นิทานก่อนนอน เรื่อง ความสามัคคีของนกกระจาบ (ภาคแยกของนิทานเรื่อง สิ้นแผ่นดิน ไม่สิ้นแค้น)

นิทานก่อนนอน
เรื่อง ความสามัคคีของนกกระจาบ(ภาคแยกของนิทานเรื่อง สิ้นแผ่นดิน ไม่สิ้นแค้น)


    เมื่อครั้งที่ภิกษุชาวเมืองโกสัมพีเกิดแตกร้าว แตกความสามัคคี พระผู้มีพระภาคเสด็จไปทำให้ภิกษุเหล่านั้นเกิดความสามัคคี ครั้งนั้น พระพุทธองค์ทรงประทานโอวาทเป็นอันมาก และทรงนำเรื่องความสามัคคีของนกกระจาบมาตรัสเป็นอุทาหรณ์ ดังนั้นสมควรที่จะนำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังด้วย

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี  พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดนกกระจาบ  มีนกกระจาบหลายพันเป็นบริวารอยู่ในป่า.
ในกาลนั้นพรานล่านกกระจาบคนหนึ่ง ไปยังที่อยู่ของนกกระจาบเหล่านั้นทำเสียงร้องเหมือนนกกระจาบ  ครั้นรู้ว่านกกระจาบเหล่านั้นรวมตัวกันแล้ว จึงทอดตาข่ายไปข้างบนนกกระจาบเหล่านั้น แล้วกดที่ชายรอบ ๆ  บีบรัดให้นกกระจาบทั้งหมดมารวมกัน แล้วบรรจุเต็มกระเช้าไปเรือน ขายนกกระจาบเหล่านั้นเลี้ยงชีพด้วยเงินที่ได้มานั้น.
อยู่มาวันหนึ่ง พระโพธิสัตว์กล่าวกะนกกระจาบเหล่านั้นว่า นายพรานนกนี้ทำพวกญาติของเราทั้งหลายให้ถึงความพินาศ เรารู้วิธีที่จะทำให้นายพรานนกนั้นไม่อาจจับพวกเราได้  ตั้งแต่นี้ไป  เมื่อนายพรานนกนั้นเริ่มทอดแหข้างบนพวกเรา ท่านทั้งหลายแต่ละตัว จงสอดหัวเข้าในตาของตาข่ายตาหนึ่ง ๆ พากันยกตาข่ายขึ้น  แล้วพาบินไปยังที่ที่ต้องการ  จากนั้นพาดลงบนพุ่มไม้มีหนาม เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเราจะหนีไปทางด้านล่างได้
นกกระจาบเหล่านั้นทั้งหมดพากันรับคำแล้ว ในวันที่ ๒ เมื่อพรานนกทอดข่ายลงเบื้องบน ก็พากันยกข่ายขึ้นตามที่พระโพธิสัตว์กล่าวแนะนำไว้  แล้วพาดลงบนพุ่มไม้มีหนามแห่งหนึ่ง ส่วนตนเองหนีไปทางด้านล่างของแห เมื่อพรานนกมัวปลดข่ายจากพุ่มไม้อยู่ ก็เป็นเวลาพลบค่ำ.
นายพรานนกจึงกลับไปมือเปล่า ตั้งแต่วันรุ่งขึ้นนกกระจาบเหล่านั้นก็กระทำอย่างนั้นเหมือนเดิม ฝ่ายนายพรานนกนั้นเมื่อปลดเฉพาะข่ายอยู่ จนกระทั่งพระอาทิตย์อัสดง ไม่ได้อะไร  กลับไปบ้านด้วยมือเปล่าอีก
ภรรยาของเขาเห็นเขาไม่ได้อะไรกลับมา ให้รู้สึกโกรธเคือง พูดว่า ท่านกลับมามือเปล่าทุกวันเห็นจะมีที่ที่ท่านจะต้องเลี้ยงดูข้างนอกแห่งอื่นกระมัง
นายพรานนกกล่าวว่า นางผู้เจริญ เราไม่มีที่ที่จะเลี้ยงดูแห่งอื่น แท้ที่จริง นกกระจาบเหล่านั้นมันพร้อมเพรียงกันเที่ยวไป มันพากันเอาตาข่ายที่เราเหวี่ยงลงไปพาดบนพุ่มไม้มีหนาม แต่พวกมันจะไม่ร่าเริงอยู่อย่างนี้ได้ตลอดกาลหรอก  เจ้าอย่าเสียใจไปเลย เมื่อใด พวกมันเกิดทะเลาะวิวาทกัน เมื่อนั้นเราจะพาเอาพวกมันทั้งหมดมา ทำหน้าของเธอให้ชื่นบานเถิด
เวลาล่วงไป ๒-๓ วัน นกกระจาบตัวหนึ่งเมื่อจะลงยังพื้นที่หากิน  ไม่ได้ระวังจึงได้เหยียบหัวของนกกระจาบตัวหนึ่ง
นกกระจาบตัวที่ถูกเหยียบหัวโกรธว่า ใครเหยียบหัวเรา
นกกระจาบตัวนั้นพูดว่า เราไม่ได้กะประมาณให้ดีจึงได้เหยียบท่าน   ท่านจงยกโทษให้เราเถิด อย่าโกรธเลย
นกกระจาบตัวที่ถูกเหยียบหัว ไม่ยินยอมให้อภัย พูดว่า เพียงคำขอโทษไม่กี่คำ ก็เป็นอันเลิกแล้วต่อกันหรือ  ท่านเห็นหัวเราเป็นที่พักเท้าหรืออย่างไร  มันยิ่งพูดยิ่งโกรธมากขึ้น จึงกล่าวอวดอ้างกำลังของตนว่า  ท่านรู้หรือไม่ว่า ตาข่ายที่ยกขึ้นได้ เพราะกำลังของเรา
นกกระจาบตัวที่เหยียบเพื่อนรู้สึกขัดเคืองใจยิ่งนัก พูดว่า ก็เราบอกแล้ว ว่าไม่ได้ตั้งใจ ท่านจะเอาอย่างไรอีก แล้วที่ท่านพูดว่า ตาข่ายยกขึ้นได้เพราะกำลังของท่าน  ท่านผิดแล้ว ไม่เพียงท่านเท่านั้นที่ยกข่ายขึ้นได้  ตัวอื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน ท่านอย่าได้อวดกำลังของตนเกินไป
ทั้งสองตัวนั้นพากันกล่าวอยู่ซ้ำ ๆ ซาก ๆ อย่างนี้ นกกระจาบที่เหลือต่างแบ่งเป็นสองฝักสองฝ่าย ไม่ยินยอมอ่อนข้อให้แก่กัน การวิวาทจึงได้ลุกลามใหญ่โตขึ้น  
พระโพธิสัตว์ เห็นนกกระจาบเหล่านั้นทะเลาะวิวาทกันอยู่  จึงเข้าไปไกล่เกลี่ยหวังจะให้เลิกแล้วต่อกันไป แต่กลับไม่เป็นผล   คิดว่า  เมื่อนกเหล่านี้ทะเลาะวิวาทกันอยู่  ความปลอดภัยในชีวิตจะไม่มี บัดนี้แหละนกกระจาบเหล่านั้นจักไม่ยกตาข่ายขึ้น เมื่อนั้นจะพากันถึงความพินาศใหญ่หลวง  นายพรานนกจะได้โอกาส เราไม่อาจอยู่ในที่นี้ได้
พระโพธิสัตว์นั้นจึงพาบริวารของตนไปอยู่ที่อื่น ฝ่ายนายพรานนก พอล่วงไป ๒-๓ วัน ก็มาแล้วร้องเหมือนเสียงนกกระจาบ  แล้วซัดข่ายไปเบื้องบนของนกกระจาบเหล่านั้นซึ่งกำลังรวมกลุ่มกันอยู่
นกกระจาบตัวหนึ่งพูดว่า เขาว่า เมื่อท่านยกตาข่ายขึ้นเท่านั้น ขนบนหัวจึงร่วง บัดนี้ ท่านจงยกขึ้นเถิด  เราจะคอยดู
นกกระจาบอีกตัวหนึ่งพูดว่า ฟังว่า เมื่อท่านมัวแต่ยกข่ายขึ้นจนขนปีกทั้งสองข้างร่วงไป บัดนี้ท่านจงยกขึ้นดูบ้างสิ  เราก็จะคอยดูเช่นกัน
เมื่อนกกระจาบเหล่านั้นมัวแต่พูดว่า ท่านจงยกขึ้น ท่านจงขึ้น  นายพรานนกก็มารวบเอาตาข่าย บีบรัดให้นกกระจาบเหล่านั้นทั้งหมดมารวมกัน  แล้วใส่เต็มกระเช้า ได้ไปเรือน ทำให้ภรรยาร่าเริงใจในที่สุด

