หลังจากเครื่องบินของกองทัพอากาศรัสเซียอิล-20 ถูกสอยเมื่อกลับไปยังฐานทัพเมืองคเมนิม
จากที่เครื่องบิน F-16 ของอิสราเอล 4 ลำโจมตีเป้าหมายซีเรียในฐานทัพอากาศลาตาเกีย โดยเครื่องบินอิสราเอลแฝงตัวไปพร้อมกับเครื่องบินรัสเซียทำให้ กองทัพอากาศซีเรียยิงสกัดกั้นไปถูกเครื่องบินรัสเซีย
ทางอิสราเอลเตือนให้เครื่องบินรัสเซียหลบเป้าภายในระยะเวลากระชั้นชิด(1นาที)ส่งผลให้นักบินรัสเซียเสียชีวิต15รายซึ่งอิสราเอลไม่ได้เตือนสัญญาณแก่รัสเซียตามข้อตกลงกันและไม่ยอมขอโทษแก่กองทัพรัสเซีย ทางรัสเซียเห็นว่าเป็นความผิดของอิสราเอล
รมว.กลาโหมรัสเซีย เซอร์เก โชยกูให้สัมภาษณ์เมื่อวานว่ารัสเซียจะจัดส่งมอบระบบการป้องกันอากาศยานสมัยใหม่ S-300 แก่ซีเรียภายในสองสัปดาห์
ก่อนหน้านี้ซีเรียเคยสั่งซื้อเมื่อ5ปีก่อนมูลค่า500ล้านเหรียญสหรัฐ แต่อิสราเอลขอร้องให้ยกเลิกสัญญาการส่งมอบ S-300ซึ่งมีความสามารถในการสกัดกั้นการโจมตีทางอากาศได้มากกว่า 250 กิโลเมตรและพร้อม ๆ กับการยิงเป้าอากาศหลายเป้าหมาย
แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงซึ่งไม่ใช่ความผิดของมอสโก นอกจากนี้รัสเซียจะจัดหาระบบควบคุมอัตโนมัติที่ทันสมัยด้วย สำหรับการออกคำสั่งป้องกันทางอากาศซึ่งจะช่วยให้ความมั่นใจได้ว่าการจัดการกองกำลังป้องกันทางอากาศของซีเรียอย่างเป็นระบบ รวมถึงการตรวจสอบสถานการณ์ทางอากาศและสิ่งที่ต้องกำหนดเป้าหมายอย่างเป็นระบบ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าเครื่องบินของรัสเซียทุกลำได้รับการป้องกันทางอากาศโดยซีเรีย
ผู้เชี่ยวชาญการทหารอเลคเซ ลีโอนคอฟให้ความเห็นว่า S-300 เป็นภูมิคุ้มกันอย่างดี ควบคู่ไปกับระบบควบคุมอัตโนมัติจะทำงานในช่องข้อมูลเดียวกับระบบป้องกันทางอากาศของรัสเซีย
ทหารของเราจะเห็นทุกอย่างที่ทหารซีเรียเห็นและในทางกลับกันเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับเครื่องบิน ตอนนี้สำหรับกองทัพอากาศซีเรียและรัสเซียจะเป็นหนึ่งเดียวกัน
นอกจากนี้โชยกูยังกล่าวอีกว่ารัสเซียจะปราบปรามระบบนำทางด้วยดาวเทียมและระบบการสื่อสารของการบินต่อสู้โจมตีเป้าหมายในซีเรียซึ่งอยู่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มอสโกถูกบังคับให้ใช้มาตรการตอบโต้อย่างเพียงพอเนื่องจากการกระทำของอิสราเอล
ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหาร ยูริ เลียมินให้ความเห็นว่า หากเป็นเช่นนั้นกองทัพอากาศอิสราเอลในน่านฟ้าใกล้พรมแดนของซีเรียได้สิ้นสุดลง เพราะนักบินจะไม่เข้าไปในโซนดังกล่าว จะถูกสอยอย่างแน่นอน ที่ผ่านมาซีเรียใช้แค่ S-200ซึ่งนักบินอิสราเอลสามารถหลบหลีกหรือใช้วิทยุอิเลคโทรนิกส์ต่อต้านและสามารถฝ่าน่านฟ้าไปได้ซึ่ง อิสราเอลถือเป็นหนึ่งในผู้นำของโลกในด้านนี้
