โรคซึมเศร้า หรือที่คนอื่นมองว่าโรคคิดไปเอง...คนใกล้ตัวมองว่า"โรคขี้เกียจ เอาแต่ใจ"

โรคซึมเศร้า สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย เมื่อดูจากภายนอกแล้ว อาการที่เห็นใกล้เคียงกับอาการเศร้าหรือเสียใจทั่วไป แต่ผลกระทบนั้นรุนแรงกว่ามาก ซึ่งทั้งตัวผู้ป่วยเองหรือคนรอบข้างอาจไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ ปัญหาส่วนใหญ่คนที่ป่วยเป็นซึมเศร้ามักจะไม่รู้ตัวเองว่าตนกำลังป่วยเป็นซึมเศร้า หรืออาจรู้ตัวอีกทีตอนที่โรคกำลังพัฒนาไปสู่ขั้นรุนแรงจนเกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันไปแล้ว 

อาการของโรคซึมเศร้านั้นมีอยู่หลายอย่าง โดยอาจมีอารมณ์เศร้า หดหู่ วิตกกังวล มีความรู้สึกว่าตนไร้ค่า โดดเดี่ยว สิ้นหวัง หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับหรือหลับเยอะเกินไป เบื่ออาหาร ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ขาดสมาธิในการจดจ่อ จดจำ หรือการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ มีความคิดที่จะฆ่าตัวตายหรือพยายามฆ่าตัวตาย ทำร้ายตัวเอง ซึ่งอารมณ์เหล่านี้จะมีความรุนแรงและคงอยู่ยาวนานกว่าปกติ ทั้งยังสามารถส่งผลกระทบทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนล้าตลอดเวลา เจ็บปวดตามร่างกาย หรือมีพฤติกรรมแยกตัวจากสังคม ไม่มีสมาธิ ทำงานไม่ได้ หมดความสนใจในเรื่องที่เคยชอบ ไปจนถึงการคิดฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตัวเองได้

ซึ่งหลายๆคนเข้าใจผิดไปมากมายว่าคนเป็นโรคซึมเศร้านั้นคิดมากหรือคิดไปเอง ความจริงที่ถูกต้องคือสมองนั้นสั่งให้เขาคิด แม้ว่าเขาจะไม่อยากคิด สมองสั่งให้เขาร้องไห้ สั่งให้เขาหดหู่และสมองไม่อนุญาตให้เขามีความสุขโดยอัตโนมัติ เช่นเดียวกับเมื่อคุณง่วงมากๆ สมองคุณจะสั่งให้คุณหลับไปอย่างอัตโนมัติ แม้ตอนนั้นคุณมีงานต้องทำหรือต้องนั่งฟังคุณครูสอนหนังสืออยู่หน้าห้องเรียนและอยากถ่างตาตื่นแค่ไหนก็ตาม...คนเป็นโรคซึมเศร้าก็เช่นกัน สมองสั่งให้เขาเศร้าแม้ว่าเขาอยากมีความสุข สมองสั่งให้เขาร้องไห้แม้ว่าตอนนั้นเขาอยากจะยิ้มอยากจะหัวเราะเหมือนคนอื่นๆ เขาต้องต่อสู้กับมันตลอดเวลา ทุกวินาทีจนเหนื่อยจนท้อ ทรมารจนอยากตายในที่สุด...

วิธีการรักษาที่จะทำให้คนป่วยกลับมาสู่ชีวิตที่ปกติต้องมีองค์ประกอบทั้ง3อย่าง
1. การใช้ยาต้านเศร้า,ยาปรับสารเคมีในสมองให้ปกติ
2. คนรอบข้างที่เข้าใจ ให้กำลังใจ ,สภาพแวดล้อมที่ไม่โดดเดี่ยว ไม่กดดัน ไม่หดหู่...
3.  การสร้างพฤติกรรมทางสุขภาพที่ดีด้วยการเลือกรับประทานอาหารและออกกำลังกาย

