สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ได้มีวิชาเลือกสาขา(Special Topics In International Business) ซึ่งเป็นการนำเกมกระดาษหรือที่เรารู้จักกันในชื่อ บอร์ดเกมส์ มาให้นักศึกษาที่ลงเรียนวิชานี้ได้ทดลองเล่นกันในคาบเรียน โดยแต่ละอาทิตย์บอร์ดเกมจะถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆเพื่อให้เกิดความหลากหลายทางความคิด ซึ่ง วิธีการเล่น กระบวนความคิด กลยุทธ์ และประสบการณ์ในการเล่นเกมแต่ละครั้งจะผลให้เกิดกระคิดวิเคราะห์แยกแยะ และผลลัพท์ที่ได้ออกมาทำให้สามารถต่อยอดสู่อาชีพนักบริหารได้อย่างดีเยี่ยม เพราะบอร์ดเกมส์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เกมส์ที่ให้เด็กๆเล่นเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น แต่เป็นเกมส์ที่ต้องใช้ความคิดและสติปัญญาในการดำเนินเกมส์หรือพยายามที่จะจบเกมส์ ซึ่งหลายอาทิตย์ที่ผ่านๆมาได้เรียนรู้บอร์ดเกมส์และได้ทดลองเล่นมาหลากหลายเกมส์ ซึ่งมันก็มีทั้งที่สนุกและไม่สนุก แต่1ในบอร์ดเกมส์จากทั้งหมดที่ฉันได้ลองเล่นมา มีอยู่เกมส์เดียวที่ฉันคิดว่าสนุกและสามารถทำให้ฉันนำวิธีการเล่นรวมถึงวิธ๊ชนะในเกมส์มาปรับใช้ในชีวิตจริงได้ ที่ผ่านมาฉันก็ยอมรับว่าบอร์ดเกมส์เป็นเพียงแค่เกมส์กระดานที่เล่นเพื่อความสนุกสนานกับเพื่อนๆ แต่ความจริงแล้วการชนะในเกมส์นี้แต่ละครั้งมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลย จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ต่างๆมากมายรวมถึงการวางแผน การใช้จิตวิทยาต่างๆมากมาย และการที่สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น นำวิชานี้มาสอน รวมถึงนำบอร์ดเกมส์มาใช้เพื่อเปรียบเทียบกับสถานะการจริงที่อาจเกิดขึ้นในการทำงานจริงมาเป็นสื่อกลางในห้องเรียน ส่วนตัวแล้วรู้สึกชื่นชอบแนวคิดและการนำบอร์ดเกมส์นำมาเป็นสื่อการสอนแบบนี้ ถือว่าวิชาปัญหาพิเศษธุระกิจระหว่างประเทศ เป็นวิชาที่ สาขาธุระกิจอื่นๆควรมีเพื่อการเรียน
Secrets Hitler คือเกมส์ที่ชื่นชอบที่สุด โดยดิฉันจะอธิบายวิธีการเล่นของเกมส์นี้และสรุปผลลัพทืที่ได้ในการเล่นเกมส์
Secert Hitler เกมธีมสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ผู้เล่นจะต้องตบตาคนอื่นๆ ว่าตัวเองอยู่ฝ่ายไหน เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ แล้วตลบหลังเขาเพื่อชัยชนะของฝ่ายเรา เกมนี่เหมาะสำหรับผู้เล่น 5 - 10 คน ใช้เวลาต่อรอบ 45 นาที อายุที่เหมาะสม 13 ปีขึ้นไป
วิธีการชนะของแต่ละฝ่าย
ฝ่าย Liberals (เสรีนิยม)
- วางนโยบายเสรีนิยมครบ 5 ใบ
- สามารถสังหารฮิตเลอร์ได้
ฝ่าย Facists (เผด็จการนาซี)
- วางนโยบายนาซีครบ 6 ใบ
- เมื่อมีนโยบายนาซีครบ 3 ใบ นายกเลือกรัฐมนตรี แล้วทำการโหวตผ่าน ถ้ารัฐมนตรีเป็นฮิตเลอร์ นาซีชนะทันที
ประสบการ์ณเมื่อทดลองเล่น