ตามวิธีการของอิสราเอล หากมีข้อสงสัยในความไม่ปลอดภัยของตนเองก็สามารถเข้าไปโจมตีที่ไหนก็ได้อย่างต่อเนื่อง ตามความสบายใจที่จัดให้
ดูอย่างสถิติของปี2018 อิสราเอลโจมตีโดยทิ้งระเบิดมากกว่า2ร้อยลูกในเป้าหมายทางทหารของซีเรียในจังหวัดทารทูส มาเสียฟ และคูเนทร์ ที่ผ่านมาซีเรียสามารถยิงเครื่องบินอิสราเอลได้เพียงครั้งเดียวในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ปีนี้ โดยยิงจากภาคพื้นดิน
นักบินอิสราเอลสองคนใช้เครื่องบิน F-16ทิ้งระเบิดที่ฐานทัพอากาศใกล้เมืองปามีร์ หากเปรียบเทียบผลที่ผ่านมาระบบการต่อต้านขีปนาวุธของซีเรียยังมีความสามารถที่ด้อยอยู่อย่างมาก
แต่หากติดตั้ง S-300 จะช่วยเพิ่มความสามารถในการป้องกันทางอากาศของซีเรียและกองทัพอากาศอิสราเอลจะไม่สามารถดำเนินการได้อีกด้วย เครื่องบินจะถูกสอยก่อนที่จะเข้าใกล้ระยะโจมตีขีปนาวุธ
ข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งของ S-300 เมื่อเทียบกับ S-200 คือความคล่องตัวสูง เวลาใช้งานของระบบมาร์ชใช้เวลาเพียงห้านาทีเท่านั้น ค้นหาและติดตามเป้าหมายช่วยในการลาดตระเวนเรดาร์รุ่นใหม่ สถานีควบคุมไฟเรดาห์
ส่วน S-300 PMU2 มีความสามารถในการตรวจจับเป้าหมายได้ถึง 300 ครั้งและสามารถยิงเป้าหมายทันที 36 ครั้งโดยกำหนดเป้าหมายเป็นขีปนาวุธ 72 ลูก ข้อดีคือเป็นขีปนาวุธในตระกูล 48H6E ซึ่งแตกต่างจากขีปนาวุธ S-200 เป็นเชื้อเพลิงแข็งและไม่ต้องบำรุงรักษาตลอดการใช้งาน
ความน่าจะเป็นนักบินอิสราเอลจะต้องระมัดระวัง แน่นอนว่าอิสราเอลมีวิธีโจมตีทางอากาศในระยะยาว แต่มีราคาแพงมากและไม่เหมาะสำหรับการใช้งานบ่อยๆ อย่างเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ GBU-39
มอสโกสามารถปิดท้องฟ้าซีเรียในนามของตนเองและสามารถที่จะกดดันการเมืองเรื่องของการใช้สิทธิในน่านฟ้าของสหรัฐและยุโรปในน่านฟ้าซีเรียว่ามีสิทธิอะไร?ซึ่งรัฐบาลซีเรียไม่ได้เชิญอย่างเป็นอย่างเป็นทางการและไม่มีสถานะทางกฎหมาย
การตัดสินใจของรัสเซียวิธีเป็นวิธีการปกป้องน่านฟ้าจากผู้รุกราน มีสิทธิเต็มรูปแบบและสมบูรณ์ รวมทั้งได้รับการยืนยันโดยกฎหมายของสหประชาชาติซึ่งเป็นวิธีการเดียวที่ขับไล่กองกำลังติดอาวุธที่ไม่ได้เชื้อเชิญออกจากซีเรียเพื่อกลับคืนสู่สันติภาพ
พวกอาหรับอิสลามนี้ มีแต่ประเทศสร้างเรื่อง เมื่อไหร่จะสงบสุข
อิสราเอล พอได้อเมริกาหนุนหลัง ก็กร่างไปทั่ว จะเอาดินแดนเพิ่มเติม ได้คืบเอาศอก
พวกอาหรับ ก็ทำเรื่องไร้สาระ ก่อการร้าย 3 จังหวัดชายแดนใต้ ทะเลาะกันเองอิรัก-อิหร่าน อิรัก-คูเวต
แต่ละฝ่าย คงจะอยู่อย่างสงบไม่ได้ อาหรับ มีแต่พวกชอบหาแต่เรื่อง