ความรู้สึกของคนเป็นโรคซึมเศร้าที่หลายคนไม่เข้าใจ..จริงๆแล้วเขาไม่ได้อยากอยู่คนเดียว แต่เขาเก็บตัวเพราะไม่อยากให้ใครเห็นเขาเวลาเศร้า,หดหู่...เขาอยากมีคนอยู่ข้างๆคอยดึงสติเขาเวลาอาการกำเริบ(เวลาดาวน์) อยากมีคนระบาย อยากมีคนช่วยให้เขาอารมณ์ดี ไม่ใช่แค่ช่วยฉุดเขาขึ้นมาแต่ลงไปนั่งข้างๆเขาด้วย เขาอยากมีคนที่ทำให้เขารู้สึกไม่โดดเดี่ยว มีค่า หัวเราะ มีความสุข (ซึ่งเขาไม่สามารถสร้างความสุขได้ด้วยตัวเอง)...เช่นเดียวกับมนุษย์ที่สร้างวิตามินบางชนิดเองไม่ได้นั้นเอง สิ่งที่เขาอธิบายให้ใครรับรู้ไม่ได้นั้นคืออาการเวลาอยู่คนเดียวของเขา มันจะเห็นภาพหลอนเห็นตัวเองฆ่าตัวตาย...เสียงความคิดตัวเองว่าไร้ค่าเป็นภาระคนอื่น เสียงปมในใจที่มันขุดขึ้นมาเอง ภาพความล้มเหลวของชีวิต แม้ว่าเขาจะท่องในใจว่า เขามีค่า ครอบครัวรักเขา แฟนรักเขา ชีวิตเขาดี แม้ว่าจะท่องสักแค่ไหน สมองก็ไม่หยุดคิดให้เขาได้ โดยที่สะบัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุด เขาต้องต่อสู้โดนการพยายามหาที่พึ่ง หาอะไรทำ...ให้สมองมันไปโฟกัสเรื่องอื่นแทน(เขาไม่ได้อยากคิด) นี้คือสิ่งที่เขาไม่กล้าบอกใครนอกจากจิตแพทย์หรือคนที่เป็นโรคด้วยกัน...เขากลัวคนอื่นมองเขาบ้า คนอื่นมองเขาคิดมากเอง ไม่เข้าใจเขา
จริงๆแล้วคนเป็นโรคซึมเศร้าเขาอยากหายมากนะ การที่สมองคิดลบตลอดเวลาอย่างไม่ได้ตั้งใจมันเหนื่อยมากนะ ได้ยินเสียงในหัวให้ไปตาย ภาพในหัวให้ไปตายตลอดเวลามันทรมานมากนะ (คุณเคยเล่นเครื่องเล่นสวนสนุกทั้งวันจนเวลาหลับมันหลอนหรือป่าว นั้นแหละอาการคล้ายๆกัน มันหลอนอัตโนมัติโดยที่ไม่ได้อยากคิด)
และหลายคนก็ยอมแพ้กับความทรมานเหล่านี้ เพราะไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว ไม่อยากเห็น ไม่อยากได้ยินเสียงความคิดตัวเองอีกแล้ว...และยอมทำตามสมองที่มันสั่งมันกล่อมเขาทุกวันให้เขาทำนั้นคือการฆ่าตัวตาย...

สิ่งที่คนรอบข้างควรทำนั้นคือ การเข้าใจว่ากระบวนการความคิดเขาผิดเพี้ยนและติดลบ เขาต้องการแค่คนเข้าใจและกำลังใจ ไม่ต้องไปสั่งให้เขาทำอะไรเพราะนั้นคือการกดดันเขาว่า"ต้องทำอะไร" แต่ควรช่วยส่งเสริมเขาถ้าสิ่งที่เขาทำไม่เดือดร้อนใครและไม่ผิดกฏหมาย ทำให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้แย่ เขาไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนหรือผิดหวัง ซึ่งมันยากมากสำหรับคนเรียนหนังสือหรือทำงาน เพราะมีหน้าที่และภาระที่ต้องทำ ซึ่งหากยังมีความกดดันมันยิ่งทำให้อาการกำเริบ ส่วนมากจึงต้องดรอปเรียนหรือลาออกจากงานเพื่อมารักษาตัวเลยทีเดียว...เพราะเขาไม่สามารถอ่านหนังสือหรือทำงานมันออกมาให้ได้ดี  เมื่อไหร่ที่คนรอบข้างแสดงความรู้สึกว่าผิดหวังในตัวเขาที่เขาใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่ได้ ซึ่งคนที่สมองปกติจะมีความคิดปรับปรุงตัวเอง แต่สมองที่ผิดเพี้ยนของเขาจะคิดว่าเขาทำให้คนในครอบครัว คนที่ทำงาน เพื่อนฝูง แฟน คนรอบข้างผิดหวัง ถ้าไม่มีเขาทุกคนก็จะไม่ผิดหวัง ซึ่งนำไปสู่ความเสียใจ ร้องไห้ และนำไปสู่การเห็นภาพหลอนได้ยินเสียงความคิดกล่อมตัวเองว่าถ้าไม่มีเรา..ชีวิตของคนที่คาดหวังในเขาก็จะเลิกผิดหวังกับเขาสักที เขาจะเลิกเป็นภาระเสียที วนลูปต่อไปคือการหาที่พึ่งให้เลิกได้ยินเสียงความคิด เลิกร้องไห้ เลิกเศร้า...ซึ่งถ้าแพ้กับความคิดที่หลอนให้ไปตายๆทุกวัน คนที่รับไม่ไหวก็ฆ่าตัวตายในที่สุด...ซึ่งหลายคนก็กำลังสู้กับโรคเช่นกันไม่ใช่ไม่สู้ มันไม่ง่ายที่จะเขาพยายามหาสิ่งที่ช่วยเขาให้หลุดพ้นเหมือนกัน...ซึ่งมันผ่านไปอย่างยากและลำบากมากๆ


เดียวมาต่อนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่