ความต่างของเกมนี่กับเกมแนวเดียวกันคือ ช่วงเวลาที่เราจะเลือกที่จะลองทำไม่ดีเพื่อให้เรารู้อะไรบางอย่างได้ ฝ่ายเสรีนิยม(ตัวจริง ที่ไม่ได้แอบอ้าง) จะวางนโยบายเผด็จการ เพื่อใช้อำนาจในการดูพรรคของผู้เล่นอื่น สั่งประหาร ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ว่าจะใช้อำนาจไหนอย่างไรดี ซึ่งข้อมูลทั้งที่เรามีได้ด้วยตัวเอง และคนอื่นมีความสำคัญมากในการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง
ตัวเกมมีช่วงบีบบังคับ เพราะจำนวนการ์ดนโยบายเสรีนิยมน้อยกว่าเผด็จการ ส่วนต่างเกือบครึ่งหนึ่ง 6 ต่อ 11 ถ้าช่วงหลังๆ เราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จะเล่นยากมาก แต่การระบุว่าใครอยู่ฝ่ายไหน ต้องใช้ความสามารถในการจับโกหกล้วนๆตัวเกมควรจะเล่นมากกว่า 7 คนขึ้นไปถึงจะสนุก ถ้าเล่น 5 - 6 คน รู้สึกว่าไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ มันจับกันง่ายเกินไป อุปกรณ์การออกแบบเกมสวยแปลกตา มีลูกเล่นให้เล่นเยอะกว่าเกมอื่นที่มีเพียงการ์ด ถ้าเรื่องของแผ่นป้ายตำแหน่งผลของนโยบายที่จะสั่งให้เราทำอะไรสักอย่าง Secret Hitler เป็นปารตี้เกมอีกเกมหนึ่งที่จะมอบประสบการณ์ต่างจากของเดิมที่เคยเล่น
มี Print and Play ให้เราได้ทดลองเล่นก่อนว่าชอบไม่ชอบค่อยว่ากันอีกที
บรรยากาศภายในห้องเรียน
กลยุทธ์ที่นำมาใช้ในธุระกิจ
การที่เราจะผลิตสินค้าเราไม่อาจเร่งให้ตัวสินค้าเป็นที่รู้จักเร็วจนเกินไปไม่ว่าจะเป็นการใช้อิทธิพลของผู้มีชื่อเสียงในการโฆษณา(hitlerก็เปรียบเสมือนผู้มีชื่อเสียงที่เราต้องปกป้องไม่ให้คนอื่นรับรู้เพราะการที่สินค้าเป็นที่นิยมเกินไปจะทำให้ตัวสินค้าเข้าสู่ช่วงระยะเวลาอิ่มตัวเร็วมากขึ้นซึ่งไม่อาจทำให้สินค้ายกระดับหรือพัฒนาขึ้นได้อีกนั้นที่คือเหตุผลที่เราไม่ควรเร่งกราฟชีวิตของสินค้าดังนั่นสิ่งที่เราควรทำคือการวางรากฐานของสินค้าอย่างมั่นคงและค่อยๆพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องซึ่งกราฟชีวิตของสินค้ามีอยู่4ระดับ คือ1.เริ่มต้น 2.เติบโต 3.อิ่มตัว 4.ถดถอย จะเห็นได้ว่ากราฟมีอยู่แค่4ระดับทำให้เราไม่ควรเร่งการเจริญเติบโตของสินค้าแต่ควรเน้นในเรื่องการยกระดับสินค้ามากกว่าเพราะจะส่งผลระยะยาวต่อตัวบริษัทและสินค้า แล้วก็ต้องวางแผนให้สินค้าของเราอยู่ในช่วงเติมโตให้ได้นานที่สุด
[CR] รีวิว BOARDS GAME กับวิฃาSpecial Topics In International Business (by นักศึกษาTNI)
Secrets Hitler คือเกมส์ที่ชื่นชอบที่สุด โดยดิฉันจะอธิบายวิธีการเล่นของเกมส์นี้และสรุปผลลัพทืที่ได้ในการเล่นเกมส์
Secert Hitler เกมธีมสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ผู้เล่นจะต้องตบตาคนอื่นๆ ว่าตัวเองอยู่ฝ่ายไหน เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ แล้วตลบหลังเขาเพื่อชัยชนะของฝ่ายเรา เกมนี่เหมาะสำหรับผู้เล่น 5 - 10 คน ใช้เวลาต่อรอบ 45 นาที อายุที่เหมาะสม 13 ปีขึ้นไป