รัสเซียจะเอา s-300 มาซีเรีย ตอบโต้อิสราเอล สอยเครื่องบิน อิสราเอลซวยแล้วเดียวโดนแบบสงครามอาหรับ-อิสราเอล
จากที่เครื่องบิน F-16 ของอิสราเอล 4 ลำโจมตีเป้าหมายซีเรียในฐานทัพอากาศลาตาเกีย โดยเครื่องบินอิสราเอลแฝงตัวไปพร้อมกับเครื่องบินรัสเซียทำให้ กองทัพอากาศซีเรียยิงสกัดกั้นไปถูกเครื่องบินรัสเซีย
ทางอิสราเอลเตือนให้เครื่องบินรัสเซียหลบเป้าภายในระยะเวลากระชั้นชิด(1นาที)ส่งผลให้นักบินรัสเซียเสียชีวิต15รายซึ่งอิสราเอลไม่ได้เตือนสัญญาณแก่รัสเซียตามข้อตกลงกันและไม่ยอมขอโทษแก่กองทัพรัสเซีย ทางรัสเซียเห็นว่าเป็นความผิดของอิสราเอล
รมว.กลาโหมรัสเซีย เซอร์เก โชยกูให้สัมภาษณ์เมื่อวานว่ารัสเซียจะจัดส่งมอบระบบการป้องกันอากาศยานสมัยใหม่ S-300 แก่ซีเรียภายในสองสัปดาห์
ก่อนหน้านี้ซีเรียเคยสั่งซื้อเมื่อ5ปีก่อนมูลค่า500ล้านเหรียญสหรัฐ แต่อิสราเอลขอร้องให้ยกเลิกสัญญาการส่งมอบ S-300ซึ่งมีความสามารถในการสกัดกั้นการโจมตีทางอากาศได้มากกว่า 250 กิโลเมตรและพร้อม ๆ กับการยิงเป้าอากาศหลายเป้าหมาย
แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงซึ่งไม่ใช่ความผิดของมอสโก นอกจากนี้รัสเซียจะจัดหาระบบควบคุมอัตโนมัติที่ทันสมัยด้วย สำหรับการออกคำสั่งป้องกันทางอากาศซึ่งจะช่วยให้ความมั่นใจได้ว่าการจัดการกองกำลังป้องกันทางอากาศของซีเรียอย่างเป็นระบบ รวมถึงการตรวจสอบสถานการณ์ทางอากาศและสิ่งที่ต้องกำหนดเป้าหมายอย่างเป็นระบบ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าเครื่องบินของรัสเซียทุกลำได้รับการป้องกันทางอากาศโดยซีเรีย
ผู้เชี่ยวชาญการทหารอเลคเซ ลีโอนคอฟให้ความเห็นว่า S-300 เป็นภูมิคุ้มกันอย่างดี ควบคู่ไปกับระบบควบคุมอัตโนมัติจะทำงานในช่องข้อมูลเดียวกับระบบป้องกันทางอากาศของรัสเซีย
ทหารของเราจะเห็นทุกอย่างที่ทหารซีเรียเห็นและในทางกลับกันเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับเครื่องบิน ตอนนี้สำหรับกองทัพอากาศซีเรียและรัสเซียจะเป็นหนึ่งเดียวกัน
นอกจากนี้โชยกูยังกล่าวอีกว่ารัสเซียจะปราบปรามระบบนำทางด้วยดาวเทียมและระบบการสื่อสารของการบินต่อสู้โจมตีเป้าหมายในซีเรียซึ่งอยู่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มอสโกถูกบังคับให้ใช้มาตรการตอบโต้อย่างเพียงพอเนื่องจากการกระทำของอิสราเอล
ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหาร ยูริ เลียมินให้ความเห็นว่า หากเป็นเช่นนั้นกองทัพอากาศอิสราเอลในน่านฟ้าใกล้พรมแดนของซีเรียได้สิ้นสุดลง เพราะนักบินจะไม่เข้าไปในโซนดังกล่าว จะถูกสอยอย่างแน่นอน ที่ผ่านมาซีเรียใช้แค่ S-200ซึ่งนักบินอิสราเอลสามารถหลบหลีกหรือใช้วิทยุอิเลคโทรนิกส์ต่อต้านและสามารถฝ่าน่านฟ้าไปได้ซึ่ง อิสราเอลถือเป็นหนึ่งในผู้นำของโลกในด้านนี้
