกไม้โบกมือ แล้วหันมาหาแอนดี้ "อ่า...แอนดี้ ใช่ไหมชื่อเธอ ?"
"ครับผม"
"เธอ..ช่วยแนะนำฉันหน่อยนะ กับการใช้เครื่องมือพวกนี้น่ะ ตอนนี้ ฉันไปไม่เป็นเลย ไม่รู้จะหยิบอะไรก่อนอะไรหลัง"
"ได้ครับผม"
แอนดี้เริ่มการแนะนำอุปกรณ์และสอนการใช้งาน จนรัชนีสามารถเริ่มการตรวจสอบ เปิดตลับใสบรรจุตัวอย่างเนื้อเยื่อและเลือดออก แล้วสอดเข้าไปในระหว่างอุปกรณ์ด้านบนและด้านล่าง แอนดี้ช่วยสวมแว่นติดกล้องให้หล่อนพลางบอก "ถ้าต้องการซูมเข้า ก็ใช้นิ้วแตะกรอบแว่นด้านขวานะครับ แตะไปเรื่อยๆจนได้ระดับความใกล้ความลึกที่ต้องการ"
"โอเคจ้ะ" หล่อนพยักหน้าหงึกแล้วเริ่มทำตาม ตลับใสอันแรกที่หล่อนกำลังดูอยู่เป็นตลับเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อจากบุคคลสามคน วางไว้สามจุด มองจากกล้องจึงเห็นชื่อกำกับ จุดแรกบนสุด ของคนชื่อปรีชา จุดที่สองตรงกลาง เป็นของผู้หญิงชื่อรัชนู...และจุดที่สามข้างล่าง เป็นของ รัชนี !
จะใช่เราหรือเปล่านี่ ? หล่อนนึกด้วยความตื่นเต้น...
แพทย์หญิงและ ร.ศ.สาว พิจารณาต่อไป มองดูโครงสร้าง รูปแบบต่างๆ เปรียบเทียบกัน....
แล้วก็ได้พบว่า ดีเอ็นเอของบุคคลที่สามข้างล่าง มีส่วนผสมระหว่างบุคคลที่หนึ่งและที่สองซึ่งอยู่ข้างบน!
และในขณะที่หล่อนกำลังตรวจดูอยู่อย่างละเอียดถี่ถ้วนนั้น ภาพขยายจากกล้องอุปกรณ์ก็ถูกส่งขึ้นจอมอนิเตอร์ให้ทุกคนได้เห็นพร้อมกันด้วย!
รัชนีเงยหน้าขึ้น ถอดแว่นอุปกรณ์ออก หันไปมองหน้ากัปตันวันชนะ แอนดี้ สถาพรผู้เป็นพี่ชาย และคนอื่นๆ อย่างตื่นตะลึง เหลือบตาดูจอมอนิเตอร์ใหญ่ก็แลเห็นภาพใหญ่เบ้อเริ่มขึ้นเต็มจอ อดสะท้อนใจไม่ได้เมื่ออ่านชื่อ ปรีชา...รัชนู...รัชนี...
หล่อนเม้มปาก กัดฟันสวมแว่นอุปกรณ์อีกครั้ง เปลี่ยนไปดูตลับที่สองซึ่งเก็บตัวอย่างเลือด "ขอดูอีกตลับหนึ่งซิ!!"
รัชนีใช้เวลาพิจารณาดูอยู่ประมาณสามนาที ก็เงยหน้าขึ้น ถอดแว่นอุปกรณ์ออกอีกครั้ง มองหน้ากัปตันวันชนะ จ้องตาเขม็ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเครียด
"ดิฉันมองเห็น ตัวอย่างเนื้อเยื่อ และตัวอย่างเลือด ของบุคคลสามคน จากประสบการณ์ของดิฉัน บอกได้เลยว่า สามคนนั่น เป็นพ่อแม่ลูกกัน แน่นอน!"
"อื่อฮึ! แล้วไงครับ ?" กัปตันพยักหน้าสองสามทีแล้วถาม
แพทย์หญิงและ ศ.จ.สาว ทำหน้าตาท่าทางขึงขัง เห็นได้ชัดว่าหล่อนกำลังเครียดหนัก "ดิฉัน...จะเอาเลือดสดๆ ของดิฉันเอง เปรียบเทียบกับสามคนนั่นอีกครั้ง โดยเฉพาะกับคนที่ชื่อ รัชนี!" พูดจบ หล่อนก็ชักมีดเล่มเล็กๆ ซึ่งบรรจุอยู่ในฝักโลหะมันวาวออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
"อู้ยย....นั่น มีดหมอใช่ไหมครับนั่น ระวังหน่อยนะครับ" กัปตันวันชนะเตือน
"ดิฉันเป็นหมอด้วยนะคะอย่าลืม ไม่ต้องห่วงค่ะ"
"อ่า...ครับผม ขอโทษทีครับ" กัปตันยกมือกุมศีรษะแก้เขิน แล้วถามต่อ "ถ้าผลออกมา ตรงกันหมดล่ะครับ คุณจะว่าไง ?" ถามเสร็จ จ้องหน้าหล่อนเขม็งตาแทบไม่กะพริบ
"ถ้าตรงกันหมดทุกอย่าง ดิฉันก็ต้องยอมรับความจริงละค่ะ ดิฉันไม่ใช่คนดื้อด้านไร้เหตุผล!!" หล่อนพูดเน้นทุกคำ "แต่มีข้อแม้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องตรงกัน สอดคล้องกันหมด ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มนะคะ!! ถ้าขาดไป หรือต่างกันแม้เพียงเศษเสี้ยวของ 0.001 เปอร์เซ็นต์ ดิฉันไม่อาจจะยอมรับได้ค่ะ!!!"