จบเรื่อง ความสามัคคีของนกกระจาบ

ประเด็นน่าสนใจ
ความสามัคคี  การรวมพลัง  ร่วมแรงร่วมใจกัน ได้ทำให้นกกระจาบเหล่านั้น รอดพ้นจากตาข่ายที่ปิดกั้นทางออก รอดพ้นจากความตาย รอดพ้นจากภยันตรายมาได้ ตราบใดที่นกเหล่านี้ยังมีความสามัคคีอยู่ แม้นายพรานจะพยายามเพียงใด ก็ไม่อาจจับนกได้แม้เพียงสักตัว พลังความสามัคคีจึงมีพลานุภาพมาก นำมาซึ่งความสุขและความสวัสดีแก่หมู่คณะของนกกระจาบเหล่านั้น
การร่วมแรงร่วมใจกันของทุกคน  การเชื่อฟังผู้นำ ไม่มีการเกี่ยงงอนหรือผลักภาระให้แก่ใครคนใดคนหนึ่ง การแบ่งหน้าที่ตามความถนัด การรู้จักสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ ความสามัคคีต้องเกิดขึ้น  แต่เมื่อใดที่หมู่คณะเกิดความแตกร้าว เกิดการทะเลาะวิวาทกัน  จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม เมื่อนั้นพลานุภาพที่เคยปรากฏมา ก็ถึงพลันดับสูญ ในที่สุดหมู่คณะทั้งหมดก็ถึงความพินาศ เหมือนดังที่นกกระจาบเหล่านี้ได้ประสบความพินาศวอดวาย เพราะการทะเลาะวิวาท ไม่ยินยอมให้แก่กันและกันนั่นเอง

พบกันใหม่โอกาสหน้า
ราตรีสวัสดิ์พระรัตนไตร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่