ตามวิธีการของอิสราเอล หากมีข้อสงสัยในความไม่ปลอดภัยของตนเองก็สามารถเข้าไปโจมตีที่ไหนก็ได้อย่างต่อเนื่อง ตามความสบายใจที่จัดให้
ดูอย่างสถิติของปี2018 อิสราเอลโจมตีโดยทิ้งระเบิดมากกว่า2ร้อยลูกในเป้าหมายทางทหารของซีเรียในจังหวัดทารทูส มาเสียฟ และคูเนทร์ ที่ผ่านมาซีเรียสามารถยิงเครื่องบินอิสราเอลได้เพียงครั้งเดียวในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ปีนี้ โดยยิงจากภาคพื้นดิน
นักบินอิสราเอลสองคนใช้เครื่องบิน F-16ทิ้งระเบิดที่ฐานทัพอากาศใกล้เมืองปามีร์ หากเปรียบเทียบผลที่ผ่านมาระบบการต่อต้านขีปนาวุธของซีเรียยังมีความสามารถที่ด้อยอยู่อย่างมาก
แต่หากติดตั้ง S-300 จะช่วยเพิ่มความสามารถในการป้องกันทางอากาศของซีเรียและกองทัพอากาศอิสราเอลจะไม่สามารถดำเนินการได้อีกด้วย เครื่องบินจะถูกสอยก่อนที่จะเข้าใกล้ระยะโจมตีขีปนาวุธ
ข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งของ S-300 เมื่อเทียบกับ S-200 คือความคล่องตัวสูง เวลาใช้งานของระบบมาร์ชใช้เวลาเพียงห้านาทีเท่านั้น ค้นหาและติดตามเป้าหมายช่วยในการลาดตระเวนเรดาร์รุ่นใหม่ สถานีควบคุมไฟเรดาห์
ส่วน S-300 PMU2 มีความสามารถในการตรวจจับเป้าหมายได้ถึง 300 ครั้งและสามารถยิงเป้าหมายทันที 36 ครั้งโดยกำหนดเป้าหมายเป็นขีปนาวุธ 72 ลูก ข้อดีคือเป็นขีปนาวุธในตระกูล 48H6E ซึ่งแตกต่างจากขีปนาวุธ S-200 เป็นเชื้อเพลิงแข็งและไม่ต้องบำรุงรักษาตลอดการใช้งาน
ความน่าจะเป็นนักบินอิสราเอลจะต้องระมัดระวัง แน่นอนว่าอิสราเอลมีวิธีโจมตีทางอากาศในระยะยาว แต่มีราคาแพงมากและไม่เหมาะสำหรับการใช้งานบ่อยๆ อย่างเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ GBU-39
มอสโกสามารถปิดท้องฟ้าซีเรียในนามของตนเองและสามารถที่จะกดดันการเมืองเรื่องของการใช้สิทธิในน่านฟ้าของสหรัฐและยุโรปในน่านฟ้าซีเรียว่ามีสิทธิอะไร?ซึ่งรัฐบาลซีเรียไม่ได้เชิญอย่างเป็นอย่างเป็นทางการและไม่มีสถานะทางกฎหมาย
การตัดสินใจของรัสเซียวิธีเป็นวิธีการปกป้องน่านฟ้าจากผู้รุกราน มีสิทธิเต็มรูปแบบและสมบูรณ์ รวมทั้งได้รับการยืนยันโดยกฎหมายของสหประชาชาติซึ่งเป็นวิธีการเดียวที่ขับไล่กองกำลังติดอาวุธที่ไม่ได้เชื้อเชิญออกจากซีเรียเพื่อกลับคืนสู่สันติภาพ
พวกอาหรับอิสลามนี้ มีแต่ประเทศสร้างเรื่อง เมื่อไหร่จะสงบสุข
อิสราเอล พอได้อเมริกาหนุนหลัง ก็กร่างไปทั่ว จะเอาดินแดนเพิ่มเติม ได้คืบเอาศอก
พวกอาหรับ ก็ทำเรื่องไร้สาระ ก่อการร้าย 3 จังหวัดชายแดนใต้ ทะเลาะกันเองอิรัก-อิหร่าน อิรัก-คูเวต
แต่ละฝ่าย คงจะอยู่อย่างสงบไม่ได้ อาหรับ มีแต่พวกชอบหาแต่เรื่อง