เกือบทุกคนเงียบกริบหลังได้ยินคำนั้น...แต่มีคนหนึ่ง เผลออุทานออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่รอดพ้นจากโสตสัมผัสของ ศ.จ.สาว
"อื้อ...ฮืมม..."
หล่อนหันขวับไปยังที่มาของเสียงทันที ปรากฏว่า เจ้าของเสียงนั้นคือ เอก อดีตมหาเปรียญ ซึ่งพอรู้ตัวว่าเผลออุทานก็รีบเอามือปิดปากตัวเอง
"ทำไมคะ คุณ ?" น้องสาวซึ่งสถาพรตั้งฉายาให้ว่า "แม่เสือ" แหวใส่ทันที
มหาเอกสะดุ้งเฮือก รีบยกมือขอโทษขอโพย "ปะ เปล่าครับผม ไม่มีอะไรหรอกครับ"
"ไม่มีอะไร แล้วทำไมถึงร้องออกมายังงั้นคะ ?"
"เอาแล้ว...คู่กัดเริ่มปะทะกันแล้ว ฮิๆ" สาวจอยกระซิบกระซาบกับสาวเล็กเบาๆ
"อ่า..." เอกรีบคิดหาคำแก้ตัวอย่างรีบด่วน " คือ...ผม รู้สึกทึ่งในความ...เอ่อ...หนักแน่น ของคุณน่ะครับ ขออภัยครับที่เผลออุทานออกมาเมื่อกี้นี้"
รัชนีจ้องมองหน้าอดีตมหาเปรียญอย่างพินิจพิเคราะห์ แต่ด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลฟังระรื่นหูของเขา ทำให้หล่อนคลายความรู้สึกปรี๊ดซึ่งทำท่าจะแตกลงไปได้อย่างที่ตัวเองก็รู้สึกแปลกใจ แต่ก็ยังปั้นสีหน้าและน้ำเสียงเข้มๆ ดุๆ โต้ตอบเขาไป
"จะว่าดิฉันหัวดื้อหัวรั้น ก็ว่ามาตรงๆ เหอะ! ไม่ต้องมาตบแต่งคำพูดให้ฟังดูดี!!"
"มิบังอาจครับผม!" เอกตอบสวนกลับทันที "ผมคิดอย่างที่ผมพูดออกมานั่น จริงๆครับ เพียงแต่..."
"เพียงแต่อะไรคะ ?" ตั้งใจจะขึ้นเสียงสูงและดัง แต่พอได้ยินเสียงพูดนุ่มๆ ของเขาแล้วกลับพูดไม่ได้อย่างที่ใจคิด ถึงกระนั้นก็ยังพูดเสียงแข็งกระด้าง
"เพียงแต่ ผมพูดไม่เก่งครับ ก็เลยต้องเสียเวลาคิดหน่อย ก่อนจะพูดอะไรออกไปครับผม"
หมั่นไส้!! เกือบจะหลุดคำนี้ออกไปแล้วทีเดียว แต่รั้งปากตัวเองไว้ได้ เม้มปากพลางค้อนให้เขาครึ่งวง แล้วก็ต้องมาสงสัยตัวเอง มาใส่ใจอะไรกับอีตาหนิมๆ คนนี้ด้วยเล่า !! เสียเวล่ำเวลา !!!
"อืม...งั้นก็แล้วไปค่ะ!!" รัชนีตัดบท แล้วหันไปหาแอนดี้ "ฉันจะกรีดนิ้วมือของฉันนิดหนึ่งเพื่อเอาเลือดออกมาตรวจ จะให้เลือดหยดลงตรงไหน ?"
แอนดี้กดปุ่มเลื่อนแผ่นกระจกสี่เหลี่ยมใต้เลนส์ของกล้องออกมาให้หล่อน ในขณะที่มหาเอกลอบเป่าปากด้วยความโล่งอก พอเหลือบแลไปเห็นสาวเล็กสาวจอยแอบซุบซิบกันและหัวเราะคิกคักพลางมองมาที่ตนเป็นระยะๆ ก็ต้องยิ้มแหยๆ และส่ายหัว เดินเข้าไปหาแล้วกระซิบบอก
"พวกคุณสองคนนี่ จะอะไรกันนักหนากะผมเนี่ยห๊ะ! ระวังนะครับ เดี๋ยวเค้าเห็นท่าทางพวกคุณเข้า จะโดนมิใช่น้อย น่ากลัวนา!" พูดจบแล้วแยกเขี้ยวทำท่าหวาดสยอง ทำให้สองสาวพากันขำมากขึ้นไปอีก
"พี่เอก...เค้าเริ่มสนใจพี่แล้วละค่ะ!" สาวจอยกระซิบตอบ
"ว่าไปเรื่อย!" เอกกระซิบดังขึ้นนิดหนึ่ง
"ชู่ว์ว์ว์......" สาวเล็กยกนิ้วชี้ขึ้นมาพาดขวางริมฝีปากและพ่นลมเบาๆ "อย่าเอ็ดไปค่ะพี่เอก มานี่มาๆ" ว่าแล้วก็จูงมือเขาเดินออกไปจากห้องประชุมพร้อมกับสาวจอยเดินตามหลังไปติดๆ
เอ็มม่ามองเห็นเช่นนั้นเข้าก็ยิ้ม สะกิดเอวาซึ่งยืนอยู่ข้างๆสถาพรให้ออกไปด้วยกัน "เอวา เราไปฟังเรื่องสนุกๆกันข้างนอกหน่อยไหมจ๊ะ ?"
"เรื่องอะไรหรือคะ ?" สาวผู้พ้นจากเมืองคนบาปจากอดีตกาลหันมาถามอย่างใสซื่อ
(ต่อครับ)