วิธีการชนะของแต่ละฝ่าย
ฝ่าย Liberals (เสรีนิยม)
- วางนโยบายเสรีนิยมครบ 5 ใบ
- สามารถสังหารฮิตเลอร์ได้
ฝ่าย Facists (เผด็จการนาซี)
- วางนโยบายนาซีครบ 6 ใบ
- เมื่อมีนโยบายนาซีครบ 3 ใบ นายกเลือกรัฐมนตรี แล้วทำการโหวตผ่าน ถ้ารัฐมนตรีเป็นฮิตเลอร์ นาซีชนะทันที
ประสบการ์ณเมื่อทดลองเล่น
ความต่างของเกมนี่กับเกมแนวเดียวกันคือ ช่วงเวลาที่เราจะเลือกที่จะลองทำไม่ดีเพื่อให้เรารู้อะไรบางอย่างได้ ฝ่ายเสรีนิยม(ตัวจริง ที่ไม่ได้แอบอ้าง) จะวางนโยบายเผด็จการ เพื่อใช้อำนาจในการดูพรรคของผู้เล่นอื่น สั่งประหาร ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ว่าจะใช้อำนาจไหนอย่างไรดี ซึ่งข้อมูลทั้งที่เรามีได้ด้วยตัวเอง และคนอื่นมีความสำคัญมากในการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง
ตัวเกมมีช่วงบีบบังคับ เพราะจำนวนการ์ดนโยบายเสรีนิยมน้อยกว่าเผด็จการ ส่วนต่างเกือบครึ่งหนึ่ง 6 ต่อ 11 ถ้าช่วงหลังๆ เราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จะเล่นยากมาก แต่การระบุว่าใครอยู่ฝ่ายไหน ต้องใช้ความสามารถในการจับโกหกล้วนๆตัวเกมควรจะเล่นมากกว่า 7 คนขึ้นไปถึงจะสนุก ถ้าเล่น 5 - 6 คน รู้สึกว่าไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ มันจับกันง่ายเกินไป อุปกรณ์การออกแบบเกมสวยแปลกตา มีลูกเล่นให้เล่นเยอะกว่าเกมอื่นที่มีเพียงการ์ด ถ้าเรื่องของแผ่นป้ายตำแหน่งผลของนโยบายที่จะสั่งให้เราทำอะไรสักอย่าง Secret Hitler เป็นปารตี้เกมอีกเกมหนึ่งที่จะมอบประสบการณ์ต่างจากของเดิมที่เคยเล่น
มี Print and Play ให้เราได้ทดลองเล่นก่อนว่าชอบไม่ชอบค่อยว่ากันอีกที
บรรยากาศภายในห้องเรียน
กลยุทธ์ที่นำมาใช้ในธุระกิจ
การที่เราจะผลิตสินค้าเราไม่อาจเร่งให้ตัวสินค้าเป็นที่รู้จักเร็วจนเกินไปไม่ว่าจะเป็นการใช้อิทธิพลของผู้มีชื่อเสียงในการโฆษณา(hitlerก็เปรียบเสมือนผู้มีชื่อเสียงที่เราต้องปกป้องไม่ให้คนอื่นรับรู้เพราะการที่สินค้าเป็นที่นิยมเกินไปจะทำให้ตัวสินค้าเข้าสู่ช่วงระยะเวลาอิ่มตัวเร็วมากขึ้นซึ่งไม่อาจทำให้สินค้ายกระดับหรือพัฒนาขึ้นได้อีกนั้นที่คือเหตุผลที่เราไม่ควรเร่งกราฟชีวิตของสินค้าดังนั่นสิ่งที่เราควรทำคือการวางรากฐานของสินค้าอย่างมั่นคงและค่อยๆพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องซึ่งกราฟชีวิตของสินค้ามีอยู่4ระดับ คือ1.เริ่มต้น 2.เติบโต 3.อิ่มตัว 4.ถดถอย จะเห็นได้ว่ากราฟมีอยู่แค่4ระดับทำให้เราไม่ควรเร่งการเจริญเติบโตของสินค้าแต่ควรเน้นในเรื่องการยกระดับสินค้ามากกว่าเพราะจะส่งผลระยะยาวต่อตัวบริษัทและสินค้า แล้วก็ต้องวางแผนให้สินค้าของเราอยู่ในช่วงเติมโตให้ได้นานที่สุด
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้